บทที่ 258
ว่านฉางหรูยิ่งเล่นตัว ใจของเฉินโม่ยิ่งไม่สบายใจ ถ้าหากว่าเขาไม่กลัวรัฐบาลหัวเซี่ยล่ะก็ เฉินโม่ก็แทบจะรอเข้าไปตบสองพ่อลูกตระกูลว่านให้ตายคามือไม่ไหวแล้ว

จู่ ๆ เฉินโม่ก็ขมวดคิ้ว เขาเห็นคุณแม่หลี่ซู่เฟินเองก็เดินเข้าไปพูดคุยกับว่านฉางหรู

“ท่านประธานว่าน ไม่เจอท่านนาน ท่วงท่าดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีกนะคะ !” หลี่ซู่เฟินยิ้มพลางประสานมือคำนับ

ว่านฉางหรูเหลือบหันไปมองหลี่ซู่เฟินหนึ่งครั้ง ก่อนจะยิ้มจาง ๆ ออกมาที่มุมปาก แต่เขากลับไม่ได้สนใจ พูดคุยกับคนบนโต๊ะต่อ

หลี่ซู่เฟินยิ้มแห้ง ๆ อยู่กับที่อย่างขัดเขิน

ทันใดนั้นทั่วทั้งห้องโถงก็เงียบขึ้นมาอย่างกะทันหัน !

ทุกคนที่เข้าไปพบว่านฉางหรู ล้วนแล้วแต่ได้รับคำเชิญให้นั่งลง มีแต่หลี่ซู่เฟินจากเหม่ยหวากรุ๊ปเท่านั้นที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ให้ยืนอยู่อย่างนั้น

ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นตุ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น

สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปยังหลี่ซู่เฟินทีเดียว บางคนก็ยิ้มออกมาด้วยความสะใจ

เฉินโม่หรี่ตา แววตาของเขาเย็นเฉียบลง

หลี่ซู่เฟินยืนอยู่กับที่โดยที่ไม่เข้าใจ และยังคงรักษาท่าทีการเคารพไว้ เธอคิดว่าเหม่ยหวากรุ๊ปก็ไม่ได้ต่างไปจากคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะนั้นเท่าไหร่ แถมเหม่ยหวากรุ๊ปและว่านฉางหรูยังมีความร่วมมือทางด้านธุรกิจกันอยู่ แล้วทำไมว่านฉางหรูถึงต้องละเลยเธอด้วย ?

หากเธอถอยออกไปตอนนี้ เกรงว่าหลี่ซู่เฟินจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคนทันที

หลี่ซู่เฟินเพิ่มพูนความกล้าพูดออกไปอีกครั้งนึงอย่างฝืนใจว่า “หลี่ซู่เฟินของเหม่ยหวากรุ๊ป ยินดีที่ได้พบท่านประธานว่าน !”

ในสายตาของทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความสงสัย ครั้งนี้ ว่านฉางหรูจะตอบรับคำพูดของเธอรึเปล่านะ ?

ว่านฉางหรูกันหน้าไปมองหลี่ซู่เฟินแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วย ผมกำลังพูดคุยกับเพื่อน ๆ อยู่ ขอให้คนที่ไม่เกี่ยวอย่าเพิ่งรบกวนด้วย !”

คนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับว่านฉางหรู สีหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ

เหม่ยหวากรุ๊ปที่จู่ ๆ ก็เกิดขึ้นมาได้เพียงไม่กี่ปี กิจกรรมต่าง ๆ เฟื่องฟู ในกลุ่มพวกเขาก็มีบางคนที่เคยคิดจะร่วมมือกับเหม่ยหวากรุ๊ป แต่เป็นเพราะสาเหตุบางอย่างทำให้ต้องถูกปฏิเสธไป

แต่ในวันนี้ เขาคือแขก ส่วนเธอคือคนแปลกหน้า ลมได้เปลี่ยนทิศแล้ว คนเหล่านั้นในตอนนี้รู้สึกยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง !

ในตอนนั้นเอง ถ้าหากว่าทุกคนดูไม่ออกว่าว่านฉางหรูจงใจปฏิเสธหลี่ซู่เฟินล่ะก็ ก็คงจะโง่เกินไปแล้ว

หลี่ซู่เฟินไม่ยอมถอย เธอลดท่าทีตัวเองลง จากนั้นถึงถามออกไปด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านประธานว่าน ปีที่แล้วพวกเรายังรับประทานอาหารด้วยกันอยู่เลย จนกระทั่งตอนนี้ ธุรกิจภายใต้การดูแลของท่านกับเหม่ยหวากรุ๊ปก็ยังมีการติดต่อทางธุรกิจระหว่างกัน ทำไมท่านถึงลืมกันได้ง่ายขนาดนี้ล่ะ จำฉันไม่ได้เลยหรือ ?”

ว่านฉางหรูพูดออกไปโดยไม่แยแสว่า “แบบนี้มั้ยล่ะ ? งั้นฉันจะให้คนรีบยกเลิกความร่วมมือกันระหว่างเรา แค่นี้เธอก็ไปได้แล้ว !”

ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในความสับสน ผู้ที่มีชื่อเสียงทั่วทั้งห้องโถงต่างก็กระซิบกระซาบกัน สายตาที่จับจ้องไปยังหลี่ซู่เฟินเต็มไปด้วยความขบขัน

ใบหน้าของหลี่ซู่เฟินเริ่มบูดเบี้ยว ยืนตัวตรง มองไปยังว่านฉางหรูด้วยสายตาเย็นชา และถามไปว่า “ท่านประธานว่าน ช่วยอธิบายมาหน่อยได้รึเปล่า ?”

ว่านฉางหรูยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่ต้องรีบร้อน อีกเดี๋ยวเธอก็ได้รู้แล้ว !”

หลี่ซู่เฟินสับสน เดินกลับไปนั่งยังโต๊ะอีกตัวที่อยู่ไกล ๆ ด้วยความโมโห ตอนนี้เธอได้แต่ทำสีหน้าครุ่นคิด

ก่อนหน้านี้ ผู้ที่นั่งอยู่ในโต๊ะนั้นบางคนเองก็เพิ่งจะมาคุยเล่นกับเธอ จนถึงขนาดเตรียมตัวที่จะร่วมมือกันทำธุรกิจในปีหน้า

แต่ตอนนี้กลับทำเป็นไม่สนใจไยดีต่อเธอ

เวินฉิงเดินเข้าไปด้านหน้า ถามเธอถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความกังวล “ท่านประธาน สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น ?”

หลี่ซู่เฟินส่ายหัว “ในตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจ แต่ฉันมีลางสังหรณ์ว่าอย่างหนึ่งว่าเหม่ยหวากรุ๊ปกำลังจะมีปัญหาแล้ว !”

เวินฉิงตกตะลึง “ตั้งแต่ท่านประธานกลับมาจากตระกูลหลี่ พวกเราต่างก็ทำอะไรกันอย่างระมัดระวังเสมอ ราวกับต้องเผชิญกับอันตรายตลอดเวลา ไม่เคยทิ้งโอกาสไว้ให้กับคู่ต่อสู้เลยสักครั้ง ไม่น่าจะมีอะไรนี่ ?”

หลี่ซู่เฟินส่ายหัว สีหน้าเต็มไปด้วยความแน่วแน่จริงจัง “ถ้าหากเป็นศัตรูคนอื่น ๆ หรือว่าจะเป็นตระกูลว่านก็ตาม ฉันเชื่อว่าพวกเราสามารถรับมือมันได้ แต่ถ้าหากว่าตระกูลหลี่เป็นคนลงมือล่ะก็ ฉันคงจะไม่เหลือโอกาสอะไรแล้ว เธอยังไม่รู้ถึงความน่ากลัวของตระกูลมหาอำนาจพวกนั้น !”

เพิ่งจะพูดจบ โทรศัพท์ของหลี่ซู่เฟินจู่ ๆ ก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล มีเรื่องอะไร ?”

แต่ทว่ามือของหลี่ซู่เฟินเกิดลื่นขึ้นมา โทรศัพท์เผลอหลุดร่วงลงไปกระแทกกับพื้นดัง ‘แกร๊ก’ ด้านในเกิดมีเสียงที่ดูเร่งรีบดังขึ้นมา