กู้ชูหน่วนแอบยิ้มให้กับความสำเร็จในมุมที่เยี่ยจิ่งหานมองไม่เห็น

นางรู้ว่าเยี่ยจิ่งหานเป็นพวกปากร้ายใจดี

เยี่ยจิ่งหานทั้งโกรธทั้งกังวลใจ

ใจของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรุ่มและนึกอยากจะบีบคอนางให้ตาย แต่เมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆ ยับย่นด้วยความเจ็บปวด ความโกรธทั้งหมดก็แปรเปลี่ยนเป็นความกังวล เขาอุ้มนางขึ้นมาไม่ได้และทำได้เพียงสั่งให้คนอุ้มนางกลับไป

ในจวนหานอ๋อง

ทั้งด้านในและด้านนอกเต็มไปด้วยหมอหลวงเป็นสิบๆ คน ทุกคนผลัดเปลี่ยนกันมาจับชีพจรของกู้ชูหน่วนแต่ไม่มีใครพบความผิดปกติ ทว่ากู้ชูหน่วนกลับเอาแต่ร้องโอดโอย เหล่าหมอหลวงกลัวว่าจะทำให้เยี่ยจิ่งหานไม่พอใจ ดังนั้นจึงโกหกไปว่ามีความผิดปกติในครรภ์เล็กน้อย พักผ่อนนิ่งๆ เพียงไม่กี่วันก็หาย

ภายในเรือนหอ กู้ชูหน่วนกำลังนอนในขณะที่เยี่ยจิ่งหานกำลังนั่ง นอกจากเสียงสะเก็ดไฟจากเทียนคู่ก็ไม่มีเสียงใดให้ได้ยินอีกเลย

ตัวอักษรคู่มงคลสีแดงขนาดใหญ่ดูขัดกับบรรยากาศในตอนนี้เป็นอย่างมาก

กู้ชูหน่วนรออยู่เป็นนานแต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงของเยี่ยจิ่งหาน จนสุดท้ายนางจำต้องยอมแพ้ “หยุดทำหน้าแข็งทื่ออย่างนั้นได้หรือไม่ ท่านทำให้ลูกกลัวหมดแล้ว”

เยี่ยจิ่งหานมีสีหน้าเย็นชา มีรอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

เด็กเพิ่งจะอายุได้เดือนกว่าๆ และยังไม่มีรูปร่างด้วยซ้ำ เขาจะไปตกใจอะไรได้

“น่า ยิ้มหน่อยนะเสี่ยวหานหาน ข้าก็กลับมาแล้วมิใช่หรือ”

เมื่อที่กำลังถือขลุ่ยหยกขาวสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เยี่ยจิ่งหานหรี่ตาลงอย่างน่ากลัว “เสี่ยวหานหาน…”

“เรียกแบบนี้เป็นกันเองกว่าเยอะ”

“ดังนั้นเจ้าจึงเรียกเซี่ยวอวี่เซวียนว่าเสี่ยวเซวียนเซวียนงั้นสิ”

“เซี่ยวอวี่เซวียนเป็นเพียงน้องชาย แต่ท่านแตกต่างออกไป” เยี่ยจิ่งหานเป็นสามีในนามของนาง เมื่ออยู่ต่อหน้าเรื่องอะไรควรทำก็ต้องทำ ดังนั้นการเรียกเขาว่าเสี่ยวหานหานจึงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

“เหตุใดจึงอยากหนีการแต่งงาน” เยี่ยจิ่งหานจ้องมองใบหน้าของนาง เขาไม่อยากพลาดรายละเอียดแม้เพียงเล็กน้อย

กู้ชูหน่วนเค้นสมองคิดหาข้อแก้ตัว

ทันใดนั้นเยี่ยจิ่งหานก็เตือนขึ้นมาว่า “ถ้าเจ้ากล้าพูดว่าหวาดกลัว ข้าก็ไม่ถือสาถ้าจะทำให้เจ้าตายทั้งกลม”

กู้ชูหน่วนลุกขึ้นนั่งบนเตียงและดึงผ้าห่มออก จากนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “อยากให้ข้าพูดจริงๆ หรือ”

“ว่ามา”

“เอาละ ในเมื่อท่านอยากให้ข้าพูด เช่นนั้นข้าก็จะพูด แม้ว่าเราสองคนจะเป็นสามีภรรยาทางพฤตินัยกันแล้วจริงๆ แต่คราวนั้นเป็นเหตุสุดวิสัยล้วนๆ ท่านถูกวางยา ข้าเองก็ถูกวางยา เพียงแต่ข้าถูกวางยาที่รุนแรงกว่าท่านนิดหน่อย”

กระแสอากาศเย็นแผ่ออกมาจากเยี่ยจิ่งหาน เรือนหอที่กว้างใหญ่หนาวเย็นจนไร้ซึ่งความอบอุ่น ไม่มีบรรยากาศของการเฉลิมฉลองงานสมรสเลยแม้แต่น้อย

กู้ชูหน่วนไม่สนใจอากาศหนาวเย็นจากร่างกายของเขา นางพูดต่อว่า “ดังนั้น ในเมื่อโดนวางยากันทั้งคู่ เรื่องคืนนั้นเราทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นดีหรือไม่”

“ลูกก็มีแล้ว จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร”

“เอ่อ… นี่มัน…” กู้ชูหน่วนลูบหน้าท้องที่แบนราบของตนเอง

ถ้านางบอกเขาตอนนี้ว่านางแกล้งทำเป็นท้อง เยี่ยจิ่งหานจะไม่ทุบตีนางจนตายหรือ

“ก่อนหน้านี้เราคุยกันแล้ว ข้าจะรักษาพิษเหมันต์และโรคที่ขาของท่าน ส่วนท่านจะช่วยข้าช่วยท่านยายเยี่ยและฆ่าผู้นำกองธงกล้วยไม้ จากนั้นเราจะเป็นสามีภรรยากันเพียงในนาม ในเมื่อเป็นแค่ในนาม เช่นนั้นหากข้าจะออกไปจากเรือนหอเพื่อสูดอากาศยามค่ำคืนบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่มิใช่หรือ”

ฟู่…

จิตสังหารแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้อง กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าเยี่ยจิ่งหานเคลื่อนไหวได้อย่างไร พอรู้ตัวอีกทีเขาก็มาอยู่ตรงหน้าห่างจากนางไปเพียงหนึ่งนิ้ว ความเฉยเมยของหน้ากากผีดูประหนึ่งอสูรที่ชั่วร้าย

กู้ชูหน่วนใจสั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อครู่นางสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเยี่ยจิ่งหานจริงๆ

ผู้ชายคนนี้กำลังโกรธสุดขีด

กู้ชูหน่วนกระถดถอยหลัง กัดฟันพูดอย่างน้อยใจว่า “ถึงข้าจะกล้าหาญแค่ไหนแต่ข้าก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง ท่านมีชื่อเสียงฉาวโฉ่เช่นนั้นข้าก็ต้องกลัวอยู่แล้ว บนโลกนี้มีใครบ้างที่ไม่กลัวตาย”