บทที่ 319 วิชาลับของมหาจักรพรรดิอมตะ
สถานการณ์ตึงเครียดแล้ว ฉีเซ่าเสวียนจ้องหวังเสินซวีตาเขม็ง
ตั้งแต่โบราณมา โอรสสวรรค์ล้วนมีความโอหัง
อย่ามองว่าฉีเซ่าเสวียนเกรงใจเสิ่นเทียน นั่นเพราะเสิ่นเทียนใช้ศักยภาพปราบเขา
ทั้งดินแดนบูรพา นอกจากเสิ่นเทียนแล้ว ฉีเซ่าเสวียนเคยยอมใครหรือไม่ ต่อให้เป็นพวกบุตรพุทธะขู่ตัวกับฟางฉางก็ยังไม่มากพอ!
เจ้าหวังเสินซวีนี่จะพูดจาใหญ่โตอะไรก็ช่าง แต่ไม่อยากเชื่อว่าสหายเสิ่นจะพูดแทนเขา
นี่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนมองหวังเสินซวีด้วยแววตาไม่เป็นมิตรยิ่งกว่าเดิม
เจ้านี่ คู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของแซ่ฉีรึ
น่าขำที่สุด!
จิตต่อสู้เข้มข้นหมุนม้วน ทำให้ทั้งถ้ำภูเขาสั่นสะเทือน
หวังเสินซวีมองฉีเซ่าเสวียนด้วยความใจฝ่อเล็กน้อย ดูแข็งนอกอ่อนใน “เจ้าคิดจะทำอะไร อย่า…อย่าคิดว่าแซ่หวังจะกลัวเจ้า หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าคลื่นการต่อสู้จะล่อมังกรพวกนั้นมา แซ่หวังจะสับเจ้าให้ตาย!”
เสิ่นเทียนยิ้ม “ไม่เป็นไร หลายวันมานี้แซ่เสิ่นสำรวจเกาะเทพมังกรพบแดนลับที่หนึ่ง ที่นั่นเป็นมิติในตัวเอง หากสหายหวังอยากประลองกับสหายฉีอย่างยุติธรรม เราก็ไปที่นั่นกันได้”
หวังเสินซวีงุนงง
บรรยากาศในถ้ำภูเขาเหมือนจะแปลกประหลาดขึ้นเล็กน้อย
ผ่านไปพักใหญ่ หวังเสินซวีก็กระแอมไอเบาๆ “แค่กๆ ก่อนหน้านี้แซ่หวังอาบเลือดสู้กับมังกรยักษ์ระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์อย่างดุเดือดมาหลายสิบตัว เสียพลังปราณเดิมไปจำนวนมาก แซ่หวังต้องปิดด่านบำเพ็ญพักผ่อนหลายวัน เรื่องการประลองรอแซ่หวังออกด่านบำเพ็ญแล้วว่ากันแล้วกัน!”
พูดจบ หวังเสินซวีก็หมุนตัวหนีไป แต่โดนฉีเซ่าเสวียนขวางเอาไว้
ฉีเซ่าเสวียนเผยรอยยิ้มเย้าหยอก “สหายหวังจะไปปิดด่านบำเพ็ญที่ใดรึ แซ่ฉีจะคุ้มกันให้เจ้าเอง”
หวังเสินซวีงุนงงอีกแล้ว
……
เสิ่นเทียนกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้แล้ว จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาละ! ทุกคนเป็นโอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์เหมือนกัน ควรจะดูแลกันและกันในแดนลับทะเลอุดร อย่าทะเลาะกันเองภายในดีกว่า“
เสิ่นเทียนพูดพลางจ้องหน้าผากของหวังเสินซวี “แซ่เสิ่นก็เคยได้ยินเรื่องคำสาปของกายเทพท้องนภาของสหายหวังมาบ้าง ขอไม่ปิดบังแล้วกัน แดนลับนั่นที่แซ่เสิ่นพบอาจจะสร้างเรื่องน่าตกใจที่ไม่เหมือนใครให้กับสหายหวังก็ได้”
สร้างเรื่องน่าตกใจที่ไม่เหมือนใครให้แซ่หวังรึ
หวังเสินซวีมองเสิ่นเทียนด้วยความสงสัย “เรื่องน่าตกใจอะไร”
เสิ่นเทียนยิ้มพลางเก็บข้าวของการดำรงชีพในถ้ำภูเขา “เดี๋ยวสหายหวังก็รู้เอง”
สามคนกับหนึ่งมังกรเก็บหม้อชามและโต๊ะเก้าอี้ต่างๆ ก่อนเสิ่นเทียนจะพาออกจากถ้ำภูเขา
เนื่องจากฉีเซ่าเสวียน หวังเสินซวีและเอ๋าอูอำพรางกลิ่นอายพลังอย่างสมบูรณ์แบบไม่ได้ หากอยู่ข้างนอกนานเกินไปจะล่อมังกรยักษ์มาไล่ล่าได้ง่ายมาก ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงไม่อยากเสียเวลา
หมู่คณะผ่านเส้นทางที่ใกล้และเร็วที่สุดมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะหวังเสินซวีแสดงให้เห็น ไม่นานเสิ่นเทียนก็พาทุกคนมาถึงตำแหน่งเป้าหมาย
เป็นบึงน้ำแห่งหนึ่ง ดำสนิท และยังส่งกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง
ตรงกลางบึงน้ำแห่งนี้ กลิ่นตัวของสี่คนแทบจะถูกกลิ่นเหม็นของบึงน้ำกลบไปทั้งหมด
ที่แบบนี้จะมีแดนลับหรือ
หวังเสินซวีมุมปากกระตุกเล็กน้อย ต้องเป็นคนแบบใดถึงจะวางแดนลับไว้ที่นี่
และต้องเป็นคนน่าเศร้าเพียงใดถึงได้จับพลัดจับผลูมาพบแดนลับในที่บ้าเช่นนี้ แค่คิดก็น่าเหลือเชื่อแล้ว
เสิ่นเทียนไม่รู้ความคิดเล็กๆ น้อยๆ ในใจหวังเสินซวีเลย
หากรู้เดาว่าคงพูดไม่ออก คนดวงซวยน่าเศร้านั่นไม่ใช่เจ้าหรอกรึ!
ในภาพโชคลิขิตเดิมของเจ้านี่ เพราะถูกฝูงมังกรไล่ล่าจึงต้องหนีมาที่บึงเน่าเหม็นแห่งนี้
เดิมทีจะเอาหัวปักไปในบึง อาศัยกลิ่นเน่าเหม็นของบึงอำพรางกลิ่นอายพลังตัวเองเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่นึกเลยว่าหวังเสินซวีจะพบแดนลับในบึงนี้ อีกทั้งยังได้โชควาสนาสะท้านฟ้าบางอย่างจากในแดนลับนี้
สารภาพตามตรง ตอนแรกที่เห็นภาพนี้เสิ่นเทียนยังตกใจจนอึ้งไป เจ้านี่ไม่น่าจะชื่อหวังเสินซวีเลย น่าจะชื่อหวังอู๋จี้[1]มากกว่า!
แต่ในเมื่อแซ่เสิ่นเห็นแล้ว เช่นนั้นแซ่เสิ่นก็เป็นคนค้นพบแดนลับนี้แล้วกัน!
เรื่องน้ำใจคนอะไรนี่ ถ้าได้มาเปล่าๆ ต้องเอาอยู่แล้ว!
……
“แดนลับอยู่ใต้บึงนี้ ทุกคนวางปราการป้องกันแล้วตามข้ามา”
พูดจบแล้ว เสิ่นเทียนก็เปล่งแสงทองรอบตัว รวมขึ้นเป็นปราการป้องกันพลังฤทธิ์เส้นผ่านศูนย์กลางจั้งกว่า ปกคลุมไว้ทั้งตัว
ปราการป้องกันเช่นนี้กันบึงน้ำเน่าเหม็นได้ทั้งหมด ขณะเดียวกันยังเสริมการป้องกันให้เสิ่นเทียนอีกหนึ่งชั้น กันการถูกลอบโจมตีขณะลงไปในบึง
ถึงอย่างไรในบึงเน่าที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณเช่นนี้ จะกำเนิดสิ่งชั่วร้ายอะไรหรือไม่ ไม่มีใครรู้
ฉีเซ่าเสวียนกับหวังเสินซวีมองหน้ากัน ก่อนจะรวมเป็นปราการคุ้มกันของตนแล้วตามเสิ่นเทียนมุดลงบึงน้ำ
ทางด้านเอ๋าอู ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงฝืนใจตามไป
สี่คนมุดเข้าไปกลางบึง พลันรู้สึกว่าพลังฤทธิ์ลดลงเร็วขึ้น เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่แค่บึงธรรมดา
ในบึงแฝงไว้ด้วยพลังพิษร้ายแรงประหลาด กัดกินพลังฤทธิ์ของผู้ฝึกบำเพ็ญได้
หากไม่ใช่เพราะสี่คนมีระดับความบริสุทธิ์ของพลังฤทธิ์สูงมาก ตอนนี้คงยืนหยัดได้ไม่นานก็จะถูกกัดกร่อนไปหมดแล้ว
ถึงตอนนั้น โครงกระดูกในบึงแห่งนี้คงจะมีเพิ่มมาอีกหลายร่าง
โฮก~
ทันใดนั้นเองมีเสียงคำรามดังมาจากกลางบึง
ร่างเงาสีดำมหึมาร่างหนึ่งแหวกดินเลนพุ่งเข้ามาหาทุกคนจากส่วนลึกของบึง
ทันทีที่ปรากฏเงาสีดำนี้ สี่คนรู้สึกได้ชัดเจนว่าบึงรอบตัวหนักและเหนียวขึ้น และยังมีพิษร้ายแรงกว่าเดิม
พลังฤทธิ์เสียไปเร็วขึ้นหลายเท่าทันที
ฉีเซ่าเสวียนขมวดคิ้วช้าๆ “แย่แล้ว บึงนี่เป็นถิ่นของมังกรพิษเงาดำ!”
แม้มังกรยักษ์บนเกาะมังกรจะมีสติปัญญาไม่สูง ไม่เหมือนเอ๋าอูที่แปลงร่างได้ ฝึกวิชาอื่นได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะอ่อนแอ
ในทางตรงข้าม มังกรยักษ์บนเกาะมังกรแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังควบคุมพลังของกฎเกณฑ์พิเศษได้
พลังกฎเกณฑ์ที่มังกรพิษเงาดำนี่ควบคุมคือพิษ พิษร้าย!
ในบึงพิษร้ายแห่งนี้ กำลังรบของมังกรพิษเงาดำนี่จะเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว กล่าวได้ว่าดินเลนมากมายในที่นี้คืออาวุธของมังกรพิษ สร้างการจำกัดและทำให้ศัตรูอ่อนแอลงได้อย่างมาก
………
โฮก!
มังกรพิษคำรามขึ้นอีกครั้ง มันเหมือนกับกิ้งก่าสีดำยาวหลายร้อยจั้ง ทุกส่วนปล่อยหมอกพิษสีเขียวเข้มออกมา ดูน่าอัปลักษณ์มาก
แต่มันก็แข็งแกร่งจริงๆ ควบคุมโคลนบึงพิษร้ายแรงมากมายให้โจมตีจากรอบด้านได้
ทันใดนั้น บึงยักษ์แห่งนี้ก็ไหลเชี่ยวเป็นคลื่นใต้น้ำไม่หยุด เหมือนกับพลิกแม่น้ำคว่ำมหาสมุทร
ต่อให้ฉีเซ่าเสวียนกับหวังเสินซวีจะมีศักยภาพระดับผู้สูงศักดิ์เรียกได้ว่าเป็นราชา ตอนนี้ก็ยังถูกกดดันอยู่ในสภาพจนตรอกยิ่ง
ช่วยไม่ได้ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นมังกรพิษระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ อีกทั้งยังอยู่ในถิ่นมันอีก
พูดให้ไม่น่าฟังหน่อยก็พวกเขามาชนกับริมฝีปากมัน
ตอนที่เห็นมังกรพิษเงาดำนี่ปรากฏ เสิ่นเทียนหน้าดำมืดไปแล้ว
นี่มันอะไรกัน
ตอนที่เจ้าหวังเสินซวีมา เจ้าไม่อยู่บ้านนี่
แซ่เสิ่นพาพวกเขามา เจ้าก็ออกมาเลยรึ
ทำไม ดูถูกข้ารึ
คิดจะเล่นงานข้าละสิ
หรือคิดว่าแซ่เสิ่นล่วงเกินได้ง่ายกว่าเขา
วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าอะไรคือค้อนเฮ่าเทียน[2]!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ไม่ถอยแต่บุกเข้าไป พุ่งเข้าใส่มังกรพิษ
“สหายเสิ่นอย่าบุ่มบ่าม รอคนครบก่อนค่อยไป!”
หวังเสินซวีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนใช้วิชามิติตามไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังและปวดใจ
สู้บ้าอะไร อายุขัยทั้งนั้น อายุขัยทั้งนั้นเลย!
ทว่าตอนนี้เอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้หวังเสินซวีตกใจตะลึงงัน
เพราะเขาเห็นว่ามีแสงเทพสว่างจ้าพุ่งออกจากเหนือศีรษะเสิ่นเทียน สีแดง สีขาว สีเหลือง สีเขียว…
เส้นผมแต่ละเส้นตั้งขึ้นจากศีรษะเสิ่นเทียนดังปิ้ว ดูองอาจห้าวหาญมาก!
ขณะเดียวกันมีค้อนอันหนึ่งโผล่มาในมือเสิ่นเทียน
นั่นคือค้อนสีม่วง ทุกส่วนมีสายฟ้าสว่างพร่างพราวสีทองวนเวียนอยู่
อัสนีเทพกำเนิดฟ้า!
ตอนนี้ กลิ่นอายพลังที่แผ่มาจากตัวเสิ่นเทียนทำให้หวังเสินซวีหายใจตัดขัด นั่นคือการกดดันในด้านพลัง
พลังในตัวเจ้านี่มีระดับที่สูงมาก!
……..
ทันทีที่เปลวไฟสีทองพุ่งขึ้นมาจากรอบตัวเสิ่นเทียนนั้น มังกรพิษเงาดำนั่นเหมือนสังเกตถึงอันตราย
มันร้องคำรามทันที ตรงปากยังรวมไอพิษสีเขียวไร้ที่สิ้นสุดขึ้นเป็นกระสุนหมอกพิษแปลกประหลาด
บึ้ม~!
กระสุนหมอกพิษสูงจั้งกว่าพุ่งออกไปใส่เสิ่นเทียน
ทว่าเสิ่นเทียนไม่มีสีหน้าเกรงกลัวเลย ทองคำเซียนปีกปักษาข้างหลังเขากางออกทันที
แสงทองสว่างขึ้นในฉับพลัน
ร่างเสิ่นเทียนหายวับไป เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ห่างจากมังกรพิษเงาดำไม่ถึงหลายจั้ง
“สามสิบหกค้อนสวรรค์รกร้าง…ค้อนทุบดาว!”
ค้อนสวรรค์สะท้านฟ้านภาม่วงขยับประกายสายฟ้า พลันขยายใหญ่ขึ้นหลายร้อยเท่า
ค้อนเทพม่วงยักษ์ทุบลงพร้อมกับแสงสว่างสีทอง เหมือนกับดาวตกพุ่งลงมา
ปัง~!
ร่างมหึมาของมังกรพิษเงาดำถูกเสิ่นเทียนทุบค้อนกระเด็นไปร้อยจั้ง ใบหน้าเบี้ยวไปแล้ว
โฮก!
มังกรพิษคำรามด้วยความฝืน พยายามฝืนคุมตัวไว้
รอบตัวมันปกคลุมด้วยหมอกพิษมากมาย อยากจะขจัดสายฟ้าเหน็บชานั่น ทว่ามันเพิ่งขจัดสายฟ้าไปได้ส่วนหนึ่ง ควบคุมร่างกาย เสิ่นเทียนก็เข้าประชิดตัวอีกครั้ง
“สามสิบหกค้อนสวรรค์รกร้าง…ค้อนงัดจันทร์!”
ค้อนสะท้านฟ้านภาม่วงยาวเกือบร้อยจั้งถือกลับด้านในมือ ร่างเสิ่นเทียนขยายขึ้นตามสายลม กลายเป็นคนยักษ์สูงหลายสิบจั้ง
เขาอองแรงด้วยสองมือ งัดจากล่างขึ้นบนใส่มังกรพิษเงาดำ
ทันใดนั้น อัสนีกำเนิดฟ้ามหาศาลหลั่งทะลักเข้าไปในกายมังกรพิษเงาดำ พริบตาเดียวก็ไหลเวียนไปทั่วร่างมัน ทำให้มันเป็นอัมพาตไปทั้งตัว
ในเวลาเดียวกัน เขี้ยวพิษขยับแสงมืดหม่นหลายซี่ลอยมาจากปากมัน
ใช่ โดนทุบฟันร่วงหลายซี่
ตึง~
ตัง~
ปึง~
ปัง~
……
ดินเลนในบึงพิษร้ายยักษ์ไหลเชี่ยวกรากไม่หยุด
ฉีเซ่าเสวียนกับหวังเสินซวีมองหน้ากัน มุมปากกระตุกขึ้นโดยไม่รู้ตัว
อำมหิต~
อำมหิตเกินไปแล้ว~
ดีที่สหายเสิ่นเป็นพวกตน
ไม่เช่นนั้น คู่ต่อสู้เช่นนี้น่ากลัวมากจริงๆ!
หวังเสินสวีมองฉีเซ่าเสวียนลึกๆ “เขาเพิ่งอยู่ระดับกายทองรึ”
ฉีเซ่าเสวียนพยักหน้าอย่างจำใจ “ใช่ อีกทั้งวิชาค้อนนี่ไม่น่าจะใช่วิชาที่แกร่งที่สุดของสหายเสิ่นด้วย”
ซี้ด~
หวังเสินซวีสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง
เขาคิดคำนวณเงียบๆ ในใจ ถ้าตนอยากจะทำให้ได้พลังทำลายล้างเช่นนี้ เดาว่าต้องเสียอายุขัยไปห้าสิบปี
ข้าต้องตัดชีวิตถึงจะใช้ยอดวิชาได้ แต่เจ้ากลับเอามาเป็นการโจมตีแบบปกติรึ
บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนนี้ ยังใช่คนอยู่รึ!
อืม ยังดีที่ตอนนั้นดาบแห่งมิติห้าสิบปีนั่นไม่ได้ฟันใส่ศีรษะสหายเสิ่น
อันตรายๆ~
………
ครึ่งชั่วยามต่อมา มังกรพิษเงาดำที่โดนทุบฟันเกลื่อนพื้นหนีไปด้วยความลนลาน
ทั้งตัวมันมีแต่รอยบวมช้ำ ดูน่าอนาถมาก
นี่ขนาดเสิ่นเทียนลงมือเห็นใจแล้ว หากไม่เช่นนั้นออกกระบี่เซียนเหินฟ้าท่าเดียว คงจะสับหัวสุนัขเจ้านี่ได้เลยทันที
ได้แต่บอกว่าการเผชิญหน้ากับเสิ่นเทียนนั้น มังกรพิษเงาดำถูกกดดันอย่างอนาถ พิษร้ายที่ทำให้จุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์สวรรค์หวาดกลัวได้ ไม่มีผลอะไรกับเสิ่นเทียนเลย
ดินบริสุทธิ์วัฏจักรสลายพิษได้ทุกชนิด ทำให้กำลังรบของมังกรพิษเงาดำอ่อนกำลังลงไปมากกว่าครึ่ง ผนวกกับเสิ่นเทียนมีเถากลืนกินเซียนกับบุปผาฟากฝั่ง จึงมองข้ามการจำกัดของบึงไปได้
การสู้กันในบึงพิษแห่งนี้ สำหรับเสิ่นเทียนแล้วไม่ต่างอะไรกับการสู้ข้างนอกเลย ไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด
“ตอนนี้ไม่มีใครรบกวนเราหาโชคลิขิตแล้ว”
เสิ่นเทียนเก็บค้อนสะท้านฟ้านภาม่วง ก่อนจะยิ้มอ่อนโยน “ทุกคนตามข้ามาเถอะ!”
พูดจบแล้ว เสิ่นเทียนก็นำทางไปต่อ
สองคนกับหนึ่งมังกรกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่งแล้วรีบตามไป
ไม่มีมังกรพิษเงาดำขวางทางแล้ว ไม่นานทุกคนก็พบเป้าหมายตรงส่วนลึกของบึงพิษร้าย
นั่นคือรูปปั้นหินเต่าดำยักษ์ขนาดหลายร้อยจั้ง ร่างฝังอยู่ในบึงพิษร้ายแรง โผล่มาเพียงศีรษะ
ศีรษะมันเปล่งแสงสีดำเล็กน้อย อ้าปาก เหมือนเชื่อมไปยังอีกมิติ
เสิ่นเทียนเห็นรูปปั้นเต่าดำนี้แล้วก็ยิ้มพึงพอใจ
ไม่เสียแรงที่ข้าลำบากสู้กับมังกรชั่วนั่นตั้งนาน ในที่สุดก็พบแดนลับเต่าดำแล้ว
“ทุกคนตามข้าเข้าไปกันเถอะ!”
เสิ่นเทียนถือค้อนสะท้านฟ้านภาม่วงในมือพลางพาทุกคนเข้าไปในปากเต่าดำนั่น เดินผ่านช่องทางไปได้หลายสิบจั้ง ก็มีสีสันหลากสีปรากฏขึ้นตรงหน้า
เมื่อภาพกลับมาชัดเจนอีกครั้ง ทุกคนพบว่าตนมาอยู่กลางมิติแห่งหนึ่ง
……
มิตินี้ไร้พรมแดน มองไม่เห็นสุดขอบ
และตรงใจกลางมิติแห่งนี้ยังมีแท่นสูงยักษ์ลอยอยู่แห่งหนึ่ง
ตอนนี้ทุกคนกำลังอยู่บนแท่นสูงลอยฟ้านี้ ตรงกลางแท่นสูงมีศิลาหินดำเมี่ยมทั้งหมดตั้งอยู่
ศิลาหินมีความสูงร้อยจั้ง กว้างหลายสิบจั้ง ด้านบนแกะสลักลายเทพมหามรรคแน่นขนัด และยังมีภาพสัญลักษณ์เต่าดำหลายภาพ
ทันทีที่ทุกคนมองกันไปที่ศิลาหิน ก็รู้สึกว่ามีความหมายลึกลับมากมายถาโถมเข้ามา เหนือธรรมดาอย่างยิ่ง
ตรงกลางของศิลาหินแกะสลักอักษรโบราณไว้สองคำ…อมตะ!
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นมรดกที่สุดยอดมาก
อาจจะไม่ด้อยไปกว่าวิชาคุนเผิงเลย!
ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูยังถือว่าสงบนิ่ง แต่ตอนนี้หวังเสินซวีตัวสั่นแล้ว
เขาจ้องศิลาหินนี้ ดวงตาเร่าร้อนเหมือนกำลังมองหญิงงามเปลือยกาย แม้แต่ลมหายใจยังหนักหน่วงขึ้น
“ใช่ จะต้องใช่แน่!”
หวังเสินซวีพึมพำกับตัวเอง “เต่าดำคือกายแท้จริง ฉางเซิง (อมตะ) คือนามทางธรรม ไม่ผิด นี่จะต้องเป็นมรดกของมหาจักรพรรดิอมตะอย่างแน่นอน นะ…นี่คือคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์!”
ขอบตาดำสองวงนั้นของหวังเสินซวีมองศิลาหินนั้นตาไม่กะพริบ เหมือนกลัวว่าวินาทีต่อไปศิลาหินจะหายไป
เมื่อเห็นท่าทีตื่นเต้นสุดขีดของหวังเสินซวีแล้ว เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย
เสิ่นเทียนเข้าใจความรู้สึกของเจ้านี่ตอนนี้มาก มันเหมือนกับตนที่พบวิธีการปรับแก้ดวงชะตาให้ดีขึ้น
ตอนแรกที่เสิ่นเทียนข้ามมิติมาและรู้ว่าตนเป็นผีดวงซวยขั้นสุดนั้น นั่นอนาถกว่าหวังเสินซวีที่ตัดพลังชีวิตต่อสู้เยอะ
ถึงอย่างไรหวังเสินซวีจะตัดพลังชีวิตสู้อย่างไร อย่างน้อยก็มีชีวิตไปได้หลายสิบปีไม่มีปัญหา
แต่ถ้าเสิ่นเทียนปรับแก้ดวงชะตาไม่ได้ มีอายุครบสิบแปดยังยากเลย
ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงเข้าใจความรู้สึกของหวังเสินซวีมาก
……
ไม่ผิด โชคลิขิตของหวังเสินซวีก็คือวิชาลับเฉพาะที่มหาจักรพรรดิอมตะฝากเอาไว้ คัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์
เล่าลือว่านี่เป็นวิชาสูงสุดที่นำอายุขัยที่เผาทิ้งไปกลับมาได้
ขณะเดียวกัน นี่ยังเป็นวิชาที่หวังเสินซวีเฝ้าใฝ่หา!
………………………………….
[1] หวังอู๋จี้ แปลว่าหวังผู้ไร้ความกลัว
[2] ค้อนเฮ่าเทียน เป็นค้อนสวรรค์จากเรื่องสัประยุทธ์ทะลุฟ้า