ตอนที่ 98 กินไม่ยั้ง

“หลี่เฉียจื่อ ก่อนจะคลอดลูกก็กินไก่หลังคลอดลูกก็กินไก่ นายนี่ใช้ได้เลยนะ รวยใหญ่แล้ว!” พี่สะใภ้สามจ้าวก็หยอกล้อด้วย

พี่สะใภ้สี่จ้าวมองไก่ตัวนั้นแล้วอดรู้สึกอิจฉาในใจไม่ได้ ชีวิตของหล่อนแย่กว่าแม่ม่ายหม่าเสียอีก แม่ม่ายหม่าได้รับประทานไก่ไปตั้งกี่ตัวแล้ว?

แต่หล่อนก็ไม่ได้กล่าวออกมา

คนไม่กี่คนที่กล่าวออกมาล้วนเป็นคนที่มีอายุมากกว่าหลี่เฉียจื่อ ตามอันดับอาวุโส พวกหล่อนคือพี่สะใภ้ ดังนั้นจึงกล้าพูดจาเช่นนี้ แต่พี่สะใภ้สี่จ้าวและเย่ฉูฉู่พวกเธออายุน้อยกว่า ต้องเรียกว่าพี่ชาย จึงไม่กล้ากล่าวหยอกล้อ ทำได้แค่ยิ้มมองดูความสนุกสนาน

หลี่เฉียจื่อย่อมไม่กลัวเหตุการณ์แบบนี้ จึงหัวเราะร่าพลางกล่าวว่า “พวกพี่มองออกแล้วเหรอ ใช่แล้ว ไก่ตัวนี้ไว้ให้ภรรยาของผมกิน ไม่ได้แบ่งให้พวกพี่ ผมแค่เอามายั่วพวกพี่เฉย ๆ!”

“หลี่เฉียจื่อ เจ้าเด็กน้อยแบบเธอกล้าเล่นกับพวกเราเหรอ เดี๋ยวได้ถูกพวกฉันถอดกางเกงของนายออกไปแขวนแน่ไม่เชื่อก็คอยดู!” หญิงสาวคนหนึ่งถลกแขนเสื้อทำท่าจะลงมือ

“ใช่แล้ว ๆ ถอดกางเกงของเขาออกแล้วโยนออกไปข้างนอกให้มันแข็งโป๊กไปเลย!” ผู้หญิงอีกคนหนึ่งก็ส่งเสียงโห่ฮาด้วย

หลี่เฉียจื่อหัวเราะอย่างมีความสุขพลางกล่าวว่า “พวกพี่นี่ร้ายกาจจริง ๆ พี่สะใภ้ทั้งหลาย ผมไม่กล้าหยอกล้อแล้ว ผมตุ๋นไก่ไว้นานแล้ว ตุ๋นตั้งแต่เมื่อคืน เดี๋ยวก็ยกมาให้แล้ว”

“ค่อยยังชั่วหน่อย” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

พี่สะใภ้คนอื่นจึงยิ้มแสดงสีหน้าว่า ‘ยังดีที่เธออยู่เป็น’ บรรยากาศคึกคักเป็นอย่างยิ่ง

“ทุกคนกินเยอะ ๆ นะ ดื่มเยอะ ๆ เลย มีเหล้าเพียงพอเลยล่ะ!” หลี่เฉียจื่อกล่าวอย่างตรงไปตรงมา เขาหัวเราะขณะหิ้วไก่เดินออกไป

“หลี่เฉียจื่อคนนี้มีทุกอย่างเลยนะ”

“ใช่แล้ว เธอดูเขามีความสุขสิ ขายิ่งดูเป๋เข้าไปใหญ่!”

“ฮ่า ๆ!”

ผู้หญิงสองคนพูดคุยกัน มีผู้หญิงเยอะมากมายขนาดนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เธอพูดคำหนึ่งฉันพูดคำหนึ่ง คึกคักสุด ๆ

อาหารถูกจัดวางเรียบร้อยแล้ว ทุกคนหยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มรับประทาน แต่ก็ช่วยไม่ได้ ในท้องไม่มีน้ำมัน ก็ต้องมาแก้ความหิวในโอกาสเช่นนี้

อาหารไม่เลวเลย มีเนื้อหมูตุ๋นผักดอง เนื้อหมูรมควันตุ๋นผักกาดขาว เนื้อหมูสามชั้นตุ๋นผักกาดเขียว ไข่ไก่ตุ๋นเต้าหู้ และเนื้อตุ๋นเส้นผักกาดเขียว

สุดท้ายคือไก่ตุ๋นเห็ด อาหารหกอย่างมีเนื้อหมูใส่อยู่ในนั้นทุกรายการ บอกได้เลยว่าเต็มไปด้วยความจริงใจ!

ข้าวคือข้าวฟ่าง เหล้าคือเหล้าขาวแบ่งขายห้าสิบดีกรี นับว่าเพียงพอแล้ว

ทุกคนต่างรับประทานไปพลางดื่มไปพลาง แล้วหัวข้อสนทนาก็ถูกเปิดออก พูดถึงเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของหลี่เฉียจื่อว่าทำไมถึงดีขนาดนี้ ตัวเองก็ต้องเรียนรู้สักหน่อย จากนั้นจึงพูดถึงเรื่องลูกชาย

“ได้ยินมาว่าการที่จะคลอดเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงก็สามารถดูได้นะ” ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวด้วยท่าทางมึนเมา

พี่สะใภ้สี่จ้าวหูผึ่งในทันที

“ฉันก็เคยได้ยินมาตั้งนานแล้ว ลูกชายอยากกินของเปรี้ยวลูกสาวอยากกินของเผ็ด ท้องเด็กผู้ชายจะแหลม ส่วนท้องเด็กผู้หญิงจะกลม เรื่องนี้ยังต้องให้เธอพูดอีกเหรอ?” ผู้หญิงอีกคนหนึ่งกล่าว

“แต่ก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน ตอนที่ฉันท้องลูกสาว ก็ชอบกินของเปรี้ยว ท้องก็แหลมด้วยนะ มีแต่คนบอกว่าเป็นลูกชาย ผลกลับคลอดออกมาเป็นลูกสาวซะงั้น”

“แต่สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างแม่นยำ คือถ้าท้องเด็กผู้หญิงจะดูน่าเกลียดมากเลยล่ะ”

น่าเกลียดในที่นี้หมายถึงรูปลักษณ์ตอนตั้งครรภ์จะดูน่าเกลียดมาก

หลังพูดถึงความแตกต่างระหว่างคลอดลูกชายและลูกสาวก็กล่าวถึงเรื่องซุบซิบในหมู่บ้านกันต่อ บรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก

อาหารมื้อนี้เป็นที่น่าพอใจสุด ๆ ทุกคนกลับบ้านอย่างอิ่มหนำสำราญ

ทั้งเย่ฉูฉู่ พี่สะใภ้รองจ้าว พี่สะใภ้สามจ้าวและพี่สะใภ้สี่จ้าว เหล่าสะใภ้ทั้งสี่คนเดินกลับบ้านพร้อมกัน

พี่สะใภ้สามจ้าวเอ่ยปากกล่าวว่า “พี่สะใภ้รอง พี่เห็นหรือยังคะ แม่ของแม่ม่ายหม่าคนนั้นดูแล้วไม่ใช่คนดีเลยนะ”

พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่ว่ามาไม่ผิดหรอก แค่ดูก็รู้แล้ว เดือนนี้เจ้าหลี่เฉียจื่อนั่นคงได้เดือดร้อนแน่ ๆ”

“นั่นน่ะสิ อาหารมื้อนี้เป็นอาหารฝีมือหลี่เฉียจื่อและแม่ของเขาที่เป็นคนจัดการ แม่ของแม่ม่ายหม่าไม่ลงมาจากเตียงเลย ตอนฉันไปเติมอาหารยังได้ยินนางพูดจากในห้องว่าให้เอาอาหารขึ้นมาให้ด้วย บอกว่าจะนั่งกินตรงนั้น นางไม่ได้เป็นคนอยู่เดือนสักหน่อย ยังไม่ยอมลงมากินข้าวอีก!” พี่สะใภ้สามจ้าวเบ้ปากกล่าว “หลี่เฉียจื่อก็หัวอ่อน วิ่งกุลีกุจอยกขึ้นไปให้ ถ้าเป็นฉันนะจะกินให้หมด ถ้าไม่กินก็เททิ้ง!”

พี่สะใภ้รองจ้าวยิ้ม “ลูกสาวเขาคลอดลูกชายเชียวนะ นับว่าเป็นวีรชนเลยล่ะ ถ้าไม่เขย่าตอนนี้แล้วจะเขย่าตอนไหน? เธอไม่เห็นเหรอว่าหลี่เฉียจื่ออายุเท่าไหร่แล้วเพิ่งจะมีลูกชาย และก็อย่าสงสารยายหลี่ ครั้งนี้แม่ม่ายหม่าคลอดลูกชายออกมา ถ้าเป็นลูกสาว เธอว่านางจะมาดูแลไหม? ตั้งแต่ที่หลี่เฉียจื่อแยกออกมาตั้งแต่ตอนแรก นางก็ไม่มีความสุข ว่าอะไรนะ ในตอนนั้นนางเรียกแม่สามีมาครึ่งชีวิต ตอนนี้ถึงคราวที่นางจะเรียกลูกสะใภ้แล้ว จะแยกออกมาได้ยังไง? ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่เฉียจื่อขาเป๋ อายุก็มาก จะหาผู้หญิงมาแต่งก็ยาก ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้แม่ม่ายหม่าแต่งเข้ามาอยู่ในบ้านได้ ยังจะบอกว่าพวกเขาอยู่กันเองอีกเหรอ? ฝันไปเถอะ!”

พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าวจบจึงเบ้ปาก

พี่สะใภ้สามจ้าวพยักหน้า “ที่พูดมาก็ถูกนะคะ”

พี่สะใภ้สี่จ้าวที่ฟังอยู่ด้านหลัง ย่อมจับประเด็นหลักที่หล่อนต้องการได้ แม่ม่ายหม่าคนนี้สามารถทำแบบนี้ได้เพราะให้กำเนิดลูกชาย ทำให้อดคิดถึงตัวเองไม่ได้

แม้หล่อนจะให้กำเนิดลูกสาวสองคนแต่แม่สามีก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าหล่อนให้กำเนิดลูกชายจะต้องไม่เหมือนเดิมแน่นอน

ครั้งนี้จะต้องเป็นลูกชาย ต้องเป็นลูกชาย!

พี่สะใภ้สี่จ้าวกลอกตา เดินอยู่ข้าง ๆ เย่ฉูฉู่พลางกล่าวว่า “น้องสะใภ้หก เมื่อกี้ฉันเห็นเธอยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ?”

เมื่อกี้หล่อนสังเกตเห็นน้องสะใภ้หกว่าไม่ได้ขยับตะเกียบเลย แค่รับประทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าเพียงนิดหน่อย นอกจากนี้ยังดูไม่มีความอยากอาหารด้วย นี่คงไม่ต้องกล่าวให้มากความ ต้องเกิดจากเด็กที่อยู่ในท้องแน่ ๆ

เป็นไปตามคาด เด็กที่อยู่ในท้องเป็นเด็กผู้หญิงได้สร้างปัญหาให้แล้ว นี่เป็นการทวงหนี้ จะไปเหมือนกับหล่อนที่มีเด็กผู้ชายอยู่ในท้องครั้งนี้ได้อย่างไรกัน? ตอนนั้นหล่อนกินไม่ยั้งเลย!

เย่ฉูฉู่รับประทานของมันเลี่ยนมากๆ ไม่ไหว ทั้งยังพยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่พูดคุยกันน้ำลายแตกฟองแบบนี้ไม่ได้จริง ๆ ดังนั้นเธอย่อมรู้สึกไม่อยากอาหารมากขึ้น

ก็แค่การไปเข้าร่วมความคึกคักเพื่อไม่ให้มีคนมานินทา ถึงอย่างไรก็อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน แต่มันก็แค่นี้แหละ

เธอไม่สามารถบอกความจริงกับพี่สะใภ้สี่จ้าวคนนี้ได้ จึงได้แต่พยักหน้า “ไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่น่ะค่ะ”

พี่สะใภ้สี่จ้าวได้ยินจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น่าเสียดายจริง ๆ ฉันกินจนพุงกางเลย”

พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นหรอก งานเลี้ยงของหลี่เฉียจื่อวันนี้ไม่มีที่ติเลยจริง ๆ”

พี่สะใภ้สามจ้าวพยักหน้า

พวกหล่อนทั้งสามคนไม่ใช่สะใภ้อย่างเย่ฉูฉู่ที่ไม่ขาดแคลนน้ำมัน จึงไม่ได้รู้สึกว่าเป็นของหายาก พวกหล่อนนำของไปให้ก็ต้องรับประทานเพื่อคืนทุนกลับมา

วันธรรมดาที่อยู่บ้านก็อยู่กับสามีและลูก ๆ ช่วงเวลาที่ได้รับประทานอย่างจุใจแบบนี้หาได้ยากมาก ทำไมจะไม่รับประทานคืนทุนกลับมาล่ะ?

เย่ฉูฉู่แย้มยิ้ม

“ลูกชายที่รัก หลังจากนี้แม่จะกินอาหารเสริมให้ลูกเยอะ ๆ นะ พวกเราจะแย่กว่าครอบครัวของหลี่เฉียจื่อไม่ได้!” พี่สะใภ้สี่จ้าวลูบท้องของตัวเองพลางกล่าวออกมาเช่นนี้

พี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวไม่สนใจคำพูดเหล่านี้โดยอัตโนมัติ

ถึงตั้งครรภ์เหมือนกัน แต่เย่ฉูฉู่กลับไม่เหมือนพี่สะใภ้สี่จ้าวที่มัวแต่ติดอยู่กับเรื่องลูกชายหรือลูกสาว เมื่อกลับเข้าไปในบ้านเธอจึงไม่ทำอะไรรับประทานแล้ว เพราะไม่รู้สึกอยากอาหารจริง ๆ

เธอนั่งอยู่บนเตียงอุ่น ๆ ด้านข้างมีกระดาษและปากกา นอกจากนี้ยังมีเศษผ้าชนิดต่าง ๆ ด้วย

เห็นได้ชัดว่าต้องทำชุดเสื้อผ้าและรองเท้าเล็ก ๆ ให้กับเด็กในครรภ์

“ฉูฉู่ อยู่บ้านไหม?” เสียงของเฮ่อซงจือดังมาจากด้านนอก

“อยู่สิ” เย่ฉูฉู่สวมรองเท้าออกมา เมื่อเห็นเฮ่อซงจือจึงยิ้มต้อนรับและเชิญเข้ามาในห้อง “ข้างนอกหนาวแย่เลยสินะ?”

“ใช่ ข้างนอกหนาวจริง ๆ บ้านของเธออบอุ่นจังเลย” เฮ่อซงจือกอดแขนและหดหัวเข้าไปในเสื้อ เมื่อเข้ามาในห้องจึงผ่อนคลายลง

“รีบมานั่งบนเตียงเร็ว ตอนเช้าฉันเผาฟืนไว้เยอะเลย” เย่ฉูฉู่ไปเทถังสุ่ยใส่ถ้วยให้เธอ “ดื่มเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นสักหน่อยนะ”

เฮ่อซงจือขึ้นมานั่งบนเตียงแล้ว เธอดื่มน้ำในถ้วย “วันนี้หนาวจริง ๆ ดูเหมือนว่าหิมะจะตกอีกแล้ว”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เห็นคาดหวังจริงจังขนาดนี้ขอให้ได้ลูกชายจริง ๆ นะคะสะใภ้สี่

ลูกสาวบางคนก็กินจุนะ

ไหหม่า(海馬)