ตอนที่ 6
เติบใหญ่
“ท่านน้ามังกร ข้าทำถูกหรือไม่”ไป๋จูเหวินถามพลางนำสมุนไพรแห่งป่าวัฒนะออกมาจากดิน สมุนไพรแปลกพิสดารย่อมมีวิธีเก็บเกี่ยวที่พิสดาร ยามนี้มังกรธรณีสั่งสอนไป๋จูเหวินให้ดูแลรักษาสมุนไพรในป่าของมันอย่างดีจนมันสามารถเก็บเกี่ยวและปลูกสมุนไพรหายากเหล่านี้ได้ทุกประเภท
“เจ้าเรียนรู้ได้ไวมากจูเอ๋อ”มังกรธรณียิ้มพลางลูบหัวจูเอ๋ออย่างเอ็นดู มันไม่ได้ชมตามมารยาท แต่มันชมจูเอ๋อจากใจจริง นอกจากความสามารถทำให้อสูรหลงใหลในตัวเองได้อย่างไม่ยากเย็น จูเอ๋อยังมีมันสมองที่มนุษย์ทั่วไปคงไม่อาจทำได้เช่นเขา ไม่ทราบเพราะสมุนไพรหรืออะไรที่พวกตนให้กินสมัยก่อนหรือไม่ แต่บัดนี้จูเอ๋อเรียนรู้เรื่องราวต่างๆจากพวกมันได้รวดเร็วยิ่งนัก หากเปรียบเทียบความรู้ที่พวกมันสอนเหมือนเหยือกน้ำ ก็ไม่ต่างจากเทมันลงไปในทะเลทราย ทันทีที่เทลงไปมันก็จะซึมซับหายไปและพร้อมจะรับน้ำเหยือกใหม่ได้ในทันที
“ท่านน้ามังกร ท่านน้าราชสีห์บอกให้ข้าเอาสมุนไพรติดตัวไปหาเขาที่ภูเขาดำด้วย”ไป๋จูเหวินว่าพลางหยิบสมุนไพรที่เขาต้องการออกมา
“อืม ได้สิ”ไม่มีสิ่งใดที่มันจะมอบให้แก่จูเอ๋อไม่ได้อยู่แล้ว มังกรธรณีจึงพยักหน้าอย่างแช่มช้า ราชสีห์เพลิงคงเอาสมุนไพรพวกนี้ไปหลอมในเพลิงลาวาเป็นแน่ แม้มันจะชมชอบปลูกสมุนไพร แต่การกลั่นตัวยาต้องใช้ผู้ควบคุมไฟได้อย่างยอดเยี่ยม และราชสีห์เพลิงก็เป็นอสูรที่ควบคุมไฟได้เก่งกาจที่สุดเท่าที่มันรู้จัก
“เจ้าขึ้นมาเถอะ น้าจะไปส่งเจ้าที่ภูเขาดำเอง”มังกรธรณีพูดพลางกลับร่างเป็นมังกรมหึมาอีกครั้ง แม้มันจะเชื่องช้าที่สุดในเหล่าราชาทั้งหมด แต่ก้าวที่ใหญ่โตของมันก็พาไป๋จูเหวินไปภูเขาดำได้อย่างรวดเร็วกว่าให้เด็กน้อยวิ่งไปเองเสียอีก
ไป๋จูเหวินมาอยู่ที่นี่ได้ 6 ปีแล้ว พวกมันไม่รู้ว่าอายุแต่เดิมของไป๋จูเหวินคือเท่าใด แต่หากคาดเดาจากร่างกายภายนอกบัดนี้มันคงอายุราวๆ 12 ปีได้ แต่ความรู้ที่มันเรียนไปจากพวกตนกลับมากกว่าที่พวกตนศึกษามาหลายพันปีเสียอีก น่าเสียดายที่มันฝึกวิชาของอสูรไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพวกมันคงแย่งกันถ่ายทอดวิชาให้จนหมดเป็นแน่ ในเมื่อมันเป็นมนุษย์คงต้องฝึกวิชาวิญญาณของมนุษย์เท่านั้น นอกจากจะกลืนแก่นอสูรเข้าไปมันถึงจะได้พลังบางส่วนของอสูรตนนั้นๆมา แต่การกลืนแก่นอสูรถือเป็นเรื่องอันตรายพวกมันเลยไม่ให้จูเอ๋อทำสักครั้ง แต่ถึงไม่มีพลังอสูรหรือพลังวิญญาณคุ้มกาย จูเอ๋อก็แข็งแรงอย่างมาก บางทีอสูรระดับต่ำภายในป่าคงทำอะไรไป๋จูเหวินไม่ได้แน่ๆต่อให้พวกมันกล้าโจมตีก็ตาม
“โอ้ จูเอ๋อเจ้ามาสักที”ราชสีห์เพลิงออกมารอถึงหน้าเขตแดนของตนเองเพื่อรอรับจูเอ๋อที่กำลังจะมาหาตน เมื่อ 5 ปีก่อนพวกตนแย่งกันสอนจูเอ๋อจนแทบไม่ได้สอนอะไรจูเอ๋อเลย ทำให้พวกมันวางข้อตกลงกันว่าทุกวันจะให้จูเอ๋อไปอยู่กับน้าแต่ละคนเพื่อเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ และกลับมาอยู่กับนายหญิง 2 วันค่อยวนใหม่อีกครั้ง แม้คราแรกนายหญิงจะไม่ค่อยยินยอมนัก แต่พออ้างถึงหนาคตของจูเอ๋อนายหญิงกลับสามารถทำใจได้ไม่ยากเย็นนัก
“มาสิ วันนี้ข้าจะสอนการหลอมโอสถมายาให้เจ้า”ราชสีห์เพลิงหัวเราะพลางให้จูเอ๋อขึ้นมานั่งบนหัวของมัน บัดนี้ราชาและราชินีทั้ง 5 ต่างไม่เหลือความถือตัวต่อจูเอ๋ออีกแล้ว แม้แต่จิ้งจอกเหมันต์หากทำให้จูเอ๋อมาหานางได้จะให้จูเอ๋อกอดหางนางนานเท่าไหร่ก็ยินดีเสียแล้ว
แม้จะผ่านไป 6 ปีแล้วแต่จูเอ๋อก็ตั้งใจเรียนและมีความพยายามอย่างมาก สร้างความรักใคร่ให้น้าทั้ง 5 จนแม้แต่พวกมันยังประหลาดใจ ทำให้ทุกคนต่างสอนสั่งจูเอ๋อของมันอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่ว่าจะความรู้ที่จูเอ๋อจะได้ใช้หรือความรู้ที่จูเอ๋อจะไม่ได้ใช้ก็ตาม
ตัวมังกรธรณีนั้นสอนสั่งวิชาธาตุดินและไม้ การคงอยู่ สัจธรรม และพืชพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งการอ่านเขียนภาษาต่างๆที่มีในโลกไม่ว่าจะเป็นภาษาปัจจุบันหรือภาษาโบราณ มันถึงกับส่งอสูรลูกน้องปลอมแปลงตนเองไปอยู่ในโลกมนุษย์เพื่อหาความรู้มาสอนจูเอ๋อเลยทีเดียว
ทางราชสีห์เพลิงนั้นสอนหลักของธาตุไฟ ให้จูเอ๋อ ไม่ว่าจะเป็นการปรุงยา หลอกโลหะ หรือแม้แต่ปรุงอาหาร แต่เหมือนราชสีห์เพลิงผู้รับหน้าที่พ่อครัวให้จูเอ๋อมานานจะติดใจวิธีการปรุงอาหารเสียแล้ว มันถึงกับสอนวิชาปรุงอาหารมากกว่าการปรุงโอสถเลยทีเดียว
จิ้งจอกเหมันต์ นอกจากจะสอนวิชาธาตุน้ำและน้ำแข็งแล้วยังสอนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเหล่าอสูร แม้มันจะไม่รู้เรื่องมนุษย์นักแต่มันไม่อยากให้จูเอ๋อตามเล่ห์เหลี่ยมของผู้คนโกงไม่ทัน นางสอนวิธีสังเกตภาษากายไม่ว่าจะในร่างมนุษย์หรือร่างอสูร รวมทั้งสอนการพูดจาให้จูเอ๋ออีกด้วย แต่นางอาจจะเป็นคนที่สอนได้ย่ำแย่ที่สุดก็ได้ เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีจูเอ๋อก็ยังหัวอ่อนเชื่อคนง่ายไม่เปลี่ยนแปลง ยังดีที่พักหลังพอจะรู้จักแยกแยะคำพูดว่าอันไหนจริงอันไหนโกหกได้บ้าง ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ยอมปล่อยจูเอ๋อไปไหนแน่ๆ
ส่วนไก่ฟ้าหงอนทองนั้นทำตัวราวกับพ่อบุญทุ่ม มันสรรหาสมบัติล้ำค่ามากมายมาให้จูเอ๋อได้จับได้สัมผัส ทั้งแก่นอสูรของอสูนแต่ละชนิด ทั้งหินวิญญาณที่เหล่ามนุษย์ชื่นชอบ หินธาตุต่างๆ บางคราวมันยังได้อาวุธของมนุษย์มาให้จูเอ๋อได้ดูอีกด้วย น่าเสียดายที่มันไม่พบเคล็ดวิชาฝึกฝนของพวกมนุษย์ไม่อย่างนั้นคงเอามาให้จูเอ๋อฝึกแล้ว อสูรที่ส่งไปโลกมนุษย์ก็ไร้ความสามารถ แต่ก็โทษพวกมันไม่ได้เพราะอสูรไม่สามารถฝึกพลังวิญญาณของมนุษย์ได้ ทำให้พวกมันไม่อาจฝึกแล้วนำมาสอนต่อให้จูเอ๋อได้ ต่อให้ได้ม้วนตำรามาก็ไม่มั่นใจว่าจะสอนให้จูเอ๋อเช่นไร
ทางด้านพยัคฆ์อัสนี มันไม่ค่อยได้สอนอะไรจูเอ๋อนัก มันพาจูเอ๋อเที่ยวเล่นบ่อยครั้ง ค้นหาสถานที่น่าพึงพอใจและเล่นสนุกอย่างที่มันทำอยู่ประจำ ยังดีที่มันยังสอนเกี่ยวกับอสูรต่างๆให้จูเอ๋อบ้างไม่อย่างนั้นคงโดนราชาคนอื่นๆโวยตายแน่ๆ
“จูเอ๋อ เจ้าไม่เหนื่อยเกินไปใช่หรือไม่”อสูรแมงมุมถามพลางลูบหัวบุตรชายอย่างเอ็นดู เด็กมนุษย์ธรรมดาไม่อาจทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน เธอยังประหลาดใจเลยว่าจูเอ๋อสามารถทนการแย่งกันสอนของเหล่าน้าๆได้อย่างไร
“พวกท่านน้าสอนแต่ละเรื่องสนุกสนานยิ่ง จูเอ๋อมีความสุขมากที่ได้เรียนกับท่านน้า”ไป๋จูเหวินพูดพลางยิ้มอย่างพึงพอใจ มันไม่ทราบว่ามนุษย์คนอื่นเป็นเช่นไร มันจึงไม่รู้ว่าความสามารถของมันช้าหรือเร็วกันแน่
“อืม…แม่ดีใจที่เจ้าชอบ ยามแม่ไม่อยู่เจ้าจะได้ดูแลตัวเองได้”ได้ยินอสูรแมงมุมพูดเช่นนั้นไป๋จูเหวินก็พลันหันมามองหน้ามารดา หากเป็นแม่ลูกคืออื่นอาจจะไม่ใช่คำพูดที่แปลกเท่าไหร่ แต่กับนางที่เป็นอสูรแล้วกลับแปลกประหลาดอย่างมาก นางสมควรจะมีชีวิตยืนยาวยิ่งกว่าไป๋จูเหวินถึงจะถูก
“ท่านแม่ ท่าน…”ทันทีที่หันมองใบหน้าของมารดา ดวงตาของไป๋จูเหวินก็พลันเบิกกว้าง มันอยู่กับมารดามานานจนไม่ทันสังเกต แต่ผิวของมารดาซีดหมองลงกว่าเดิมมาก ดวงตาราวไข่มุกดำขลับของนางก็ไร้ประกายไปมาก ยามนี้หากไป๋จูเหวินมีพลังอสูรเช่นน้าๆของมันย่อมรู้ว่ามารดาอ่อนแอลงมากขนาดไหน ตลอด 6 ปีที่ผ่านมามารดามันไม่ได้กินอะไรเลยแม้แต่คำเดียว มันเข้าใจว่าอสูรไม่จำเป็นต้องกินบ่อยๆเพราะมีพลังในตัวอยู่แล้ว เหมือนกับผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณของมนุษย์ที่ไม่จำเป็นต้องกินอาหารบ่อยนัก
“แม่ดีใจที่เจ้าเติบโตมาเป็นเด็กดี”อสูรแมงมุมพูดพลางลูบเส้นผมของไป๋จูเหวิน นางทราบตั้งแต่วินาทีแรกที่ไว้ชีวิตมันแล้วว่านางคงอยู่กับมันได้ไม่นาน เพราะแต่เดิมที่นางเดินทางมาผาไร้ก้นก็เพราะต้องการหาสถานที่เพื่อดับสูญเท่านั้น การพบเจอกับไป๋จูเหวินถือเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง แต่มันก็เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าช่วงชีวิตที่เหลือช่างสั้นเหลือเกิน
“เจ้าไม่ต้องทำหน้าเศร้าไป แม่ของเจ้ามีชีวิตมานับแสนปี อยู่มาเนิ่นนานเกินพอแล้ว”คำพูดของมารดาทำให้น้ำตาไหลออกมาจนอาบแก้มไป๋จูเหวิน มันรู้สึกใจหายที่มารดากำลังจะจากไป มันคิดมาตลอดว่ามารดาคงอยู่กับมันไปชั่วชีวิตเพราะนางเป็นอสูรส่วนมันเป็นมนุษย์
เปรี๊ย! อยู่ใบหน้าของอสูรแมงมุมก็เกิดรอยร้าวขึ้นมา นางไม่เคยบอกเรื่องนี้กับไป๋จูเหวินเพราะกลัวว่ามันจะทำใจไม่ได้ แต่นางก็อดทนกับการดับสูญมาได้เท่านี้จริงๆ ความจริงนางควรจากไปนานแล้ว แต่นางก็อดทนจนเห็นบุตรชายเริ่มใช้ชีวิตได้ด้วยตนเอง นางจึงวางใจปล่อยให้ร่างกายสลายไปได้
“ลูกแม่..แม่ขอบใจเจ้ามาก”คำพูดสุดท้ายของอสูรแมงมุมทำเอาหัวใจของไป๋จูเหวินสั่นสะท้าน แต่กับอสูรแมงมุมมันกลับรู้สึกยินดียิ่งที่ยามสูญสลายมีผู้ที่มันรักอยู่เคียงข้าง มันรู้สึกขอบคุณจริงๆที่ไป๋จูเหวินทำให้มันรู้จักกับความรักก่อนจะตาย
“จูเอ๋อ”ร่างแรกที่โผล่เข้ามาในถ้ำย่อมเป็นพยัคฆ์อัสนี มันรวดเร็วที่สุดและอยู่ใกล้ที่สุด ทันทีที่สัมผัสของอสูรแมงมุมหายไป มันก็ทะยานมาที่นี่ทันที แต่สิ่งเดียวที่มันพบเห็น คือร่างของเด็กชายที่กำลังนั่งอยู่บนกองเศษธุลี ในมือของมันมีไข่มุกสีขาวขุ่นเช่นเดียวกับสีของอสูรแมงมุม ทำให้พยัคฆ์อัสนีทราบได้ทันทีว่ามันคือแก่นอสูรของอสูรแมงมุมอย่างไม่ต้องสงสัย พวกมันราชาทั้ง 5 สัมผัสพลังที่อ่อนลงเรื่อยๆของอสูรแมงมุมได้มาตลอด และรู้อยู่แล้วว่าเรื่องเช่นนี้ต้องเกิดขึ้น แต่พวกมันก็ไม่กล้าบอกจูเอ๋อแม้แต่คนเดียว
“จูเอ๋อ…เจ้า”พยัคฆ์อัสนีพูดพลางเดินเข้าไปหาหลานชายอย่างเชื่องช้า ครานี้ดวงใจของหลานชายมันเปราะบางยิ่งนัก แต่ขณะเดินเข้าไปหา อยู่ๆจูเอ๋อก็ยกแก่นอสูรของมารดามันเข้าปาก ไม่ทราบว่ามังกรธรณีเตือนมันแล้วเตือนมันอีกไม่รู้กี่รอบว่าห้ามกินแกนอสูรเด็ดขาด ยิ่งเป็นแก่นอสูรของอสูรที่มีพลังมากผู้จะดูดซับต้องเป็นผู้มีพลังมากเช่นกัน แต่มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้ฝึกฝนพลังวิญญาณกลับกล้ากลืนแก่นอสูรของอสูรที่แม้แต่พวกมัน 5 ตนยังไม่กล้าต่อต้านลงไป ไม่เท่ากับรนหาความตายงั้นเหรอ
“จูเอ๋อ คายออกมา จูเอ๋อ”พยัคฆ์อันสีพูดอย่างลนลานพลางพยายามเปิดปากเด็กน้อยออก แต่ไม่ทันไรไป๋จูเหวินก็กระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง
“พยัคฆ์ เกิดอะไรขึ้น”ไก่ฟ้าหงอนทองที่พึ่งมาถึงถามเมื่อเห็นจูเอ๋อกำลังกระอักเลือดอย่างรุนแรง เลือดที่ไหลออกมาไหลไม่ยอมหยุดก่อนที่ดวงตาของมันจะเริ่มมีเลือดซึมออกมาเช่นกัน
“ไปหามังกรธรณี”ยามนี้ผู้เยียวยาที่ดีที่สุดย่อมต้องเป็นมังกรธรณี แต่ไม่ทันจะออกจากถ้ำร่างของอสูรที่เหลืออีก 3 ตนก็ปรากฏที่หน้าประตู
“เกิดอะไรขึ้น”มังกรธรณีถามพลางพุ่งปราดเข้าหาจูเอ๋อของมันทันที
“จูเอ๋อกลืนแก่นอสูรของอสูรแมงมุมเข้าไป”พยัคฆ์อัสนีพูดพลางกัดฟันแน่น ทำไมมันถึงห้ามไม่ทันกัน…..
“ราชสีห์เพลิง”มังกรธรณีคำรามพลางมองไปทางราชสีห์เพลิง
“เตรียมหลอมยา”ได้ยินคำสั่งของมังกรธรณี ราชสีห์เพลิงก็ไม่คิดจะขัดขืน มันพุ่งพรวดออกจากถ้ำก่อนจะกลายร่างเป็นราชสีห์เพลิงแล้วทะยานกลับภูเขาดำของมันในทันที หากจะหลอมยาต้องหลอมที่แกนกลางภูเขาถึงจะดีที่สุด