ตอนที่ 327 เรื่องบนโลกเซียน (2)

แม่ครัวยอดเซียน

“ท่านแม่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เสียงมังกรเวหาซึ่งเป็นเสียงของปิงเซียวกับเหลยรุ่ยผสมกันดังขึ้น

“แม่ไม่เป็นไร เพียงแต่ว่าทำไมพวกเจ้าจึงอยู่ในสภาพเช่นนี้” อิงเสวี่ยสับสน หากว่านางจำไม่ผิด นางมีลูกชายสองคน แต่ทำไมจึงอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้

“อืม นั่นเพราะพวกเราเกิดมาจากไข่ใบเดียวกัน ใจสื่อถึงกัน ท่านน้าหลิวหลีเคยให้พวกเราลองรวมร่างกัน และเป็นอย่างที่ท่านเห็น ยามแยกร่างพวกเราก็ยังเป็นพวกเราสองคน ค่อยคุยกันต่อนะท่านแม่ พวกเราต้องไปต่อสู้กับเจ้าคนชั่วนั่นก่อน” ปิงเซียวกับเหลยรุ่ยกล่าว

เมื่อได้มังกรเวหารวมร่างมาช่วยทำให้เยี่ยชิงขวงวุ่นวายขึ้น ส่วนคนที่เหลือถึงแม้จะรู้สึกตกใจ แต่ก็อดรู้สึกนับถือหลิวหลีไม่ได้ ความคิดพิลึกพิลั่นเช่นนี้ยังกล้าจะคาดเดา คิดไม่ถึงว่าจะประสบความสำเร็จ แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะความพิเศษของพวกเขา

“อาเลี่ย ลูกชายของเจ้าไม่ธรรมดา พวกเขาในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นอสูรเทพศักดิ์สิทธิ์” เอ๋าเฟิงกล่าวชม แยกกันถือเป็นอสูรเทพระดับสุดยอด พอรวมร่างกันก็กลายเป็นอสูรเทพศักดิ์สิทธิ์ ตอนนั้นพวกเขาตาบอดกันไปมากจริงๆ

“เจ้าเด็กสองคนนี้ แม้แต่ข้าก็ยังปิดบัง” เอ๋าเลี่ยด่าปนหัวเราะ คิดไม่ถึงว่าจะปิดบังจริงจังเช่นนี้ กระทั่งคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างพวกเขาก็ยังไม่รู้

“พวกเราต้องเร่งมือ อย่าให้ความพยายามของเด็ก 2 คนนั้นต้องสูญเปล่า” จักรพรรดินภาพสุธาตะโกน เป็นเพราะการปรากฏกายของมังกรเวหา บวกกับท่าทีเคร่งเครียดของเยี่ยชิงขวง ทำให้จักรพรรดิเทพเซียนเร่งรัดของเผ่ามารรัตติกาลเริ่มรู้สึกหวั่นใจ

จักรพรรดิเทพเซียนเร่งรัดของเผ่ามารรัตติกาลตนหนึ่งโมโห ส่งเสียงคำรามก่อนที่แผ่นหลังจะมีปีกคล้ายค้างคาวคู่หนึ่งงอกออกมา ชวนให้คนพบเห็นเกิดขยะแขยง แต่ก็เข้าใจว่าพวกเขาทนไม่ไหว ทันทีที่เผ่ามารรัตติกาลกางปีกออกมานั่นแปลว่าพวกเขาหมดสิ้นหนทางท ชัยชนะอยู่แค่เอื้อมแล้ว

ส่วนฟากหลิวหลีดูดซึมพลังส่วนสุดท้ายอย่างราบรื่น อีกทั้งเพลิงเซียนเสี้ยวสุดท้ายก็ถูกดูดซึมไปด้วยเช่นกัน เริ่มมีแสงเรืองรองเปล่งประกายทั่วตัวนาง เพลิงนพเก้ามอดนภากลืนกินเพลิงเซียนที่เหลือเพียงเล็กน้อยเข้าไป เส้นชีพจรทั้งหมดกกลายเป็นสีแดง เพลิงเซียนทั้งสิบชนิดเริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกัน ปราณก่อนกำเนิดมังกรในร่างนางส่องแสงเจิดจ้า สีทั้ง 10 บนตัวสว่างเรืองรอง ของแปลกปลอมบนร่างถูกขจัดออกเผยให้เห็นดวงตาและเส้นผมที่ส่องแสงประกาย ดูลึบลับมากกว่าเดิม

หนานกงเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างๆก็ได้รับอิทธิพลด้วยเช่นกัน ดวงตากลับเป็นสีฟ้าเหมันต์ ดูเย็นชามากกว่าเดิม

ส่วนอีกฟาก อยู่ๆมังกรเวหาก็ถูกเยี่ยชิงขวงเขวี้ยงออกไป มังกรยักษ์พลันสลายไป ปิงเซียวกับเหลยรุ่ยกระเด็นแยกออกจากกัน เด็กทั้งสองคนกระอักเลือดออกมา

“ปิงเซียว เหลยรุ่ย พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เอ๋าเลี่ยรีบเข้าไปหา เด็ก 2 คนนี้ทำไมถึงอ่อนแอลง

“ไม่เป็นไร เป็นภาวะแทรกซ้อน นึกว่าพวกเรารวมร่างกันนานๆแล้วจะราบรื่น แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ดี” เด็กสองคนหม่นหมองลงไปน้อยๆ

“หึ พวกเจ้าเป็นอสูรเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับมีจุดอ่อนเช่นนี้ ฮ่าฮ่า เป็นเพราะว่าสวรรค์ต้องการจะทำลายพวกเจ้า” เยี่ยชิงขวงหัวเราะอย่างได้ใจ

เพียงแต่ว่าพอเสียงของเขาสิ้นสุดลง ท้องฟ้าก็กลายเป็นสีแดงเพลิง เหล่ามนุษย์ที่กำลังปะทะกับเผ่ามารรัตติกาลบนโลกเซียนหยุดชะงัก มองขึ้นไปบนท้องฟ้า

มีไอร้อนลอยลงมาจากบนฟ้า เมื่อเข้มข้นถึงระดับหนึ่ง สีแดงบนฟ้าก็สลายไป แต่กลับมีตัวอักษรปรากฏขึ้น ทำให้คนรู้สึกปวดตาไม่น้อย

“เพลิงเซียนนพเก้ามอดนภา”

“ดีจริงๆ หลิวหลีแน่ หลิวหลีหาเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายเจอแล้ว” เอ๋าเลี่ยพูดด้วยความตื่นเต้น

“นังหนู นางทำได้แล้ว” เจียงหรูชวนมองตัวอักษรบนฟ้า แต่ไม่ลืมฟันเผ่ามารรัตติกาลข้างๆ

“นักปรุงยาเจียง ท่านจะบอกว่าสิ่งนี้คือฝีมือนายท่านหรือนี่” อวิ๋นเฟยกล่าว ถึงแม้เขาจะสืบทอดตำหนักเวิ่นเทียนมาแล้ว แต่ก็ยังเคยชินกับการเรียกหลิวหลีว่านายท่าน

“หลิวหลีทำสำเร็จแล้ว” ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงออกมา แต่จริงๆก็รู้สึกกังวลใจว่าหลิวหลีไปไหน

ตัวอักษรสีแดงเพลิงสลายไป ราวมีดวงตา นอกจากเยี่ยชิงขวงแล้ว คนเผ่ามารรัตติกาลทุกคนถูกเผาทำลายจนหมดสิ้น เปลวเพลิงไปถึงที่ไหน ที่นั่นก็จะมีคนเผ่ามารรัตติกาลถูกทำลาย จนสุดท้ายเปลวเพลิงลอยขึ้นไปบนฟ้า หญิงสาวผมสีรุ้งและชายหนุ่มผมขาวพลันปรากฏกายขึ้น พวกเขาก็คือคู่สามีภรรยาที่ทุกคนรอคอยอยู่จริงๆ แต่ทำไมทั้งสองคนจึงเป็นเช่นนี้ ดูลึกลับ จนชวนให้คนเกิดนับถืออย่างอดไม่ได้

“ปิงเซียว เหลยรุ่ย ทำไมถึงได้รับบาดเจ็บ ทำไมร่างกายจึงได้อ่อนแอเช่นนี้ เมื่อครู่พวกเจ้ารวมร่างกันหรือ” ภาพที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่หายไปอย่างรวดเร็ว หลิวหลีมองคู่ฝาแฝดด้วยความห่วงใย ถึงขนาดกล้ารังแกเด็กน้อยที่นางเลี้ยงมา ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม

“เยี่ยชิงขวง เจ้าใจกล้าไม่เบา ถึงขนาดกล้ารังแกเด็กที่ข้าเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก” หลิวหลีหรี่ตาลง ดวงตาหลากสีคู่นั้นมีสเน่ห์เย้ายวนอย่างยิ่ง แต่เต็มไปด้วยความอันตราย

“หลงหลิวหลี ข้ารู้อยู่แล้ว คนที่จะมาเป็นศัตรูกับข้าได้มีเพียงแต่เจ้าเท่านั้น น่าเจ็บใจนักที่ข้าเข้าใจผิดไป ปล่อยให้เจ้าได้เติบโตขึ้นมา” เยี่ยชิงขวงมองหลิวลีที่โดดเด่นจนคนไม่อาจละสายตา คนผู้นี้เป็นศัตรูตัวฉกาจของตนเองจริงๆ

“ชะตาชีวิตของเจ้าถูกกำหนดไว้แล้วว่าเจ้าไม่มีวันสำเร็จ เยี่ยซิงหวง ในโลกเบื้องล่างข้าสามารถทำลายเจ้าได้ ในโลกเซียนก็เหมือนกัน” หลิวหลีพูดถงชื่อที่ทำให้ทุกคนตัวแข็งทื่เมื่อได้ยิน

“เยี่ยชิงขวงกับเยี่ยซิงหวงเป็นคนๆเดียวกัน เป็นไปได้อย่างไร” ฮัวจิงเฟยแทบไม่อยากเชื่อ ในเขาก็อยู่ในตอนนั้นด้วย เยี่ยซิงขวงระเบิดตัวเองไปแล้วไม่น่าจะกลับมาเกิดได้ คิดไม่ถึงว่าจะมาปรากกฏตัวที่โลกเซียน แถมยังเป็นพญามารอีกด้วย

“มิน่า ชื่อบรรดาศักดิ์ของเขาถึงเป็นซิงหวง” หยวนเทียนเข้าใจทันที

“หลงหลิวหลี หนานกงเวิ่นเทียน มีเพียงแต่พวกเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพวกข้าเป็นคนคนเดียวกัน แต่แล้วอย่างไร ครั้งนี้ถือว่าข้าประมาทมากเกินไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะแพ้” เยี่ยชิงขวงไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะถูกเปิดโปงหรือไม่

“ก็ไม่แน่ ข้าเคยพูดแล้ว ว่ากำจัดเจ้าได้ 1 ครั้ง ก็ต้องมีครั้งที่ 2 รู้ไหมว่าอะไรคือผู้พิชิต บังเอิญจริงๆ ข้าคือคนผู้นั้น” เมื่อหลิวหลีพูดจบ เพลิงเซียนทั้ง 10 สีก็ปรากฏขึ้นข้างกาย เพลิงเซียนหยินหยางกลายร่างเป็นวงกลมสีขาวดำ เพลิงเซียนนพเก้ามอดนภากลายเป็นจุดดำขาว เปลงเพลิงทั้ง 8 ที่เหลือกลายเป็นราวอัญมณีประจำ ณ ทิศทั้ง 8 ได้แก่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออก ทิศเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศใต้ ทิศตะวันตก

หลิวหลีปล่อยเปลวเพลิงที่ประจำทิศทั้ง 8 และวงกลมหยินหยางลอยขึ้นเหนือศีรษะของเยี่ยชิงขวง ขังเขาไว้ด้านใน หนานกงเวิ่นเทียนก็ไม่อยู่เฉย ปล่อยเพลิงเซียนเหมันต์ที่อยู่ภายในร่างกายออกมา เพื่อทำให้แผนผัง 8 ทิศมั่นคงยิ่งขึ้น

แผนผัง 8 ทิศที่เกิดขึ้นจากเปลวเพลิงทั้ง 8 นั้นขังเยี่ยชิงขวงไว้อย่างแน่นหนาราวกรงขัง ไม่ว่าเยี่ยชิงขวงจะโจมตีอย่างไรก็ไม่เป็นผล ปราณก่อนกำเนิดมังกรของหลิวหลี และหงส์ตัวน้อยของหนานกงเวิ่นเทียน คลายพลังที่ได้มาใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหนุนให้แผนผัง 8 ทิศโคจรหมุนอย่างต่อเนื่อง ค่ายกลที่สร้างโดยเพลิงเซียนนั้นมีพลังทำลายล้างสูงมากเป็นพิเศษ

เยี่ยชิงขวงเป็นราวอสูรที่ถูกกักขังไว้ สุดท้ายมีปีกค้างคาวขนาดใหญ่งอกออกมา หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนจึงเพิ่มพลังโจมตีมากขึ้น เพื่อหลอมละลายปีกค้างคาวของอีกฝ่าย เยี่ยชิงขวงร่วงลงมาจากฟ้า หลิวหลีหุบมืออย่างประหลาด หนานกงเวิ่นเทียนเข้าใจทันที อาศัยพลังของแผนผัง 8 ทิศกับวงกลมหยินหยาง จึงทำให้หลิวหลีช่วงชิงเอาสายเลือดราชวงศ์ของเยี่ยชิงขวงมาได้อย่างสบายๆ หลิวหลีดูดซึมไปส่วนหนึ่ง ส่วนหนานกงเวิ่นเทียนดูดซึมไปสองส่วน

“หลงหลิวหลี เจ้าไม่ธรรมดาจริงๆ แต่เจ้าก็ยังต้องแพ้อยู่ดี ฮ่าฮ่า” เยี่ยชิงขวงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

“เจ้านึกว่าข้าจะแพ้หรือ” หลิวหลีไม่สนใจอาการบ้าคลั่งของเยี่ยชิงขวงเลยแม้แต่น้อย

“คนที่จะช่วงชงเอาสายเลือดราชวงศ์ไปจากข้าได้เห็นจะมีแต่เจ้าหลงหลิวหลีจริงๆ แต่ในโลกเบื้องล่างเจ้ามีมิติที่สามารถแบ่งออกเป็น 5 ส่วนเพื่อกอบกู้โลกได้ แต่ในโลกเซียนเจ้ามีอะไร ในเมื่อข้าไม่ได้มาครอบครอง ข้าก็จะทำลายมันไปพร้อมกัน ฮ่าฮ่า คราวนี้พวกเจ้าก็คอยดูว่าใครจะสามารถช่วยพวกเจ้าได้ พวกเจ้าจะหาเทพมาช่วยพวกเจ้าได้หรือ? ฮ่าฮ่า”

“ทำอะไรใหม่ๆหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร ทำแบบเดิมทุกครั้งเลย” หลิวหลีตัดบทเสียงหัวเราะของเยี่ยชิงขวง

“ทำไม หลงหลิวหลี เจ้าสามารถจัดการได้? อย่าล้อเล่น” เยี่ยชิงขวงไม่เชื่อว่าหลิวหลีจะสามารถจัดการได้อีกครั้ง เขาคงไม่ได้น่าสงสารขนาดนั้นใช่ไหม

“ใช่ ตอนนี้ข้ากับสามีของข้ามีร่างครึ่งเทพ ภายในร่างกายมีพลังเทพมากกว่าครึ่ง ดังนั้นเยี่ยชิงขวง เจ้าจงจำไว้ ข้าหลงหลิวหลีจะเป็นผู้พิชิตเจ้า จะกำราบเจ้าจนไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวอีก” หลิวหลีพูดจบ ก็กดแผนผัง 8 ทิศทับลงไป ทำให้เยี่ยชิงขวงไม่ทันได้พูดคำลาด้วยซ้ำ

ณ โลกเทพ เยี่ยโยวหวงกระอักเลือดออกมา ใครกันแน่ที่มาทำลายร่างแยกที่เขาสร้างขึ้นอย่างแสนยากเย็น