ตอนที่ 927 ฉันจะคิดซะว่าเราไม่รู้จักกัน

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ส่วนทำไมลูกชายของลัวอิงหงถึงไม่ชอบแม่ของตัวเอง จิตวิทยาเบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นง่ายนิดเดียว

 

 

ลัวอิงหงเคยเป็นนักแสดงที่มีแต่คนชื่นชม แต่เธอกลับพ่ายแพ้ให้กับผู้ช่วย ลัวอิงหงระบายเรื่องนี้ให้กับลูกชายของตัวเองฟังบ่อยครั้ง แต่เธอนึกไม่ถึงว่ามันจะเป็นการบอกเขาในทางอ้อมว่าเฝิงจิ้งมีความสามารถจนแย่งชิงทุกอย่างของเธอไปได้ขนาดไหน

 

 

ที่สำคัญที่สุดคือการที่เธอเคยใช้ชีวิตอย่างหรูหรา หากแต่หลังจากให้กำเนิดลูกชาย เขากลับไม่เคยได้สัมผัสชีวิตอันเปรมปรีดิ์ก่อนหน้านั้นของเธอแม้แต่น้อย เขาจึงเกลียดชังแม่ของตัวเองและเริ่มอยากเอาชนะเฝิงจิ้ง

 

 

ด้วยเหตุนี้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเฝิงจิ้งจึงค่อนข้างอธิบายได้ยาก เขาชื่นชมในตัวเธอ ต้องการเอาชนะเธอ ทั้งยังหวังจะได้ความรักความเมตตาจากเธอ พูดในอีกทางได้ว่าเขาหมกมุ่นกับเรื่องในเฝิงจิ้ง

 

 

อย่างถอนตัวไม่ขึ้น

 

 

หากพวกเขาต้องการพลิกกระดานและงัดไม้ตายออกมาสู้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เพราะมันเป็นมากกว่าสงครามจิตวิทยา หากพวกเขาต้องการชนะ ต้องค่อยๆ เดินหน้าอย่างระวังในทุกฝีก้าว

 

 

 

 

หลินเฉี่ยนยอมรับความท้าทายนี้เพราะเรื่องของลัวอิงหงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเฉพาะจู้ซิงมีเดีย แต่ยังเกี่ยวข้องกับตัวเธออีกด้วย ตั้งแต่เธอแยกทางกับซย่าหันโม่ ถังหนิงได้สอนเธอวางกลยุทธ์เพื่อควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามแผน

 

 

ทว่าระหว่างช่วงเวลานี้ เธอได้ไปสถานีตำรวจเพื่อทำเอกสารเรื่องลายนิ้วมือของเธอ หากแต่ยังไม่มีวี่แววใดๆ แม้ผ่านมาหลายวันก็ตาม

 

 

ในความเป็นจริงแล้วผลพิสูจน์ลายนิ้วมือของเธอได้ออกมาแล้วและทางตำรวจก็ได้ติดต่อหลี่จิ่นไปเรียบร้อย หากแต่เขาไม่ได้บอกเธอเรื่องนี้

 

 

ในขณะที่ผู้อาวุโสหลี่ทั้งสองมีความสุขกับการเตรียมงานแต่งงานของคู่รัก หลี่จิ่นตัดสินใจที่จะเก็บความลับนี้ไว้กับตัวไปตลอดกาล

 

 

ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาหลินเฉี่ยนทุกข์ทรมานมามากแล้ว ในชีวิตที่เหลืออยู่ต่อจากนี้ เขาจะขอเพียงต้องการทำให้เธอมีชีวิตที่มีความสุข

 

 

หลังจากกลับมาถึงบ้าน หลินเฉี่ยนพยายามถามหลี่จิ่นเรื่องผลการพิสูจน์ลายนิ้วมือของเธอ แต่เจ้าตัวกลับทำเพียงตอบกลับ “ผมยังไม่ได้ข่าวจากทางตำรวจเลยนะครับ ข้อมูลอาจจะกู้ขึ้นมาไม่ได้แล้วก็ได้…”

 

 

หลินเฉี่ยนสูดหายใจลึก แม้จะรู้สึกเสียดายแต่ไม่อาจทำอะไรได้ อย่างไรเสียลายนิ้วมือของเธอก็เป็นเพียงเบาะแสเพียงชิ้นเดียว ถ้าหากตำรวจยังไม่สามารถสืบหาได้แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะ

 

 

“สนใจแต่การเป็นคุณนายหลี่ดีกว่านะครับ อะไรผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป”

 

 

หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับก่อนที่จะกลับไปสนใจเรื่องของลัวอิงหง

 

 

หลี่จิ่นชอบมองสีหน้าจริงจังของเธอ บรรยากาศในห้องทำงานจึงสงบสุขอย่างน่าประหลาดใจขึ้นมา หากแต่เธอคงไม่มีทางรู้ว่ารเอกสารเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเธอทุกอย่างอยู่ภายในตู้เซฟของอีกฝ่าย

 

 

 

 

คืนนั้น ณ บ้านพักหลังงาม

 

 

เฝิงจิ้งถือแก้วแชมเปญขณะที่นั่งอยู่ในสวนพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าในยามค่ำคืนเพียงลำพัง

 

 

หลังจากนั้นผู้ช่วยของเธอได้ก้าวเข้ามาในบ้าน นอกจากเอาบทภาพยนตร์เรื่องใหม่มาให้เธอแล้ว ยังมาพร้อมข่าวที่คาดไม่ถึงอีกด้วย

 

 

“พี่เฝิงคะ หลานของฉันติดต่อมา บอกว่าเมื่อเร็วๆ นี้มีใครบางคนมาพิสูจน์ลายนิ้วมือที่สถานีตำรวจ และผลที่ออกมาก็ทำให้เขาตกใจมากจนถึงขั้นโทรมาหาฉันค่ะ จากผลการตรวจสอบ เธอเป็นลูกสาวของคุณค่ะ คุณซ่อนตัวจากเธอมาตั้งหลายปี ในที่สุดเธอก็ปรากฏตัวมาแล้ว”

 

 

หลังได้ยินดังนั้น เฝิงจิ้งวางแก้วในมือลงและหันไปมองหน้าผู้ช่วย “เธอแน่ใจเหรอ”

 

 

“อย่างที่คุณรู้นั้นแหละค่ะว่าฉันติดต่อกับทางตำรวจมาตลอดหลายปีมานี้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณบอกฉันเรื่องนี้ ฉันก็เตรียมรับมือเผื่อว่ามีใครสักคนพยายามทำลายคุณด้วยเรื่องนี้ แต่ฉันแค่นึกไม่ถึงเลยว่าลูกสาวของคุณจะยังมีชีวิตอยู่”

 

 

เฝิงจิ้งชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก “ทางตำรวจแจ้งผลไปหรือยัง”

 

 

“จากที่ฉันรู้ เรียบร้อยแล้วค่ะ”

 

 

“เธอเป็นใคร” เฝิงจิ้งเป็นกังวลอย่างถึงที่สุดกับเรื่องนี้

 

 

“ฉันขอให้หลานของฉันส่งผลมามทางอีเมลแล้วค่ะ ลองดูสิคะ” ผู้ช่วยเปิดอีเมลบนโทรศัพท์ตัวเองก่อนส่งให้เฝิงจิ้ง

 

 

หลังจากอ่านจบ เฝิงจิ้งระเบิดหัวเราะออกมาทันที “เป็นไปได้ยังไงกัน จะบังเอิญอะไรขนาดนั้น”

 

 

“บังเอิญอะไรเหรอคะ”

 

 

“ดูเองสิ” เฝิงจิ้งส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ ก่อนดวงตาของผู้ช่วยจะเบิกกว้างในจังหวะต่อมา

 

 

“นี่…นี่มัน…” ผู้ช่วยถึงกับอึ้งไป “ถ้าเป็นอย่างนี้และเธอก็เป็นคนในวงการบันเทิง ทำไมเราไม่ดึงเธอมาเป็นพวกจะได้ช่วยเราได้ละคะ”

 

 

เฝิงจิ้งส่ายหน้า เธอไม่ได้คิดว่ามันจะง่ายดายขนาดนั้น

 

 

“จริงอยู่ที่ฉันทิ้งเธอไปตอนยังเด็ก ถ้าเธอเป็นเธอ จะยอมรับได้มั้ยล่ะ” เฝิงจิ้งถามพลางนวดขมับ

 

 

“แต่ว่า พี่เฝิงคะ แบบนั้นไม่ได้นะคะ ถ้าเธอรู้เรื่องนี้แล้วตัดสินใจใช้เรื่องนี้มาจู่โจมคุณล่ะ คุณจะทำยังไง”

 

 

“นั้นน่ะสิ ฉันควรทำยังไงดีนะ” เฝิงจิ้งครุ่นคิด “ฉันว่าฉันจะสร้างเรื่องขึ้นมาแล้วทำตัวน่าสงสารสักหน่อย บางทีเรื่องอาจจะออกมาในแบบที่เธอหวังไว้ก็ได้ และเราจะได้ดึงเธอมาอยู่ข้างเราได้ ไม่สิ เราควรลงมือก่อน หาเวลานัดพบกับเธอให้ฉันที…”

 

 

ผู้ช่วยคิดหนักอยู่นาน เพราะเฝิงจิ้งเป็นคนเดียวที่รู้ความจริงอย่างนั้นการสร้างเรื่องขึ้นมาจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด

 

 

“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่เฝิง ฉันจะจัดการให้เร็วที่สุดค่ะ”

 

 

หลินเฉี่ยนนึกไม่ถึงว่าความตั้งใจที่จะสืบเรื่องครอบครัวของตัวเองเพื่อการแต่งงานจะลงเอยด้วยการยิ่งทำให้กลายเป็นเรื่องที่น่าระทึกใจขึ้นอย่างนี้

 

 

 

 

เพื่อช่วยให้ลัวอิงหงสลัดภาพลักษณ์เดิมๆ ออกไป ไม่เพียงแต่ถังหนิงจะบอกให้หลินเฉี่ยนปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก ที่สำคัญยังสั่งให้ทำให้รอยแผลเป็นของลัวอิงหงดูน่ากลัวน้อยลงอีกด้วย

 

 

ถังหนิงจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความงามจากเกาหลีใต้มาดูแลลัวอิงหงโดยเฉพาะ ต่อให้พวกเขาไม่อาจลบออกได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ทำให้จางลงได้

 

 

ในตอนนี้ถังหนิงยังคงไม่รู้เรื่องราวเบื้องหลังของหลินเฉี่ยน เพราะเจ้าตัวไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้

 

 

ถังหนิงจึงไม่คาดคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอเสียด้วยซ้ำ

 

 

ก่อนที่ลัวอิงหงจะเริ่มฝึก ถังหนิงจัดการให้เธอได้พบกับลูกชายของตัวเองเพื่อให้พวกเขาได้ปรับความเข้าใจกัน

 

 

เมื่อได้ยินว่าแม่ของตัวเองต้องการคืนวงการ ลูกชายของเธอทำเพียงมองเธอด้วยสายตาเย้ยหยัน

 

 

“แม่ แม่ไม่ได้สาวๆ แล้วนะ ทำไมต้องหาเรื่องมากดดันตัวเองด้วย มีแต่จะยิ่งทำให้ตัวเองขายหน้าเปล่านะครับ”

 

 

ถังหนิงบอกให้เธอนิ่งเฉยเอาไว้ และอดกลั้นความอยากชนะลูกชายของตัวเองต่อให้มันจะทำให้เธอเจ็บช้ำในใจก็ตาม

 

 

“ลูกก็อายุยี่สิบสองแล้ว แม่ไม่มีสิทธิ์ไปบงการชีวิตลูกหรอก ถ้าลูกอยู่กับผู้หญิงคนนั้นแล้วมีความสุข อย่างนั้นก็ไปเถอะ”

 

 

“ผมมาคิดๆ ดูแล้ว ผมเองก็มีชีวิตของผมเอง ดังนั้นแม่จะทำอะไรมันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผมอีกต่อไปแล้ว”

 

 

ชายหนุ่มร่างสูงมองลัวอิงหงอย่างเยาะเย้ย “อย่าพยายามมาใช้วิธีไหนก็ตามมาแยกเราจากกันเลยครับ…”

 

 

“ฟังให้ดีนะ แม่ต้องการมีชีวิตเป็นของตัวเอง ดังนั้นลูกก็ดูแลตัวเองแล้วให้แม่จัดการเรื่องของตัวเองเถอะ นับตั้งแต่วันนี้เราไม่ใช่แม่ลูกกันอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าฉันจะทำสำเร็จหรือล้มเหลว มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ แน่นอนว่าถ้าฉันกลับคืนวงการหนังได้ อย่ามาตามหาฉันแล้วกัน…

 

 

“เพราะฉันจะคิดซะว่าเราไม่รู้จักกัน”