บทที่ 163 หนานหว่านเยียน เจ้าทำอะไรลงไป

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 163 หนานหว่านเยียน เจ้าทำอะไรลงไป

กู้โม่หานยังไม่ทันได้สัมผัสริมฝีปากของนาง

ทันใดนั้นต้นคอก็รู้สึกเย็นวาบ เจ็บจี๊ดราวกับมีมดคลานผ่านมา

ในช่วงเวลาอันจวนตัวนี้ หนานหว่านเยียนก็ดึงยาฉีดออกมาอย่างฉับพลัน ก่อนจะแทงเข้าไปในเส้นเลือดของเขาอย่างไม่ปรานี

ยากล่อมประสาททำงานเร็วมาก ไม่ถึงสามวินาที กู้โม่หานก็ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

เขาเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา มองวัตถุแปลกประหลาดในมือของหนานหว่านเยียน เอามือกุมลำคอจ้องมองหนานหว่านเยียนอย่างโกรธเกรี้ยว

นางไปเอาของแปลกๆ พวกนี้มาจากไหนกัน!

กู้โม่หานพยายามออกเสียงพูดทีละคำอย่างตะกุกตะกัก “หนานหว่านเยียน! เจ้าทำอะไรกับข้า…”

หนานหว่านเยียนชำเลืองมองใบหน้าโกรธเคืองของเขาอย่างเย็นชา “มันคือสิ่งที่ทำให้เจ้าสงบลง ใครใช้ให้เจ้าใช้กำลังขืนใจล่ะ ได้รับอนุญาตจากข้าแล้วหรือยัง?”

นางคิดว่าการโจมตีด้วยคำพูดของนางสามารถปลุกเขาให้ได้สติ แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะดื้อแพ่ง ในช่วงเวลาสำคัญแม้แต่หยุนอี่ว์โหรวก็ยังเอามาอ้างไม่ได้

กู้โม่หานพยายามลุกขึ้น แต่กลับพบว่าแขนขานั้นอ่อนแรงขยับไม่ได้เลย

เขาจ้องเขม็งใส่นาง เปล่งเสียงผ่านริมฝีปากออกมาอย่างยากลำบาก “คลายพิษ…ให้ข้า”

นางต้องวางยาพิษเขาแน่นอน ถึงทำให้เขาขยับเขยื้อนไม่ได้เช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นสตรีผู้นี้ก็ต้องมียาถอนพิษ

หนานหว่านเยียนหมุนข้อมือ แสร้งยิ้มจอมปลอม “พูดจาเหลวไหลนัก ได้เวลาเข้านอนแล้ว”

กู้โม่หานได้ยินดังนั้น ดวงตาพลันจ้องเขม็ง ทันใดนั้นก็รู้สึกเย็นวาบที่ขากางเกง พอก้มหน้ามอง หนานหว่านเยียนได้ถอดเข็มขัดของเขาออกไปแล้ว ดึงกางเกงขายาวข้างนอกออก เหลือไว้เพียงกางเกงใน

“หนานหว่านเยียน!”

ชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกได้รับความอับอายอย่างใหญ่หลวง ในดวงตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แต่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะทำอะไรได้

หนานหว่านเยียนทำเป็นหูทวนลม นางใช้เท้าเขี่ยผ้าห่มที่เดิมเป็นของนางออกไป “ข้าว่าท่านอ๋องร้อนขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องห่มผ้าห่มแล้ว”

นางพยายามออกแรงดึงผ้าห่มที่อยู่ใต้ร่างกายของกู้โม่หานออกมา “อืม แบบนี้ก็พอได้อยู่!”

ศีรษะของกู้โม่หานกระแทกกับพื้น ความเจ็บปวดทำให้เขาหายใจไม่ค่อยออก

ชายหนุ่มเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ คิดจนหัวแทบระเบิดก็ไม่รู้ว่าหนานหว่านเยียนทำอะไรกับเขาบ้าง

เขาอยากจะพุ่งเข้าไปตะครุบนางแล้วสั่งสอนให้สาสม แต่ในขณะนี้เปลือกตาของเขาหนักอึ้งเหมือนถ่วงด้วยตะกั่ว จำต้องหลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้

“เจ้า…อย่าเพิ่ง…ไปไหน…”

เมื่อเขาตื่นขึ้นมา จะไม่ปล่อยนางไปไหนแน่!

เพียงชั่วครู่ กู้โม่หานก็ผล็อยหลับไป

หนานหว่านเยียนเห็นกู้โม่หานสลบไปในที่สุด สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สายตาเย็นชาดุร้าย

นางมัดผมไว้ด้านหลังศีรษะอย่างสบายๆ พับแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นข้อมือที่ถูกกู้โม่หานบีบจนแดงเมื่อครู่ ทำท่าราวกับกำลังจะจัดการขั้นเด็ดขาด

“ไอ้ชายชั่ว! น่าขยะแขยง! ยังคิดจะใช้กำลังขืนใจข้าอีก เจ้าฝันไปเถอะ!”

ชายชั่วผู้นี้จัญไรยิ่งนัก ในใจมีใครอยู่แล้ว ยังกล้าคิดหมายปองตัวนางอีก! ไม่ตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตก็แล้วไป ยังคิดเนรคุณตอบเสมอ คนอกตัญญู กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาจริงๆ!

ยังมีความแค้นหนึ่งกระบี่ กระบองสามสิบท่อน ทุกสิ่งที่นางเคยถูกกู้โม่หานรังแกในอดีต นางจดจำไม่เคยลืม!

เสียง “ผัวะๆ!” อันคมชัดทะลุผ่านอากาศ หนานหว่านเยียนตบหน้ากู้โม่หานอย่างแรง

“สองครั้งนี้ สำหรับบรรดาลูกสาว!”

“ห้าปีที่ผ่านมาเจ้าไม่ได้ทำอะไรเพื่อพวกนางเลย แต่ตอนนี้กลับคิดหมายปองพวกนาง ถุย!”

เสียงคมชัดดังขึ้นอีกสองครั้ง ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มแดงฉาน ความสุขในดวงตาแจ่มจรัสของหนานหว่านเยียนมากยิ่งขึ้นไปอีก

“ตบสองครั้งนี้ เพื่อตัวข้าเอง เจ้ารังแกข้าเกินไป รังแกข้าครั้งแล้วครั้งเล่า”

“ถ้าข้าไม่ฉลาดพอ คงกลายเป็นโครงกระดูกในจวนอ๋องอี้ของเจ้าไปตั้งนานแล้ว แม้แต่บรรดาสาวใช้ยังต้องสังเวยชีวิต!”

หนานหว่านเยียนยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ไม่คิดว่าการตบเพียงไม่กี่ครั้งนั้นสะใจพอ แต่ฝ่ามือของนางแดงและเจ็บมากแล้ว

นางลุกขึ้นยืน ถีบกู้โม่หานอย่างแรงที่หน้าอกไปหลายครั้ง!

แต่ร่างกายของเขาแข็งแรงมาก เท้าที่นางใช้ถีบก็ยังเจ็บ

เมื่อเห็นรอยเท้าสีแดงสดบนเสื้อผ้าของเขา ความโกรธของหนานหว่านเยียนก็สงบลงเล็กน้อย

“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นอ๋อง ฆ่าเจ้าแล้วจะยุ่งยากมากเรื่อง ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่! แต่เจ้าก็อย่าลำพองใจไป จากนี้ไป…ข้าจะทำให้จิตใจเจ้าพังยับเยิน เสียใจไปตลอดชีวิตที่เหลือของเจ้าแน่นอน!”

ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องปกปิดชีวิตของเด็กหญิงทั้งสอง เพื่อที่ชาตินี้เขาจะไม่มีวันได้พบ สาวไม่ถึงตัวพวกเขา!

พูดจบนางก็ไม่คิดแม้แต่จะชำเลืองมองเขา ปรบมือข้ามตัวกู้โม่หานไป เดินตรงไปที่ริมหน้าต่าง เปิดหน้าต่างทั้งหมดในจวน

ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง แม้ว่าจะมีลมอ่อนๆ พัดโชยมาในตอนกลางคืนยังไม่ถือว่าเย็นนัก แต่การพัดตลอดคืนก็เพียงพอที่จะทำให้กู้โม่หานลำบากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เขายังไม่ได้ใส่เสื้อคลุมอีก

ยากล่อมประสาทที่หนานหว่านเยียนให้นั้นมีปริมาณสูงมาก เพียงพอที่จะทำให้กู้โม่หานนอนหลับตลอดทั้งคืน

ดังนั้นนางจึงไม่คิดมาก เดินกลับไปที่ข้างเตียง มองเสื้อผ้าของตัวเองที่บางราวกับปีกจักจั่น เบะปากด้วยความรังเกียจ “ยี้”

นางชำเลืองมองเสื้อผ้าของกู้โม่หานที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ยิ่งทำให้นางสะอิดสะเอียนมากขึ้น “ช่างเถอะ ใส่ชุดนี้ยังดีกว่าใส่ของเขา”

ว่าแล้วนางก็นอนกอดผ้าห่มนอนลงบนเตียงอย่างเกียจคร้าน ก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝันอย่างสบายใจ

ดวงจันทร์ส่องสว่าง แสงดาวริบหรี่ ลมเย็นพัดผ่านใบหน้า ยามใกล้รุ่งกู้โม่หานรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่าง สะดุ้งตื่นขึ้นมาในชั่วพริบตา

เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ คุณสมบัติของร่างกายแตกต่างจากคนทั่วไป ตอนนี้ลมหนาวกำลังพัดโชย ทำให้เขาสร่างเมาเร็วขึ้น

ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่ยาที่ไทเฮาใส่มาในตัวเขายังหมดฤทธิ์ในตอนนี้

ดวงตาสีดำของชายหนุ่มลุ่มลึกเย็นชา ไม่นานเขาก็ลุกขึ้นนั่ง จามออกมาอย่างฉับพลัน “ฮัดชิ้ว!”

กู้โม่หานปวดตรงหว่างคิ้ว เอามือนวดศีรษะที่มึนงงแล้วมองไปรอบๆ แต่ใบหน้ากลับยังปวดร้อนวูบวาบอยู่อย่างไม่ทราบสาเหตุ

เขาไม่รู้ว่า บรรดารอยฝ่ามือสีแดงสดยังคงอยู่บนใบหน้าของเขา รอยประทับสีแดงก่ำได้จางลงเล็กน้อยแล้ว

เขามองไปทางเตียง ถึงนึกเรื่องที่เขาเคยถูกหนานหว่านเยียนทำให้ขายหน้าก่อนหน้านี้ได้

กู้โม่หานอารมณ์เสียในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นหนานหว่านเยียนกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ละเมอขึ้นมาจากในความฝัน แถมยังยิ้มซื่อๆ อีกด้วย

ส่วนเขากลับสวมกางเกงชั้นในบางๆ นอนอยู่บนพื้นเย็นเยียบถึงกระดูก ลมหนาวพัดมาจากทุกทิศทาง แม้แต่ผ้าห่มผืนเดียวก็ไม่มี

กู้โม่หานเกิดความคิดอยากฆ่าคนขึ้นมาทันที!

“เจ้านอนหลับฝันดีเลยนะ!”

เขาลุกขึ้นยืนด้วยดวงตาสีแดงก่ำ เมื่อเดินถึงขอบโต๊ะก็จามอย่างต่อเนื่องสามครั้ง

ชายหนุ่มวิงเวียนตาลาย ยืนไม่ค่อยอยู่ ใบหน้าไม่เป็นไรแล้ว แต่หน้าอกของเขายังคงเจ็บปวดเหมือนถูกแหวกทิ่มแทงหัวใจ เขาก้มหน้าลง ถึงสังเกตเห็นว่ามีรอยเท้าเล็กๆ หลายรอยบนหน้าอกของเขา

สตรีผู้นี้ฉวยโอกาสทุบตีเขาในขณะที่เขาหลับอยู่หรือ?

ไม่ใช่แค่ถีบเขา เกรงว่าบนหน้าก็ถูกนางตบด้วยสินะ?

ไฟโทสะในดวงตาของเขาพวยพุ่งออกมาทันที เตรียมพร้อมที่จะสั่งสอนบทเรียนให้นาง

ชายหนุ่มเดินไปที่ข้างเตียงอย่างเร่งรีบ “หนานหว่านเยียน ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้…”

เสียงนั้นหยุดลงในทันใด กู้โม่หานจับจ้องสตรีบนเตียง เขาตกตะลึงในทันใด…