บทที่ 335 สมาคมนักล่ามังกร

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 335 สมาคมนักล่ามังกร

ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงมาก จู่ ๆ พลังโอสถเทพตะวันแดงแตกตัวออกมาจากร่างของจิ่วโยว มันรวมร่างกันกลายเป็นสัตว์ในตำนานทั้งสี่ชนิดประจำปราสาทจตุรเทพ

มังกรคำราม พยัคฆ์คำรณ วิหคเพลิงกู่ร้อง เต่าคะนองศึก

พลังของสัตว์ในตำนานพวยพุ่งออกมาเพราะได้รับการกระตุ้นจากพลังลมปราณจำแลงของฉู่ชวิ๋น จิ่วโยวอยากจะใช้พลังลมปราณของเธอกดทับพวกมันเอาไว้ แต่ผลที่ได้คือพลังย้อนเข้าหาตัวเองจนต้องกระอักเลือดออกมาคำโต

ฉู่ชวิ๋นรีบเข้าไปโคจรพลังเพื่อช่วยเหลือจิ่วโยวและภายใต้การควบคุมของเขา เงาร่างของสัตว์ในตำนานเหล่านั้นก็ถูกกดทับจนหายไป

ฉู่ชวิ๋นมีพลังลมปราณจำแลงที่แข็งแกร่งมาก เมื่อปะทะเข้ากับเงาร่างของมังกร มังกรก็แหลกสลายหายไปทันที เช่นเดียวกับแขนขาของสัตว์ในตำนานอีกสามชนิดที่กระจัดกระจายไปคนละทิศละทางและถูกดูดซับกลับไปในแขนขาทั้งสี่ข้างของจิ่วโยวอีกครั้ง

สีหน้าที่เจ็บปวดของเด็กสาวหายไป เธอสีหน้าเป็นปกติขึ้นมาก

ฉู่ชวิ๋นเห็นดังนั้นก็หยุดโคจรพลังช่วยเหลือ

ใบหน้าของจิ่วโยวเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง มีประกายสีแดงเรืองรองออกมาจากรูขุมขนดูน่ากลัว แต่ลมหายใจของเธอก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติอย่างช้า ๆ

เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยและพวกบุตรชายได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ พวกเขาเคยรับประทานยาสลายจุดตีบตันมาแล้ว แต่ดูเหมือนว่ายาลูกกลอนสีแดงเม็ดนี้จะมีสรรพคุณที่แรงกว่ายาสลายจุดตีบตันอยู่หลายเท่า

ฉู่ชวิ๋นไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อนของดี เขามักจะมอบของมีค่าให้แก่ทุกคนอยู่เสมอ

ครั้งนี้ เขาปรุงยาโอสถเทพตะวันแดงออกมาได้ 15 เม็ด

ฉู่ชวิ๋นมอบให้กับเยวี่ยฟ๋านเตี๋ย 5 เม็ด โดยแบ่งให้พ่อลูก 4 เม็ด และฝากให้ลูกชายคนเล็กของเยวี่ยฟ๋านเตี๋ยที่เขายังไม่เคยพบหน้าอีก 1 เม็ด

“ฉันทำบุญด้วยอะไรนะถึงได้มาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับน้องชาย” เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยพูดด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ

เขารับเม็ดยาไปจ้องมองด้วยความปลาบปลื้ม

หยานหวูซวงยืนถูมือตัวเองอย่างอยู่ไม่สุข เนื่องจากอยากจะได้ยาโอสถเทพตะวันแดงเช่นกันแต่ไม่กล้าบอก

ฉู่ชวิ๋นยื่นส่งไปให้หยานหวูซวง 1 เม็ด

“ไม่ต้องรีบร้อนกินนะ เก็บเอาไว้กินตอนที่รู้สึกนายกำลังจะเลื่อนระดับพลังขึ้นไปอีกขั้น หากเลื่อนระดับสำเร็จ มันจะช่วยทำให้นายเลื่อนระดับได้ถึงสองระดับในคราวเดียว” ฉู่ชวิ๋นพูดเน้นเสียงว่าเป็นเรื่องสำคัญ

ฉู่ชวิ๋นหันกลับไปมองจิ่วโยวแล้วก็ต้องหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เด็กสาวใจร้อนเกินไปจริง ๆ รีบกินแบบนี้ก็เลือนพลังได้แค่ระดับเดียวน่ะสิ

กว่าจิ่วโยวจะเลื่อนพลังได้สำเร็จก็ต้องใช้เวลานานมาก เธอนั่งโคจรพลังอย่างนั้นกว่า 1 สัปดาห์แล้วก็ยังไม่สำเร็จ

ในระหว่างนั้น ฉู่ชวิ๋นและพรรคพวกก็ออกไปตระเวนหาข่าวเกี่ยวกับพวกผีดิบในเมือง

ปรากฏว่าพวกมันระมัดระวังตัวมากขึ้น คล้ายกับรู้ว่าฉู่ชวิ๋นตามล่าตัวพวกมันอยู่ ทุกครั้งที่ผีดิบลงมือฆ่าคนควักหัวใจ มันจะเปลี่ยนพื้นที่ก่อเหตุไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมให้พวกเขาตามสืบได้ว่าตอนนี้พวกมันกำลังปักหลักอยู่ที่ไหน

เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยรู้สึกเป็นกังวลมาก เผ่าพันธุ์ผีดิบพวกนี้มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่หายากและมีจำนวนน้อย แต่ก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่รับมือยาก ถ้ายังหาตัวไม่เจอและกำจัดทิ้งไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็วพวกมันจะกลายเป็นหายนะอันใหญ่หลวงของเมืองนี้

ฉู่ชวิ๋นเองก็ไม่พอใจเช่นกัน เมื่อวานเขาได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้าหมายเลข 1 มีมังกรดำจากยุโรปมาปรากฏตัวที่ชายแดนประเทศจีนอย่างไม่ทราบสาเหตุ และมังกรตัวนั้นฆ่าทหารตระเวนชายแดนของประเทศจีนตายไปหลายพันคน

หัวหน้าหมายเลข 1 อยากให้เขาไปที่นั่น เนื่องจากมังกรดำสามารถพ่นไฟได้แถมยังร้ายกาจยิ่งที่สำคัญมันสามารถบินได้อย่างรวดเร็ว เกล็ดบนลำตัวของมันป้องกันได้แม้แต่จรวดมิสไซล์ มังกรตัวนี้ถือว่าเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด

ฉู่ชวิ๋นยกมือนวดขมับอย่างปวดหัว ปัญหาผีดิบที่เมืองนี้ยังแก้ไม่ตก สัตว์ประหลาดจากต่างประเทศก็บุกเข้ามาแล้ว เขาไม่รู้จะทำยังไงดีจริง ๆ ถ้าทิ้งที่นี่ไปไม่น่ามีใครสู้กับพวกผีดิบได้ หยานหวูซวง อย่างเก่งก็สู้ได้แค่ 1-1 เท่านั้น

“น้องชาย เธอไปจัดการธุระเรื่องมังกรก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจัดการผีดิบพวกเอง” เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยยืนยันว่าตนเองมีขุมกำลังที่แข็งแกร่งมากพอ

ฉู่ชวิ๋นก็กำลังคิดเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน พวกผีดิบซ่อนตัวได้อีกนาน แต่เขาจะมัวรออยู่เช่นนี้ไม่ได้แล้ว

จิ่วโยวก็ยังคงโคจรพลังไม่เสร็จ คงต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าที่เธอจะตื่น

“งั้นผมคงต้องฝากพี่เยวี่ยช่วยดูแลจิ่วโยวด้วยนะครับ” ฉู่ชวิ๋นสร้างม่านพลังสังหารห่อหุ้มตัวจิ่วโยวเอาไว้ ถ้าไม่ใช่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ขึ้นไปก็ไม่มีทางสลายม่านพลังนี้ได้อย่างแน่นอน

เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยรับปาก “ไม่ต้องห่วง อยู่กับฉันไม่มีใครทำอันตรายเธอได้แน่นอน”

วันต่อมา เมื่อเห็นว่าจิ่วโยวยังคงไม่ตื่น ฉู่ชวิ๋นก็ออกเดินทางไปพร้อมกับหยานหวูซวงและถางโร้ว

ระหว่างทาง ชายหนุ่มลองล็อกอินเข้าไปในเว็บบอร์ดชุมนุมชาวยุทธ์ซึ่งเขาไม่ได้เข้าไปนานแล้ว ฉู่ชวิ๋นค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมังกรดำในเว็บบอร์ด

สิ่งที่หัวหน้าหมายเลข 1 พูดเอาไว้ ห่างไกลจากความเป็นจริงหลายเท่า

ในเว็บบอร์ดเต็มไปด้วยข่าวและภาพถ่ายของมังกรดำมันน่ากลัวกว่าที่หัวหน้าหมายเลข 1 บอกมากยิ่งไปกว่านั้น การที่มีทหารหลายพันนายถูกมังกรดำตัวนี้ฆ่าตาย ทำให้ชาวจีนจำนวนมากรู้สึกโกรธแค้น

ฉู่ชวิ๋นเปิดดูรูปภาพของมังกรดำตัวนั้น มันมีลักษณะเหมือนมังกรในภาพยนตร์ต่างประเทศ แต่ตัวมันมีขนาดใหญ่กว่าในหนังมาก เวลาที่สองปีกกางออกกว้าง ปีกแต่ละข้างจะมีความยาว 10-20 เมตรเลยทีเดียว

ลำตัวของมันปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำ มองผ่าน ๆ จึงเหมือนเป็นภูเขาสีดำที่สะท้อนประกายแวววาว แต่ที่ร้ายกาจที่สุดก็คือเวลาที่มันอ้าปากจะมีเปลวไฟพุ่งออกมาเต็มท้องฟ้า แม้แต่ก้อนหินก็ละลายกลายเป็นผง

มีกลุ่มจอมยุทธ์รวมตัวกันออกไปล่ามังกร แต่พวกเขาก็ตกตายกันไปเป็นจำนวนมหาศาล

แต่ว่ามังกรจากยุโรปมาปรากฏตัวที่รอยต่อระหว่างเมืองจีนกับเวียดนามได้ยังไง? นี่คือคำถามที่คุ้มค่าต่อการหาคำตอบอย่างยิ่ง

ณ ชายแดนระหว่างประเทศจีนและเวียดนาม ฉู่ชวิ๋นเคยไปที่นั่นมาแล้วครั้งหนึ่งตอนที่กลุ่มหมาป่าทองคำจี้สายการบินจีนและเขาก็ติดตามไปจัดการพวกมันจนไม่เหลือซาก

เมื่อนึกถึงชายแดนแห่งนั้น ดวงตาของฉู่ชวิ๋นก็เป็นประกายขึ้นมา

การเปลี่ยนแปลงของโลกไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในประเทศจีนเท่านั้น แต่เกิดขึ้นไปทั่วโลก

ตอนนี้ กระทู้ของเว็บบอร์ดชุมนุมชาวยุทธ์ได้รับความสนใจจากทุกฝ่าย

แถมผู้ใช้วิชาจากตะวันตกก็เข้ามาป่วนเว็บบอร์ดและดูถูกฝีมือจอมยุทธ์ชาวจีน โดยกล่าวว่ามังกรของชาวยุโรปสามารถฆ่าจอมยุทธ์ชาวจีนได้หมดประเทศไม่ยาก รีบมาขอให้พวกเขาไปช่วยดีกว่า

หลังจากโพสต์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป มันก็ได้สร้างความโกรธแค้นให้แก่จอมยุทธ์ชาวจีนเป็นจำนวนมาก

ในตอนนี้ มีหลายกระทู้ถูกโพสต์ไปในทิศทางเดียวกันว่า

“เปิดรับสมัครนักล่ามังกร”

“ลูกหลานชาวจีนเอ๋ย พวกเรามาฆ่ามังกรกันเถอะ”

“เราชาวจีนอย่าให้คนต่างชาติมาดูถูก ใครจะไปฆ่ามังกรกับผมบ้างมาลงชื่อได้เลย”

ทุกโพสต์เป็นการประกาศหาคนเพื่อไปตามล่ามังกรดำตัวนี้

แล้วก็ยังมีอีกหลายกระทู้ที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตอบโต้ผู้ใช้วิชาจากยุโรป

“พวกฝรั่งจงหุบปากไปซะ เก่งจริงก็เดินทางมาที่ประเทศจีนเลยสิ ฉันสามารถคว่ำพวกแกได้ในไม่กี่กระบวนท่าด้วยซ้ำ”

“เจ้าพวกหัวทองทำมาเป็นหัวเราะเยาะจอมยุทธ์จีน เก่งจริงมาสู้กัน สู้สนามกลางก็ได้มา สู้กันที่เวียดนามเลยเป็นไง มาสิวะไอ้เจ้าพวกหัวทอง”

“เจ้าพวกหัวทอง ถ้าเก่งจริงก็มาสู้กัน แต่ฉันว่าไม่ต้องถึงกับฆ่ามังกรหรอก แค่หมาสักตัวพวกแกยังไม่มีปัญญาทำได้เลยด้วยซ้ำ”

เกิดสงครามอินเทอร์เน็ตระหว่างจอมยุทธ์ชาวจีนกับผู้ใช้วิชาชาวยุโรป

เมื่อปะทะคารมกันในโลกออนไลน์แล้ว ก็มีทีท่าว่าพวกเขาจะมาปะทะกำลังกันในโลกของความจริงด้วย เนื่องจากมีการนัดแนะสถานที่ให้มาเจอกันที่ชายแดนระหว่างเมืองจีนกับเวียดนามอย่างจริงจัง

แถมปัญหาเรื่องมังกรดำยังทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกองทัพจีนกับกองทัพทางยุโรปอีกด้วย

ฉู่ชวิ๋นได้แต่อ่านกระทู้เหล่านั้นด้วยความเพลียใจ

“เราลงชื่อเข้าร่วมกลุ่มสมาคมนักล่ามังกรด้วยดีไหม” ฉู่ชวิ๋นบอกทุกคน

หยานหวูซวงหันมามองหน้าฉู่ชวิ๋นด้วยความประหลาดใจ พูดว่า “เอาจริงเหรอพี่? โลกนี้จะมีใครไม่รู้จักพี่บ้าง? ไม่ว่าใครก็จำหน้าแสนอำมหิตของพี่ได้ทั้งนั้น ถ้าพี่ไปเข้าร่วมกลุ่มจริง ใครหน้าไหนมันจะกล้าเป็นหัวหน้าพี่?”

“ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นลูบใบหน้าตนเองและรู้สึกว่าใบหน้าของเขาก็ออกจะดูใจดีมีเมตตาจะตายไป

หยานหวูซวงพยักหน้าอย่างหนักหน่วง

แม้แต่ถางโร้วก็พยักหน้ายืนยันด้วยเช่นกัน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอได้รับรู้แล้วว่าฉู่ชวิ๋นน่ากลัวสมฉายาของเขาขนาดไหน

“เรื่องนี้แก้ง่ายจะตาย” ฉู่ชวิ๋นพูดแล้วยิ้มกว้าง “นายจำครั้งแรกที่พวกเราเจอกันได้ไหม?”

หยานหวูซวงนิ่งคิดและพูดขึ้น “พี่กำลังพูดถึงการปลอมตัวสินะ?”

ฉู่ชวิ๋นผงกศีรษะ แล้วทั้งสามคนก็เริ่มแปลงโฉมตัวเอง

ความจริงแล้ว คนที่สมควรต้องปลอมตัวมีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น หยานหวูซวงกับถางโร้วไม่ใช่คนที่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่

ฉู่ชวิ๋นเปลี่ยนโฉมตัวเองกลายเป็นชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง หยานหวูซวงเปลี่ยนชุดจากสีขาวมาใส่สีดำ ถางโร้วปลอมตัวด้วยการนำผ้าคลุมหน้าลายลูกไม้มาปิดบังใบหน้า

หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นก็ลงนามเข้าร่วมสมาคมนักล่ามังกร

หัวหน้าทีมสมาคมนักล่ามังกรเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 มีนามว่าอี้เสี่ยวซู ชื่อของเขาดูเหมือนจะเป็นคนสุภาพ แต่ตัวจริงนั้นค่อนข้างป่าเถื่อนใช้ได้ทีเดียว

“ถ้าพวกนายเข้าร่วมสมาคมนักล่ามังกรของฉัน ฉันจะให้หญ้าจิตวิญญาณ 5 กำมือเป็นของตอบแทน” อี้เสี่ยวซูประกาศเอาไว้

ฉู่ชวิ๋นประหลาดใจไม่น้อย ถือได้ว่าอีกฝ่ายเป็นจอมบุญทุ่มซะจริง

ฉู่ชวิ๋นสอบถามข้อมูลว่าจะให้เขาไปพบเจอได้ที่ไหน?

“ตรงเมืองชายแดนระหว่างประเทศจีนกับเวียดนาม” อี้เสี่ยวซูพิมพ์ตอบกลับมา

หลังจากเกิดความเปลี่ยนแปลงของโลก เนื่องจากมีจำนวนภูเขาและสัตว์ป่าเพิ่มขึ้นหลายเท่า ชาวบ้านที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองชายแดนต่างก็อพยพออกไปหมด

พวกของฉู่ชวิ๋นต้องใช้เวลาเดินทางหลายวัน กว่าจะไปถึงเมืองชายแดนตามที่นัดหมาย

“โอ้โห คนเยอะจังเลย” หยานหวูซวงพูด เมื่อเห็นว่าในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มีแต่จอมยุทธ์เดินเต็มไปหมด

แต่ที่สำคัญก็คือ กิจการร้านค้าทุกอย่างเปิดเป็นปกติ มีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของเป็นปกติ

ฉู่ชวิ๋นได้ยินมาว่าสมาคมนักล่ามังกรที่เขาลงนามเอาไว้ตั้งอยู่ในทุ่งหญ้าเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

แต่เมืองนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่ไม่ใช่น้อย

ฉู่ชวิ๋นไม่ได้รีบไปที่สมาคมโดยทันที แต่เขาเลือกที่จะเดินสำรวจดูกลุ่มนักล่ามังกรทีมอื่นที่อยู่ในเมืองนี้

กลุ่มนักล่ามังกรมีอยู่ด้วยกันหลายชื่อหลายทีม ไม่ว่าจะเป็นสมาคมตัดหัวมังกร สมาคมจอมยุทธ์จีน และอีกหลากหลายสมาคมตามแต่จะตั้งชื่อกันไป

แต่ที่น่าสนใจก็คือคุณสมบัติในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของแต่ละกลุ่ม ถ้าเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 ขึ้นไปก็จะสามารถเข้าร่วมกลุ่มได้ทันที เมื่อเข้าร่วมกลุ่มแล้ว ก็จะได้รับหญ้าจิตวิญญาณเป็นของตอบแทน

“คุณสามคนนี้ท่าทางมีสง่าราศี สนใจมาเข้าร่วมสมาคมชำแหละมังกรของฉันไหม? เดี๋ยวฉันให้หญ้าจิตวิญญาณ 6 กำมือเป็นของตอบแทนเลยนะ”

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 คนหนึ่งเดินมายืนขวางหน้าพวกของฉู่ชวิ๋น

“ขอโทษทีครับ พวกเราเข้าร่วมกลุ่มสมาคมนักล่ามังกรไปแล้ว” ฉู่ชวิ๋นปฏิเสธ

ใครจะคิดเลยว่าจอมยุทธ์คนนั้นกลับชักสีหน้าเข้าใส่ และขับไล่พวกเขาออกมาทันที

“ในเมื่อพวกนายลงชื่อกลุ่มอื่นไปแล้ว จะมาเสนอหน้าในเขตของทีมอื่นอีกทำไม รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”

หยาบคายขนาดนี้หยานหวูซวงจะทนได้ยังไง? ถ้าไม่ได้เป็นเพราะฉู่ชวิ๋นกดไหล่เขาเอาไว้ ชายหนุ่มได้ออกไปสั่งสอนหมอนี่แล้ว

“ไปกันเถอะ” ฉู่ชวิ๋นนำตัวหยานหวูซวงเดินออกมา

หยานหวูซวงยังคงโกรธแค้นไม่หาย สะบัดมือของฉู่ชวิ๋นออกจากแขนและถามว่า “พี่มาห้ามผมทำไม? ไอ้หมอนั่นมันกล้าดียังไงมาดูถูกพวกเรา? แบบนี้ไม่สั่งสอนได้เหรอ?”

“คุณชายหยาน ที่นี่ไม่ใช่เมืองหยานเซวี่ยของนายสักหน่อย อีกอย่างพวกเรากำลังปลอมตัวอยู่ อย่าตกเป็นจุดสนใจเลยดีกว่า…” ฉู่ชวิ๋นหยุดเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “นายไม่สังเกตหรือไง? ในเมื่อทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน แต่กลับมีความขัดแย้งกัน นี่แหละที่มันผิดปกติ!”

หยานหวูซวงตอบกลับอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ว่า “พวกจอมยุทธ์ก็แบบนี้แหละ อยู่ที่ไหนก็ไม่กินเส้นกันเป็นธรรมดา”

ฉู่ชวิ๋นหันกลับไปมองหน้าคุณชายหยานด้วยความเหนื่อยใจ คนที่เขาเคยพบตอนอยู่ในเมืองเมืองหยานเซวี่ยงหายไปไหนแล้วนะ คนที่สามารถฆ่าหอคอยโลหิตจันทราในดาบเดียว ทำไมถึงกลายเป็นคนซื่อบื้อแบบนี้ไปได้

นี่เขากำลังซ่อนผีมือที่แท้จริงของตนเองอยู่? หรือตัวตนที่แท้จริงของหยานหวูซวงจะเป็นคนไม่เอาอ่าวแบบนี้กันแน่? แล้วถ้ามันซื่อบื้อขนาดนี้ฝึกมาถึงขั้นจักรพรรดิระดับ 7 ตั้งแต่อายุน้อยได้ยังไง สวรรค์ตาบอดแล้วเหรอ?

“ถางโร้ว ครั้งหน้าถ้าคุณชายหยานพูดคำหยาบคายอีก เธอช่วยบันทึกเสียงเอาไว้ด้วยนะ วันหนึ่งถ้าเธอได้เจอกับผู้หญิงที่ชื่อว่าเหยาไป๋เยวี่ย อย่าลืมเปิดให้แม่นางคนนั้นฟังด้วย”

ถางโร้วเป็นคนฉลาด รู้โดยทันทีว่าผู้หญิงที่ชื่อเหยาไป๋เยวี่ยคงเป็นคนรักของหยานหวูซวงแน่นอน

“ได้เลยค่ะ พี่ฉู่ชวิ๋น” ถางโร้วรับคำด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

หยานหวูซวงหันมามองหน้าฉู่ชวิ๋น “ใจร้ายเกินไปแล้วนะ”

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ ภาพลักษณ์คุณชายผู้สมบูรณ์แบบเกิดขึ้นได้ก็เพราะเหยาไป๋เยวี่ยแน่ ๆ ตอนนี้พอไม่อยู่ต่อหน้าสาวที่ชอบ หยานหวูซวง เลยแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา จริงๆ แล้วมันเป็นคนไม่เอาไหน มันฝึกวิชาให้เก่งเพราะแค่จะโชว์สาวก็แค่นั้นละ! นั้นคือสิ่งที่ฉู่ชวิ๋นคิดตอนนี้?

หลังจากนั้น ทั้งสามคนก็ลองตระเวนดูอีกหลายกลุ่ม

เมื่อได้รับทราบว่าพวกของฉู่ชวิ๋นลงชื่อเข้ากับสมาคมนักล่ามังกรไปแล้ว ทุกคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปและขับไล่พวกเขาออกมาทันที เหมือนคนที่มีเรื่องผิดใจกันมานาน

ฉู่ชวิ๋นได้แต่ส่ายศีรษะ คนพวกนี้ใจแคบเกินไปแล้ว ในเวลาเดือดร้อนเช่นนี้สามัคคีคือพลัง ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อฆ่ามังกร และช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์สิถึงจะถูกต้อง หรือเขาคิดผิดอยู่คนเดียว?

พวกเขาเดินกลับไปที่เขตแดนของสมาคมนักล่ามังกร ก่อนที่จะแจ้งเจตนาของตนเองและได้เข้าไปพบกับอี้เสี่ยวซู

อี้เสี่ยวซูเป็นชายวัยกลางคนใบหน้าขาว ลมปราณกล้าแข็ง ดวงตาคมกริบ เขากำลังถือพัดจีบด้ามหนึ่ง ซึ่งดูก็รู้ว่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ประจำตัว