บทที่ 110 สร้างค่ายกลอย่างบ้าคลั่ง!

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

บทที่ 110 สร้างค่ายกลอย่างบ้าคลั่ง!
“มีคนมาแล้ว!”

พลังจิตของเย่เทียนสัมผัสได้ว่ามีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งอยู่ด้านนอกวิลล่า พวกเขาคือเหล่าผู้อาวุโสของฐานหลินไห่

“พวกเราขอคารวะปรมาจารย์เย่!”

ตาเฒ่าหลี่และผู้ฝึกยุทธ์ยืนอยู่นอกประตูบ้านของเย่เทียน และโค้งคํานับอย่างสุภาพ

“เข้ามาสิ!”

เสียงของเยเทียนดังขึ้น

เมื่อได้ยินดังนั้นตาเฒ่าหลี่และผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆก็เข้าไปด้านใน และในไม่ช้าพวกเขาก็พบกับเย่เทียนและมังกรโลหิต

แม้ว่ามังกรโลหิตโลหิตจะเก็บซ่อนกลิ่นอายสายเลือดของมังกรไว้ แต่มันก็ไม่ได้ปิดบังพลังบ่มเพาะของมัน

สัตว์อสูรชั้นยอด!

ชายชราหลั่มองไปที่มังกรโลหิต ร่างกายของเขาสันสะท้านด้วยความหวาดกลัว

เขารู้สึกได้ว่าสัตว์อสูรตรงหน้ามีพลังมากพอที่จะฆ่าเขาได้ในพริบตา มันต้องเป็นสัตว์อสูรชั้นยอดที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน จากนั้นเขาก็มองไปที่เย่เทียนและตกตะลึงอีกครั้ง

“ระดับปรมาจารย์!

ขอบเขตปัจจุบันของเยเทียนคือปรมาจารย์ ไม่ใช่นักรบผู้เชี่ยวชาญแล้ว

ไม่เพียงแค่ตาเฒ่าหลี่เท่านั้น แต่ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆก็ตกตะลึงเช่นกัน

เหตุผลที่พวกเขาเรียกเย่เทียนว่าปรมาจารย์ ก็เพราะเย่เทียนมีพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าระดับปรมาจารย์ทั่วไป แม้เขาจะสามารถสังหารปรมาจารย์ธรรมดาได้ แต่พลังบ่มเพาะของเขาก็ยังคงเป็นนักรบผู้เชี่ยวชาญ

และตอนนี้เย่เทียนได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์แล้ว

เย่เทียนที่อยู่ในระดับนักรบผู้เชี่ยวชาญยังสามารถสังหารปรมาจารย์ได้ เมื่อกลายเป็นปรมาจารย์ ไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถฆ่าปรมาจารย์ได้ด้วยการโบกมือหรอกหรือ?

นี่คือความย่าเกรง

ทุกคนยิ่งยําเกรงเย่เทียนมากขึ้น ไม่กล้าแสดงท่าที่ไม่สุภาพเลยแม้แต่น้อย

“ปรมาจารย์เย่ ท่านกลับมาได้อย่างไร?”

ตาเฒ่าหลีแสดงท่าทางนอบน้อม เขาไม่กล้าที่จะแผ่กลิ่นอายของปรมาจารย์เหมือนก่อนหน้านี้ ราวกับว่าเขาเป็นเพียงคนรับใช้ที่ต่ําต้อยที่กําลังพูดอยู่กับเจ้านาย

“ฐานหลินไห่กําลังจะประสบกับวิกฤติ ดังนั้นข้าจึงกลับมา!”

เย่เทียนไม่ได้ปิดบังอะไร เขาต้องบอกคนของฐานหลินไห่ เพราะคนเหล่านี้มีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังหวังว่าผู้เฒ่าหลี่และคนอื่นๆ จะร่วมมือกันช่วยเขาในการจัดการเรื่องต่างๆ

“วิกฤตฐานหลินไห่!!”

ตาเฒ่าหลี่กล่าวด้วยความตื่นตระหนก

เดิมทีเขาก็เดาว่าจะเป็นสถานการณ์แบบนี้ จึงมีการประชุมแต่เขาก็ยังไม่แน่ใจ ในใจก็ยังมีความหวังว่ามันจะไม่เป็นดั่งที่เขาคิด แต่ตอนนี้เย่เทียนที่กลับมาจากฐานทะเลมารได้บอกด้วยตัวเองว่าฐานหลินไห่กําลังตกอยู่ในอันตราย

“ปรมาจารย์เย่ โปรดช่วยฐานหลินไห่ด้วย!”

หลินว่านหลี่ขอร้อง

ผู้ฝึกยุทธ์และผู้เฒ่าหลี่คนอื่นๆ รีบขอร้องเย่เทียน

“ปรมาจารย์เย่ โปรดช่วยฐานหลินไห่ด้วย!”

“เฮ้อ!”

เย่เทียนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง และโบกมือพร้อมกล่าวว่า

“ครั้งนี้ที่ข้ากลับมาก็เพราะต้องการจัดการเรื่องนี้ แต่ข้าขอเตือนพวกเจ้าก่อนว่าหากข้าสู้ไม่ได้ ข้าจะไม่อยู่ที่ฐานหลินไห่ และจะหนีไปทันที”

“พวกเจ้าก็เช่นกัน…ต้องเตรียมพร้อมที่จะหลบหนีได้ทุกเมื่อ แต่จะหนีรอดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคของแต่ละคน!”

สีหน้าของตาเฒ่าหลี่เปลี่ยนไปและถามว่า

“ปรมาจารย์เย่ หรือว่าราชาอสูรที่ทําลายฐานเขียวเหล็กจะโจมตีฐานหลินไห่?”

“ไม่ใช่!” เย่เทียนส่ายหัว

“หากเป็นภัยพิบัติเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับฐานเขียวเหล็ก ผู้ฝึกยุทธระดับราชาของฐานทะเล มารจะไม่ปล่อยฐานหลินไห่ให้เผชิญกับวิกฤตเช่นนี้ เพราะที่นี่คือประตูสู่ฐานทะเลมาร แต่ตอนนี้ ฐานทะเลมารไม่สามารถช่วยฐานหลินไม่ได้ เพราะแม้แต่ฐานทะเลมารก็อาจจะต้องล่มสลายเช่นกัน!”

อะไรนะ!!!

ข่าวนี้ทําให้ตาเฒ่าหลี่และคนอื่นๆตกตะลึง

ฐานทะเลมารเป็นฐานขนาดใหญ่ มีปรมาจารย์อยู่นับไม่ถ้วน และระดับราชาก็มีอยู่ไม่น้อย ฐานขนาดใหญ่เช่นนี้จะล่มสลายได้หรือ? แล้วหายนะที่พูดถึงคืออะไรกันแน่?

พวกเขานึกภาพไม่ออก ไม่แม้แต่จะสามารถจินตนาการถึง!

“ฐานหลินไห่ของเราจะตกอยู่ในอันตรายเช่นเดียวกับฐานทะเลมารหรือไม่?” หลินว่านหลีกล่าวอย่างสิ้นหวัง

“ใช่!” เย่เทียนพูดอย่างจริงจังว่า

“ข้าเองก็ไม่รู้รายละเอียดเช่นกัน ข้ารู้แค่ว่าคลื่นสัตว์อสูรที่ไม่เคยมีมาก่อนกําลังจะอุบัติขึ้นฐาน ทะเลมารและฐานใหญ่อื่นๆ ก็อยู่ในระยะที่จะถูกโจมตี สําหรับฐานขนาดเล็กอย่างฐานหลินไห่นั้น เป็นเพียงพื้นที่ริบชายขอบของการโจมตีเท่านั้น แต่ถึงแม้จะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ฐานขนาดเล็กจะสามารถป้องกันได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ฐานทัพทะเลมารจึงจำเป็นต้องปกป้องฐานของตัวเองโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น ไม่มีทางที่พวกเขาจะสนับสนุนฐานอื่นได้

“ข้าเข้าใจแล้ว!”

ในที่สุดหลินว่านหลีกระจ่าง ว่าทําไมคนของหอยุทธและธนาคารถึงหนีออกไป

ในความคิดของพวกเขา แม้ว่าฐานทัพทะเลมารตกอยู่ในอันตราย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะรับมือได้มากกว่าฐานหลินไห่ หากไม่มีเหตุไม่คาดฝันฐานหลินไห่คงจะถูกทําลายกลายเป็นเศษซาก

“ปรมาจารย์เย่ พวกเราสามารถย้ายไปหลบภัยในฐานทะเลมารในตอนนี้ได้หรือไม่?” หลินว่านหลี่ถามด้วยความหวัง

“ไม่มีทางเป็นไปได้!”

เย่เทียนปฏิเสธข้อเสนอของหลินว่านลี่และอธิบายว่า “คนส่วนใหญ่ในฐานทะเลมารไม่รู้เรื่องฝูงสัตว์อสูร เพราะเหล่าผู้มีอานาจต่างกลัวว่าเรื่องนี้จะทําให้เกิดความตื่นตระหนก ตอนนี้มีเพียงสมาชิกหลักของกองกําลังใหญ่เท่านั้นที่รู้ ถ้าพวกเจ้าต้องการอพยพไปฐานทะเลมาร ไม่ใช่ว่ามันต้องเกิดเหตุวุ่นวายหรอกหรี? เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าขุมกําลังใหญ่เหล่านั้นจะส่งออกมาสังหารพวกเจ้านอกฐานทะเลมาร?

อีก!

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป และเลิกคิดถึงข้อนี้ทันที

“ปรมาจารย์เย่ แล้วพวกเราควรทําอย่างไรดี?”

ชายชราหลีถาม

เขาเป็นปรมาจารย์ ยังมีชีวิตอยู่ได้มากกว่า 100 ปี แน่นอนว่าเขายังไม่อยากตาย!

“เริ่มจากสร้างค่ายกลก่อน ตามการคาดคะเนของข้า ก่อนคลื่นสัตว์อสูรจะมาเรายังมีเวลาอย่างน้อยสองสามวัน ข้าจะสร้างค่ายกลป้องกันขึ้นมา อย่างน้อยมันคงจะมีประโยชน์บ้าง”

เย่เทียนกล่าว

“ค่ายกล? ปรมาจารย์เย่ ท่านเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลด้วยหรอ?”

ตาเฒ่าหลี่ประหลาดใจ

เขาเคยไปที่ฐานทะเลมารและรู้ถึงรูปแบบค่ายกลของฐานทะเลมาร และยังรู้ว่าปรมาจารย์ด้านค่ายกลนั้นเป็นตําแหน่งที่สูงเพียงใด

“ข้าพอมีความรู้อยู่บ้าง!

เย่เทียนพยักหน้าและตอบ

“ปรมาจารย์เย่ เช่นนั้นแล้วพวกเราช่วยอะไรได้บ้าง?” ตาเฒ่าหลี่มองไปยังเย่เทียน

“พวกเจ้าช่วยข้าสร้างแผ่นจานค่ายกลมาให้ข้า ของสิ่งนี้ไม่ซับซ้อน เพียงแต่ต้องใช้วัตถุดิบระดับสูง ใช้วัตถุดิบที่มีพลังปราณสร้างแผ่นจานค่ายกลขึ้นมาก็พอ ร้านช่างตีเหล็กที่ฐานหลินไห่ก็สามารถสร้างได้ พวกเจ้าช่วยจัดหามันมาให้ข้า”

เย่เทียนสั่งทุกคน

“ได้ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้!”

ทุกคนรีบแยกย้ายไปทําแผ่นจานค่ายกลทันที และเย่เทียนก็เริ่มสลักค่ายกลเช่นกัน ส่วนใหญ่ แล้วจะเน้นไปที่ค่ายกลป้องกันและค่ายกลโจมตี

การเดินทางมาครั้งนี้

เขานําแผ่นจานค่ายกลติดตัวมาด้วยไม่น้อย แต่แน่นอนว่ามันยังไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงให้ตาเฒ่าหลีและคนอื่นๆช่วยสร้างแผ่นจานค่ายกลขึ้นมา!

สลัก!

สลัก!

เย่เทียนจารึกรูปแบบอักขระค่ายกลลงบนแผ่นจานค่ายกล ด้วยพรสวรรค์ด้านค่ายกลระดับสูงสุดของเขา ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที่เขาก็สามารถสลักค่ายกลระดับเริ่มต้นได้ ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเย่เทียนก็สามารถสลักแผ่นค่ายกลระดับกลางได้

สําหรับค่ายกลระดับสูงนั้น เขายังไม่มีความสามารถมากพอในการจารึกเพราะขอบเขตด้านค่ายกลของเขาเป็นเพียงปรมาจารย์ด้านค่ายกลขั้นกลางเท่านั้น

“ใช้แผ่นจานค่ายกลระดับเริ่มต้นเป็นส่วนใหญ่ แผ่นจานค่ายกลระดับกลางเป็นส่วนเสริม!

นี่เป็นแผนการเย่เทียนตั้งเป้าหมายไว้คร่าวๆ

เวลาค่อยๆไหลผ่านไป

เย่เทียนสามารถสร้างแผ่นจานค่ายกลระดับเริ่มต้นได้ประมาณ 100 แผ่นต่อวัน แต่เขายังไม่ได้เริ่มสลักอักขระค่ายกลระดับกลางเลยสักแผ่น เขาทุ่มเทกับการสลับค่ายกลโดยไม่ได้พักผ่อน และไม่ได้มีเวลาฝึกฝนเลยแม้แต่น้อย

พริบตาเดียว ห้าวันก็ผ่านไป

เย่เทียนสร้างแผ่นจานค่ายกลระดับเริ่มต้นทั้งหมด 489 แผ่น และแผ่นจานค่ายกลระดับกลางอีก 18 แผ่น

หลังจากนั้น

เย่เทียนนําแผ่นจานค่ายกลป้องกันทั้งหมดให้ตาเฒ่าหลี และคนอื่นๆไปฝังบนกําแพงเมืองรอบฐานหลินไห่ ส่วนค่ายกลโจมตีนั้นวางไว้ที่ว่างด้านนอกฐานหลินไห่

ในช่วงเวลานี้ฐานหลินไหปิดประตูและไม่อนุญาตให้ผู้คนเข้าออก เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับค่ายกลโดยไม่ตั้งใจ

เย่เทียนพักผ่อนอยู่ครึ่งวันและไม่ได้สร้างค่ายกลเพิ่มอีก มิฉะนั้นสภาพร่างกายของเขาจะแย่ลง หากพลังการต่อสู้ของเขาลดลง นั่นจะเป็นเรื่องใหญ่

ค่ายกลเป็นเพียงการยับยั้งฝูงสัตว์อสูรเล็กน้อยเท่านั้น หากต้องการปกป้องไม่ให้ฐานหลินไห่ถูกทําลาย สิ่งที่พึ่งพาได้จริงๆคือพลังการต่อสู้ของเขา ดังนั้นเขาจึงจําเป็นต้องรักษาสภาพร่างกายของเขาให้สมบูรณ์พร้อมที่สุด