ตอนที่ 330 ศิษย์ระดับล่างหลิวหลี

แม่ครัวยอดเซียน

หลิวหลีสัมผัสความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย รวมไปถึงความรู้สึกที่แสนยาวนั้นนั้น มีของบางสิ่งปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า ก่อนกน้านี้รู้สึกแสนประหลาด แต่ตอนนี้นั้นเหมือนจะชัดเจนยิ่งขึ้น เพลิงเทพทั้ง 10 นั้น หลังจากประกาศให้โลกได้รับรู้ถึงการดำรงอยู่ ก็ไหลกลับเข้าไปอยู่ในร่างนาง โคจรหมุนวนอย่างประหลาด เมื่อหมุนวนไปมาแล้วก็ก่อให้เกิดไอร่างกายสีขาวขุ่นขึ้น เมื่อนางดูดซึมเข้าไปแล้ว ก็พบว่าตนเองแข็งแกร่งขึ้น ไอร่างกายนี้เหมือนเป็นไอผสม อาศัยพลังในสระบรรลุเทพนี้ นางค่อยๆ บรรลุจากขั้นเทพระดับล่าง ไปเป็นเทพระดับกลาง เทพระดับสูง จนถึงเทพสวรรค์ แล้วค่อยๆคงที่ และสระบรลุเทพก็เริ่มดีดนางออก ทำให้นางโดนโยนออกไป

“สีผมกับดวงตาโดดเด่นเกินไป” หลิวหลีมองตัวเองแล้วจึงนั่งลงและเริ่มพรางกาย

“นึกไม่ถึงเลยว่ากู้เผิงกับซุนไห่จะเสร็จสิ้นภารกิจได้เร็วถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าพวกเราจะต้องรอนานเท่าไรจึงจะมีคนบรรลุขึ้นมาอีก”

“หูชิง เจ้าก็รู้ ศิษย์ระดับล่างมีกฏที่จะต้องเฝ้าสระบรรลุเทพ ได้ยินมาว่าพวกกู้เผิงได้ต้อนรับผู้ท้าขิงตำแหน่งเทพเหมันต์ ได้รับรางวัลไปไม่น้อย ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะโชคดีได้เจอแบบนี้ก็ได้

“สวีโจว เจ้าก็ช่างคิดได้ จะมีเรื่องที่ดีเช่นนั้นอยู่ได้อย่างไร” หูชิงส่ายหัว รู้สึกว่าสวีโจวเพ้อฝันมากเกินไป

“จะไม่มีได้อย่างไร ไม่แน่ว่าพอเราไปที่สระบรรลุเทพ อาจจะมีคนบรรลุขึ้นมาแล้วก็ได้” สวีโจวกระเซ้า แล้วทั้งคนก็หยอกล้อกัน

“เจ้าก็ล้อเล่นเก่งจริงๆ สวีโจว พระเจ้า สวีโจว เจ้ามีความสามารถในการทำนายหรือนี่ ทำไมข้าไม่รู้เลย” ทั้งสองคนกัดกันไปมา จนไม่ได้มองด้านหน้า เมื่อหูชิงฟังคำพูดปลอบใจของสวีโจวจบ ก็เงยหน้าขึ้น แล้วพบว่าข้างๆสระบรรลุเทพมีหญิงสาวผู้หนึ่ง บริเวณรอบๆตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายของคนที่เพิ่งบรรลุขึ้นมา ยังไม่ถึงก็มีคนบรรลุขึ้นมาแล้ส พวกเขาก็กลับสำนักได้แล้ว

“คิดไม่ถึงว่าจะมีคนอยู่จริง พวกเราทำภารกิจสำเร็จแล้ว เพียงแต่เป็นศิษย์ระดับล่างเหมือนกับเราเลย” ในความดีใจของสวีโจวแฝงไปด้วยความผิดหวังน้อยๆ

“แค่ได้กลับไปก็ดีแล้ว” หูชิงตบบ่าสวีโจวแล้วพูดขึ้น

หลิวหลีสังเกตเห็นคนเดินมา แต่นางยังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ โชคดีที่นางพรางสีตาและผมเป็นสีดำแล้ว ส่วนพลังบำเพ็ญเพียรนั้นนางก็พยายามซุกซ่อนเอาไว้ในขั้นเทพระดับล่าง อีกทั้งนางยังพบว่าไอร่างกายสีขาวขุ่นที่เกิดจากการหมุนวนของเพลิงเทพทั้ง 10 ชนิดนั้น ช่วยให้นางสามารถอำพรางร่างกายได้อย่างตามอำเภอใจ ไม่ถูกจับได้

ตอนนี้หลิวหลีก็เป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาที่อยู่ในขั้นเทพระดับล่างที่เพิ่งจะบรรลุขึ้นมาเท่านั้น โชคดีที่ยังมีช่วงเวลาที่เป็นช่องว่าง ไม่เช่นนั้นหลิวหลีก็คงจะไม่สามารถอำพรางได้ทัน

“ศิษย์น้อง ยินดีด้วยที่บรรลุ โปรดตามพวกเรามา พวกเราจะพาศิษย์น้องไปที่สำนักโลกเทพ” สวีโจวกล่าว ดวงตาของศิษย์น้องผู้นี้งดงามยิ่งนัก ทำให้ไม่อาจละสายตาได้เลย

“สำนักโลกเทพ” หลิวหลีงนุงง นางอายุเกินหมื่นปีแล้ว ทำไมกันอยู่ในระดับที่สูงขึ้นแล้วก็ยังต้องเริ่มเล่าเรียนใหม่อีกหรือ โลกเทพช่างไร้สาระจริงๆ

“ใช่ พวกเราเป็นศิษย์ของสำนักโลกเทพ” หูชิงแนะนำสถานะของตนเอง

“แล้วต้องเรียนถึงเมื่อไหร่ถึงจะจบ?” หลิวหลีพะวงเรื่องนี้ หากเป็นไปได้นางไม่อยากจะไป อีกทั้งศิษย์คนนี้ก็อายุอานามขนาดนี้แล้ว เพิ่งจะได้เป็นเทพ ดูแล้วสำนักนี้ก็คงไม่เท่าไหร่นัก

“เรื่องนี้ เมื่ออยู่ในระดับแม่ทัพเทพ หากไม่สามารถสัมผัสเบญจศิลาได้ ก็จะจบการศึกษาได้ การจบการศึกษาจะได้รับการยืนยันสถานะ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถไปที่ไหนบนโลกเทพได้” สวีโจวกล่าว แม่ทัพเทพ ยังอีกยาวไกล

“จำเป็นต้องไปที่สำนักโลกเทพหรือ” พูดเช่นนี้หมายความว่าจำเป็นต้องไปสำนักโลกเทพ ไม่เช่นนั้นก็จะไปไหนไม่ได้ กลายเป็นคนเถื่อนแบบนั้นหรือ?

“จำเป็นต้องไป มนุษย์เทพที่เพิ่งบรรลุขึ้นมาทุกคนจะต้องไปที่สำนักโลกเทพ หากไม่ไป พวกเรามีสิทธิ์ที่จะกำจัดทิ้งในทันที” สวีโจวพูดจบ ก็ตั้งท่าเตรียมพร้อม หากว่านางไม่ไปจริงๆ ก็จะสังหารอีกฝ่ายทิ้ง

“ได้โปรดนำทางด้วย” หลิวหลีไม่รู้จะพูดอะไร คนในขั้นเทพระดับสูง 2 คนทำอะไรนางไม่ได้หรอก อีกเพียงนิดเดียวนางก็จะบรรลุพลังบำเพ็ญเพียรในขั้นที่สามารถสำเร็จการศึกษาได้แล้ว เพียงแต่นางแค่เกิดสงสัยเพราะอย่างไรเสียนางก็ยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ไปดูสักหน่อยน่าจะดีกว่า

“ศิษย์น้อง เชิญทางด้านนี้”

“จริงสิ ศิษย์พี่ โลกเทพมีสระบรรลุเทพกี่แห่งหรือ” หลิวหลีนึกขึ้นได้ ทำไมนางถึงต้องแยกจากสามีอีกแล้ว

“ศิษย์น้อง ทั้งโลกเทพมีสระบรรลุเทพแค่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ศิษย์น้องมีคนรู้จักที่บรรลุขึ้นมาด้วยหรือ” สวีโจวอธิบาย

หลิวหลีรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก ถ้าเช่นนั้นสามีของนางล่ะ บรรลุขึ้นมาก่อนหรือว่าหลัง ทำไมพวกเขาไม่ได้มาพร้อมกัน

“อือ สามีของข้าน่าจะบรรลุขึ้นมาแล้ว” หลิวหลีพยายามสงบใจแล้วกล่าว

“สามี ศิษย์น้องวาสนาดีจริงๆ มีน้อยมากที่สามีภรรยาจะบรรลุขึ้นมาด้วยกัน” หูชิงเต็มไปด้วยความอิจฉา ในโลกเทพมีสามีภรรยาหลายคู่ที่อยู่กันไม่นาน คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะบรรลุในเวลาไล่เลี่ยกัน

“แน่นอน สามีของข้าเก่งมาก” หลิวหลีชื่นชมสามีของนางด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

“ไม่ทราบว่าสามีของศิษย์น้องมีนามว่าอะไร ข้าจะได้ไปถามมาให้” สวีโจวเอ่ยอย่างใจดี

“ขอบคุณศิษย์พี่อย่างมาก สามีข้านามเวิ่นเทียน หนานกงเวิ่นเทียน” หลิวหลีรู้สึกขอบคุณจากใจจริง

“หนานกงเวิ่นเทียน เหมือนจะเคยได้ยินชื่นนี้มาจากที่ไหนมาก่อน” หูชิงรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูมากทีเดียว

“ข้าก็เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน” สวีโจวบอกว่าเขาก็เคยได้ยินมาก่อน หนานกงเวิ่นเทียน สวีโจวตีหัวตัวเองเบาๆ ก็ศิษย์ระดับพิเศษที่ที่กู้เผิงกับซุนไห่พากลับมาด้วยไม่ใช่หรือ เกรงว่าศิษย์น้องคงจะต้องแยกทางกับสามีแล้ว โดยปกติแล้วคนที่มีความสามารถโดดเด่นเช่นนั้น มักจะถูกผู้ถูกเลือกจับจอง ศิษย์น้องเป็นเพียงแค่เทพระดับล่าง อีกไม่นานคงจะต้องถูกทิ้งเป็นแน่

“ศิษย์น้อง สามีของเจ้าเก่งมากจริงๆ” สวีโจวทนพูดจาโหดร้ายไม่ได้ เพราะเขาพบว่าเมื่อสบตาของอีกฝ่าย ก็ทำใจพูดจาโหดร้ายไม่ได้

“แน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อสามีของข้าอยู่ในสำนักโลกเทพ ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็รีบไปกันเถอะ” หลิวหลีกล่าว

ณ สำนักโลกเทพ หมิงเยี่ยได้รับรายงานว่ามีศิษย์คนใหม่มารายงานตัว หมิงเยี่ยรู้สึกแทบไม่อยากจะเชื่อ ทำไมถึงได้รวดเร็วเช่นนี้ หากว่าเขาจำไม่ผิด สองคนนี้เพิ่งจะไปได้ไม่นานไม่ใช่หรือ

“ท่านเจ้าสำนัก ศิษย์สองคนนี้บอกว่าศิษย์น้องผู้นี้เป็นฮูหยินของผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพเหมันต์ที่เพิ่งบรรลุขึ้นมาได้ไม่นาน”

“เอ๊ะ พลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในขั้นไหน” หมิงเยี่ยรู้สึกสนใจเรื่องนี้

“เทพระดับล่าง ไม่ใช่ผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพ”

ประโยคนี้ทำให้หมิงเยี่ยเข้าใจทันที สามีภรรยาแตกต่างกัน

ส่วนฟากหลิวหลี ทันทีที่เข้ามาในสำนักโลกเทพ ก็ปล่อยสัมผัสสายสัมพันธ์สามีภรรยาออกมา บังเอิญเห็นชายหญิงรายล้อมสามีของตัวเองพอดี สามีของนางมีเสน่ห์มากจริงๆด้วย

ไอเย็นเริ่มแผ่ออกจากตัวหนานกงเวิ่นเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ คนพวกนี้มันอะไรกัน มาทำดีและแสดงความรักด้วยคืออะไรกัน เขามีคู่ครองแล้ว ในขณะที่หนานกงเวิ่นเทียนกำลังหงุดหงิดอยู่นั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ฮูหยินของเขา

“ข้ามีธุระ ขอตัวก่อน” หนานกงเวิ่นเทียนพูดจบ ก็ตรงไปยังตึกเจ้าสำนัก

บินไปยังที่ว่าการของท่านเจ้าสำนัก

“เด็กใหม่ เจ้าชื่ออะไร” หมิงเยี่ยถาม

“หลิวหลี หลงหลิวหลี” หลิวหลีตอบพลางมองเจ้าสำนัก ดวงตาของหลิวหลีดูเหมือนจะซุกซ่อนอะไรบางอย่างทำให้ผู้ที่สบตาติดอยู่ในภวังค์ หมิงเยี่ยจ้องอยู่ครู่หยึ่ง เมื่อรู้สึกตัวขึ้นก็พบว่ามีเหงื่อท่วมตัว นางเป็นแค่เทพระดับล่างจริงๆหรือ

“หลงหลิวหลี เจ้าเป็นศิษย์ระดับล่างในสำนักโลกเทพของข้า รอจนเจ้าเข้าบรรลุขึ้นเป็นเทพระดับกลาง ก็จะสามารถเลื่อนขั้นได้” หมิงเยี่ยตัดสินใจ ให้หลิวหลีเป็นศิษย์ระดับล่างไปก่อน

หลิวหลีรู้สึกว่าตั้งแต่นางเริ่มต้นฝึกฝนบำเพ็ญเพียรมา ก็ถือเป็นคนโดดเด่นมาตลอด พอได้ยินคำว่าระดับล่างจึงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก