ตอนที่ 597

Elixir Supplier

597 หลบหนี

 

ถ้าหากศาสตราจารย์หวูและผู้ช่วยของเขาไม่พูดเรื่องนี้ออกไป ก็คงจะไม่มีใครเชื่อว่ายาตัวนี้เป็นฝีมือของหมออายุน้อยในหมู่บ้านเล็กๆกลางเขา แล้วสุดท้าย ความดีความชอบทั้งหมดก็จะตกเป็นของศาสตราจารย์หวู และเขาในฐานะผู้ช่วยก็จะได้รับผลประโยนช์จากเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย

 

แต่ผู้ช่วยคนนี้คิดมากเกินไป เพราะเรื่องแบบนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้น

 

ศาสตราจารย์หวูนำยากลับไปที่โรงพยาบาลเหลียนชาน และเข้าไปในห้องผู้ป่วย เขาได้เอายาของหวังเย้าให้คนไข้กิน

 

“หมอ พูดตามตรงนะ ผมไม่อยากกินยานี้อีกแล้ว” ถึงแม้น้ำเสียงของคนไข้จะฟังดูลังเล แต่เขาก็ยังคงรับยามาดื่มอยู่ดี

 

“รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?” ศาสตราจารย์หวูถาม

 

“ครับ แต่ผมก็ยังรู้สึกอยากอ้วกอยู่ดี” คนไข้พูด

 

“นั่นเป็นเรื่องปกติ” ศาสตราจารย์หวูมองดูสารอาหารแบบเหลวที่ถูกฉีดเข้าสู่ร่างกายของคนไข้ “ใจเย็นๆ อย่าคิดมาก”

 

หลังจากคุยกับคนไข้เพียงสั้นๆ เขาก็เดินออกมาจากห้องคนไข้

 

“ศาสตราจารย์ครับ นี่เป็นผลเลือดคนไข้ของเช้านี้ครับ” ผู้ช่วยอีกคนของเขาที่ถูกทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลได้ส่งผลตรวจเลือดให้กับศาสตราจารย์หวู

 

“เชื้อในเลือดของเขาลดลงใช่ไหม?” ศาสตราจารย์หวูถาม

 

“ใช่ครับ มันลดลงเร็วมาก ตัวอย่างเลือดบางส่วนได้ถูกส่งไปวิเคราะห์ที่ตัวจังหวัดแล้วครับ” ผู้ช่วยของเขาพูด

 

“ดี เธอทำงานมาทั้งคืน ตอนนี้ก็ไปพักเถอะนะ” ศาสตราจารย์หวูพูด

 

“ผมยังสบายดีครับ” ผู้ช่วยของเขาพูด

 

ผู้ช่วยทั้งสองยังคงอยู่ที่ห้องสังเกตการณ์กับอาจารย์ของพวกเขาต่อ

 

หลังจากที่ได้รับยาของหวังเยาอย่างต่อเนื่อง อาการของคนไข้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ข่าวได้แพร่กระจายไปยังแพทย์ในโรงพยาบาลเหลียนชานเป็นวงกว้าง

 

“ผู้เชี่ยวชาญจากปักกิ่งสุดยอดไปเลยนะ” แพทย์คนหนึ่งพูด

 

ผู้ช่วยของศาสตราจารย์หวูได้ยินคำพูดแบบนี้อยู่หลายครั้ง แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจมากขึ้นทุกขณะ

 

พวกเขามาจากปักกิ่ง และพวกเขาก็สุดยอดมาก อย่างน้อยๆ นี่ก็เป็นความคิดของผู้ช่วยที่เดินทางไปที่หมู่บ้านพร้อมกับศาสตราจารย์หวู แต่ในครั้งนี้ มันคือแพทย์อายุน้อยจากหมู่บ้านแห่งนั้นและยาที่เขาทำขึ้นมาต่างหาก ที่ทำให้อาการของคนไข้ดีขึ้น

 

พวกเขาไม่ใช่คนที่สมควรได้รับคำสรรเสริญเยินยอ

 

หมู่บ้านอยู่ในสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวาย สิ่งของจำเป็นในการใช้ชีวิตถูกส่งเข้ามาจากด้านนอก ทุกคนได้ของที่ตัวเองต้องการ แต่กลับไม่มีใครมีความสุขเลยสักคน

 

หวังเจ๋อเชิงก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาไม่ได้ทำงานมาหลายวันแล้ว มันจึงทำให้เขารู้สึกกังวลขึ้นมา

 

“พวกเขาจะปล่อยพวกเราออกไปได้เมื่อไหร่กันนะ?” เขาสูบบุหรี่ด้วยความกังวล

 

“ทำไมถึงได้อยากออกไปข้างนอกมากขนาดนั้นด้วยล่ะ?” พ่อของเขาถาม

 

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อยู่ที่บ้านนานๆแล้วมันเบื่อน่ะ” หวังเจ๋อเชิงดับบุหรี่ในมือ

 

“อย่าคิดมากเลย” พ่อของเขาพูด

 

“อืม” หวังเจ๋อเชิงพูด

 

แน่นอนว่าเขาต้องรู้สึกกังวล พ่อของเขากินยาเกือบจะหมดแล้ว เขาจำเป็นต้องซื้อยาจากหวังเย้าเพิ่ม ยาหนึ่งโดสซึ่งมีราคาสูงถึง 10,000 หยวน เขาไม่ได้ทำงานมาสามวันแล้ว เดือนนี้เขาจะไม่ได้รับค่าคอมมิสชันและไม่ได้เงินค่าจ้างจากอีกงานหนึ่งด้วย เขาไม่อยากจะเสียงานไหนไปเลย แต่เขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปจากหมู่บ้านเพื่อหาเงิน

 

เขาเข้าใจว่าเงินนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน มันง่ายที่จะจ่ายออกไป แต่ยากที่จะหามา

 

ฉันน่าจะลองไปหาหมอหวังดู บางทีเขาอาจจะยอมให้ฉันจ่ายทีหลังได้ พ่อของฉันจะหยุดยาไม่ได้เด็ดขาด หวังเจ๋อเชิงคว้าเสื้อแขนยาวและเดินออกไปข้างนอก

 

โชคดีที่หวังเย้ายังอยู่ที่คลินิก

 

“ดีที่หมอยังไม่ไปไหน” หวังเจ๋อเชิงพูด

 

“ครับ นั่งก่อนสิครับ” หวังเย้าพูด

 

“เอ่อ…” หวังเจ๋อเชิงลังเลที่จะพูดออกมา

 

“พูดออกมาเถอะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ยาของพ่อฉันใกล้จะหมดแล้วน่ะ” หวังเจ๋อเชิงพูด “ตอนนี้ เงินฉันขาดมือ ฉันไม่ได้ค่าจ้าง แล้วก็ไปเบิกเงินจากในธนาคารไม่ได้ด้วย ฉันขอจ่ายนายทีหลังจะได้ไหม? ฉันเซนต์สัญญากู้เงินให้ก็ได้นะ ฉันสัญญา ว่าถ้าฉันได้เงินมาแล้วฉันจะเอามาจ่ายแน่นอน”

 

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ พี่กลับมาเอายาตอนบ่ายแล้วกันนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“จริงเหรอ?” หวังเจ๋อเชิงรู้สึกประหลาดใจ

 

“ทำไมผมจะต้องโกหกพี่ด้วยล่ะ?” หวังเย้าถาม

 

คนสุรุ่ยสุร่ายที่กลับใจได้นั้นมีค่ามากกว่าทองคำ หวังเจ๋อเชิงได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง เขาได้เก็บคืนสติที่ทิ้งไว้ข้างหลังเมื่อนานมากลับคืนไว้ที่เดิม แล้วอยู่ๆเขาก็ได้รับรู้ถึงความเลวร้ายของตนเอง

 

“ขอบคุณมากๆนะ” หวังเจ๋อเชิงขอบคุณหวังเย้าซ้ำ ก่อนที่เขาจะเดินออกไป

 

ในวันเดียวกันนั้น มีชาวบ้านที่คาดว่าจะติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกคน เขาได้ถูกนำตัวออกไปในทันที ตอนนี้มีคนติดเชื้อทั้งหมดหกคนแล้ว พวกเขาทั้งหมดถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในห้องแยกที่โรงพยาบาลจัดเตรียมเอาไว้ และไม่มีใครในหมู่พวกเขาได้กลับมาเลยแม้แต่คนเดียว

 

“พวกเขาตายกันหมดแล้วแน่ๆ!”

 

“โรคนี้มันรักษาไม่ได้หรอก!”

 

ข่าวลือได้แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวความตาย เมื่อเทียบกับโรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิตแล้ว การกักตัวก็กลายเป็นเรื่องที่ไร้ความหมายไปในทันที พวกเขาเชื่อไปแล้วว่า หากพวกเขาติดเชื้อ พวกเขาก็มีจะตายเท่านั้น พวกเขาจะไม่ได้กลับมาที่หมู่บ้านอีกต่อไป มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับทุกคน

 

ชาวบ้านบางคนมีความคิดที่อยากจะหนีออกไป

 

“พี่คิดจะหนีเหรอ? แล้วพี่จะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถามพี่ชายของเขา

 

“ที่ไหนก็ได้ ฉันแค่ไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว มีคนติดเชื้อไปแล้วหกคน แล้วพวกเขาก็ตายกันหมด” พี่ชายของเขาพูด

 

“ฉันจะหนีไปด้วยก็ได้ แต่แล้วคนอื่นในบ้านล่ะจะทำยังไง?” เขาถาม

 

“ก็เรื่องของพวกเขาสิ ก่อนที่จะไปดูแลคนในบ้าน นายก็ต้องเอาตัวให้รอดก่อนถึงจะถูก” พี่ชายของเขาพูด

 

“แล้วเราจะหนีกันยังไง?” เขาถาม

 

“เราหนีไปทางเนินเขาได้ พวกเขาปิดทางถนน แต่ไม่ได้ปิดทางขึ้นเขาสักหน่อย ถ้าเราเดินไปตามทางบนเนินเขา เราก็จะออกไปจากที่นี่ได้” พี่ชายของเขาพูด

 

“ทางเดินบนเขาเหรอ?” เขาถาม

 

เส้นทางบนเนินเขาสามารถนำไปสู่หลายจุดหมาย

 

ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านมักจะใช้เส้นทางบนเนินเขาในการเดินทางไปไหนมาไหน ก่อนที่จะมีการสร้างถนนเข้ามาในหมู่บ้าน ซึ่งทั้งสะดวกสบายและใช้เวลาน้อยกว่าการเดินบนเขามาก

 

“ฉันขอคิดดูก่อนนะ” เขาพูด

 

“เฮ้ย เลิกลังเลได้แล้ว” พี่ชายของเขาพูด

 

“ฉันบอกว่า ฉันขอคิดดูก่อนไง” เขาพูด

 

คนไข้ที่ได้รับยาของหวังเย้าเข้าไป ยังคงมีสติดีอยู่ภายในห้องแยกของโรงพยาบาลเหลียนชาน

 

“คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” ศาสตราจารย์หวูเข้ามาถามอยู่หลายครั้ง

 

“ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้วครับ” คนไข้พูด

 

ความรู้สึกไม่สบายต่างๆได้หายไป ถึงแม้ว่าเขาจะยังเจ็บปวดตามร่างกายและอยากอาเจียนอยู่ในบางครั้ง แต่มันก็ดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว อย่างน้อยๆ เขาก็มีความหวังว่าเขาจะหายดี ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีกแล้ว

 

“ผลเลือดออกมาว่า อาการของคุณกำลังดีขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ” ศาสตราจารย์หวูพูด

 

“ขอบคุณครับ” คนไข้พูด

 

“ฉันไม่ใช่คนที่คุณควรขอบคุณหรอก” ศาสตราจารย์หวูพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“แล้วผมต้องขอบคุณใครเหรอครับ?” คนไข้ถาม

 

“ตอนนี้ ฉันยังบอกไม่ได้ แต่สักวัน คุณก็จะรู้เอง” ศาสตราจารย์หวูพูด

 

เขาอยู่ฟังคำอธิบายความรู้สึกเกี่ยวกับอาการของตนเองอย่างละเอียด จากนั้น เขาก็ออกมาจากห้องนั้น

 

“ผลตรวจมีการอัพเดทแล้วรึยัง?” ศาสตราจารย์หวูถาม

 

“รอสักครู่นะครับ” แพทย์คนหนึ่งพูด

 

ไม่นาน ผลตรวจฉบับล่าสุดก็ถูกส่งมาที่ห้องสังเกตการณ์ ผลเลือด, บันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, และผลอัลตร้าซาว ทั้งหมดล้วนแสดงให้เห็นว่า อาการของคนไข้กำลังดีขึ้น

 

“สวัสดีครับ ใครคือศาสตราจารย์หวูเหรอครับ?” หนึ่งในผู้บริหารของโรงพยาบาลได้เดินเข้ามาภายในห้องสังเกตการณ์

 

“ผมเองครับ” ศาสตราจารย์หวูพูด “คุณต้องการอะไรเหรอครับ?”

 

“โอ้ ทางเราได้มีการจัดมื้อค่ำเพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของคุณน่ะครับ ผมหวังว่าศาสตราจารย์จะสามารถเข้าร่วมได้” ผู้บริหารพูด

 

“เอ่อ ขอบคุณที่เชิญผม แต่คืนนี้ ผมยังมีงานต้องทำอยู่” ศาสตราจารย์หวูพูด

 

เขาไม่ได้กระตือรือร้นในเรื่องการเข้าสังคมมากนัก เขาเลือกที่จะอยู่ในโรงพยาบาล และศึกษาเรื่องโรคกับยาที่ได้จากหวังเย้ามากกว่า

 

“เรายังเชิญผู้นำเขตและเจ้าหน้าที่รัฐอีกหลายคนมาร่วมงานนี้ด้วยนะครับ” ผู้บริหารพูด “ศาสตราจารย์คิดว่ายังไงครับ?”

 

“ผมไปก็ได้” ศาสตราจารย์หวูพูด

 

เขามักจะได้รับเชิญไปร่วมทานอาหารค่ำ ในทุกๆครั้งที่เขาเดินทางไปตามโรงพยาบาลในเขตต่างๆ มันได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาไปแล้ว

 

ในหมู่บ้าน จางซิวหยิงถามเรื่องโรคในระหว่างที่กำลังทานอาหารเย็นกันอยู่

 

“คนที่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลตายกันหมดจริงๆเหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงถามเสียงเบา

 

“แม่ไปได้ยินเรื่องนี้จากที่ไหนมาครับ?” หวังเย้าถามด้วยความแปลกใจ

 

“ก็ทุกคนในหมู่บ้านเขาพูดกันน่ะสิ พวกเขายังพูดด้วยว่า ถ้าติดเชื้อขึ้นมาเมื่อไหร่ เราก็จะตายทันทีเลยล่ะ” จางซิวหยิงพูด

 

เธอได้ยินเรื่องนี้จากปากของชาวบ้านหลายๆคน

 

“ผมไม่ค่อยแน่ใจเรื่องนั้นหรอกครับ” หวังเย้าพูด “แต่มันก็มีความเป็นไปได้อยู่”

 

เขารู้ถึงการตายของเฉินเจียกุ้ย ถ้าหากผู้ติดเชื้อไม่ได้รับยาของเขา พวกเขาก็อาจจะจบชีวิตลงเช่นเดียวกับเฉินเจียกุ้ย

 

“เฮ้อ!” จางซิวหยิงถอนหายใจ “เมื่อไหร่มันจะจบสักทีนะ?”

 

“เร็วๆนี้ครับ” หวังเย้าพูด

 

หลังทานอาหารเสร็จ หวังเย้าก็เดินขึ้นไปบนเนินเขาทางทิศตะวันตก เนินเขาในบริวเณนั้นยังคงตั้งอยู่เช่นเดิม พวกมันถูกฆ่าเชื้อจนทั่ว

 

พลังความตายยังคงอยู่ที่นี่ หวังเย้าสามารถรับรู้ได้ถึงความกดดัน เมื่อเขาไปยืนในบริเวณนั้น วิกฤตยังคงไม่ได้รับการแก้ไข

 

อะไรคือสาเหตุของพลังความตายพวกนี้กันแน่?

 

เขาตัดสินใจใช้เวลาไปกับการศึกษาเรื่องนี้ เมื่อไหร่ที่เขาหาสาเหตุพบ เขาก็จะได้รู้ว่า เชื้อร้ายมาจากไหน

 

ค่ำคืนได้ผ่านพ้นไปอย่างสงบ ศาสตราจารย์หวูเดินทางมาที่หมู่บ้านในเช้าของอีกวัน

 

“คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม

 

“เขาอาการดีขึ้นแล้วล่ะ ยาของเธอได้ผล” ศาสตราจารย์หวูพูด “คราวนี้ เธอจะตอบคำถามของฉันได้รึยัง?”

 

“คุณรู้ไหม ว่าทั้งหมดนี้มันเริ่มมาจากจุดไหน?” หวังเย้าถาม

 

“ฉันได้ยินมาว่า มันเริ่มมาจากคนคนหนึ่งในหมู่บ้านนี้” ศาสตราจารย์หวูพูด เขาได้อ่านเกี่ยวกับประวัติของโรคนี้มาบ้างแล้ว