ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 189

เมื่อเห็นว่าอ๋องฉีพูดไม่ออก ทุกคนในที่นี้รู้ดีว่าพันธสัญญานี้จะต้องลงนามโดยเร็วที่สุด

แต่ใครเล่าจะเป็นผู้ลงนาม?

เสนาบดีสำนักตรวจราชการหลี่ปู้ยืนขึ้นและกล่าวว่า “ทูลฮองเฮา กระหม่อมแนะนำว่าควรให้องค์รัชทายาทดูแลบ้านเมืองแทนชั่วคราว และลงนามในพันธสัญญานี้พ่ะย่ะค่ะ”

ใต้เท้าชุยมองดูเสนาบดีสำนักตรวจราชการอย่างเฉยเมย ก่อนหน้านี้รู้อยู่แล้วว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเหลียงไท่ฟู่ และแน่นอนว่าเขาต้องมีความสวามิภักดิ์เมื่ออยู่ต่อหน้าองค์รัชทายาท

หวงไท่โฮ่วไม่ตอบคำพูดของเขาโดยตรง มองไปที่องค์รัชทายาท และถามว่า “องค์รัชทายาท เจ้าคิดว่าตัวเองเพียบพร้อมสำหรับตำแหน่งของบ้านเมืองเช่นนี้หรือไม่?”

องค์ชายมู่หรงเฉียวยืนขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยท่าทางสีหน้านอบน้อม “เสด็จย่า เสด็จอา เสด็จพี่ทุกท่าน บรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทุกท่าน ขอบพระทัยทุกท่านที่ยกย่องและชื่นชมกระหม่อม คุณสมบัติและความสามารถในการปกครองบ้านเมืองของกระหม่อมนั้นค่อนข้างน้อยนัก ไม่อาจเทียบได้กับทุกคนในที่นี้ เสด็จย่าทรงแต่งตั้งกระหม่อมให้เป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน กระหม่อมรู้สึกตื่นตระหนกมาก แต่รู้ว่าตัวเองต้องแบกความรับผิดชอบของการเป็นองค์รัชทายาท ยังหวังว่าเสด็จอาและบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทุกท่านจะช่วยกระหม่อมในอนาคตได้”

ทุกคนอดประหลาดใจไม่ได้ คําพูดนี้เริ่มต้นจากตรงไหนกัน? หวงไท่โฮ่วเพียงแค่ถามเขาว่าคิดยังไง ไม่ได้บอกว่าเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน คำพูดของเขาดูอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ความตั้งมั่นย่อมมีความทะเยอทะยาน

หวงไท่โฮ่วส่ายหัวเบา ๆ โง่เขลานัก ช่างโฉดเขลาเบาปัญญาเป็นอย่างยิ่ง

ที่นางบอกให้เขาพูด เป็นเพราะนางรู้ว่าวันนี้เขาต้องได้รับเลือกให้มาเป็นคนปกครองดูแลบ้านเมือง นางจึงให้โอกาสเขาพูดแผนการบริหารบ้านเมืองของตนต่อหน้าเชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนาง การ โต้เถียงกับคนที่ต่อต้านเขาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขา เขากลับดี พูดตรง ๆ ว่านางเป็นคนกำหนด

ความประมาทเลินเล่อเช่นนี้ จะเอาใจคนได้อย่างไร?

ผลเป็นอย่างที่คาดไว้ อ๋องหลี่ทรงยืนขึ้นกล่าวว่า “หวงไท่โฮ่ว กระหม่อมคิดว่าการคัดเลือกผู้ปกครองแคว้นนี้เป็นเรื่องสําคัญมากเกินกว่าจะตัดสินใจได้โดยพลการ กระหม่อมเสนอให้หวงไท่โฮ่วปีทรงเป็นประธานในราชสํานักในวันพรุ่งนี้ เลือกผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วค่อยลงนามและร่วมลงนาทในพันธสัญญานี้พ่ะย่ะค่ะ”

เหลียงไท่ฟู่ยิ้มเยาะ “ท่านอ๋องหลี่ แน่นอนว่าการคัดเลือกผู้ปกครองแคว้นนี้แน่นอนว่ามันจะหุนหันพลันแล่นไม่ได้ แต่องค์ชายเป็นองค์รัชทายาทที่องค์จักรพรรดิทรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง ฝ่าบาททรงชื่นชมองค์รัชทายาทมากเมื่อหลายปีก่อน ทุกท่านคงยังจำได้หรือไม่เมื่อตอนที่องค์รัชทายาทได้รับแต่งตั้ง องค์จักรพรรดิได้ประเมินค่าองค์ชายอย่างไร? จักรพรรดิทรงตรัสในพระราชโองการว่า

องค์รัชทายาททรงมีพระเมตตากรุณา พระปรีสามารถ มีความจงรักภักดีและกตัญญูต่อพระบิดาของพระองค์ ด้วยเหตุนี้องค์รัชทายาทจึงทรงปกครองแคว้นและทรงพระนามอย่างเป็นธรรม พ่ะย่ะค่ะ”

ใต้เท้าชุยลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้นว่า “วันนั้นฝ่าบาททรงแต่งตั้งรัชทายาท ราชโองการก็ชัดเจนถึงเพียงนี้ แต่ตอนที่ฝ่าบาททรงประชวรหนัก พระองค์ทรงแต่งตั้งท่านอ๋ององค์เดิมให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ และดํารงตําแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน เห็นได้ว่าฝ่าบาทยังทรงคิดว่ารัชทายาทยังเยาว์วัย ยังต้องฝึกฝนหาประสบการณ์ การเอาองค์รัชทายาทขึ้นที่สูงเร็วเกินไป กลับไม่สู้ดีนัก”

องค์ชายอันยังกล่าวอีกว่า “หวงไท่โฮ่ว กระหม่อมก็เห็นด้วยกับคำพูดของใต้เท้าชุย องค์ชายยังเยาว์วัยเกินไป การแย่งชิงอำนาจก่อนเวลาอันควร ย่อมเกิดความเย่อหยิ่งได้ง่าย ไม่อาจควบคุมเหล่าขุนนางทั้งหลายได้ หากขุนนางในราชสํานักไม่ยอมศิโรราบ อำนาจในราชสำนักก็จะสั่นคลอน หากเวลานี้ใจยังมีคนละโมบโลภมากอยู่ ต้าโจวของเราคงเดือดร้อนเป็นแน่”

เหลียงไท่ฟู่กล่าวว่า “คําพูดของท่านที่กล่าว ไม่สามารถควบคุมขุนนางอาวุโสได้ดูเหมือนจะมีนัยอื่น อย่าทําให้เหล่าขุนนางที่นั่งอยู่ไม่พอใจ ท่านมาหาข้า พูดตรงไปตรงมาก็พอแล้ว”

องค์ชายอันกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ท่านก็ได้ยินแล้ว ไท่ฟู่ฉลาดปราดเปรื่อง ไม่ผิดหรอก ข้ากำลังพูดถึงท่าน องค์รัชทายาทไม่รู้จักคิด เขายังต้องพึ่งพาไท่ฟู่ในอนาคต หากคนนอกมานั่งที่งานชุมนุมจะมีผลที่ตามมาอย่างไรในราชวงศ์ก่อนมีตัวอย่างมากมายให้เห็น ข้าไม่ใช่ผู้ตื่นตระหนก แต่ในฐานะเชื้อพระวงศ ข้าต้องมั่นใจว่าอำนาจของจักรพรรดิจะไม่ตกเป็นของผู้ใด”

เหลียงไท่ฟู่กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “องค์ชายอัน นี่เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก หากท่านพูดอย่างจริงจังโดยไม่มีเหตุผล ชี้ตรงไปยังความทะเยอทะยานของข้าที่จะแย่งชิงบัลลังก์ ถ้าวันนี้ท่านไม่พูดอย่างชัดเจนต่อหน้าหวงไท่โฮ่วและขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในวันนี้ ข้าจะไม่ขอเลิกรา”

องค์ชายอันดูเย็นชาและเย่อหยิ่ง “ไท่ฟู่ หากท่านไม่เลิกราข้า ข้าจะหารือกับท่าน ไม่ต้องพูดถึงอนาคต พูดได้ว่าตอนนี้ท่านได้รับเลือกให้เป็นราชเลขาดูแลบ้านเมืองในฐานะไท่ฟู่ อีกทั้งยังเป็นราชครูขององค์รัชทายาท เดิมทีสมควรเสนอตัวผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วค่อยมาหารือกัน เพราะผู้สําเร็จราชการจะล่วงลับไปแล้วหรือไม่ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจน”

เหลียงไท่ฟู่กล่าวว่า “ผู้สำเร็จราชการได้รับบาดเจ็บสาหัสและสิ้นพระชนม์แล้ว แม้แต่พระสนมก็ยังยืนยันด้วยตนเอง มันยังจะปลอมอยู่อีกหรือ?”