ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 192

มหาเสนาบดีเซี่ยก็กล่าวออกมาด้วยว่า “หวงไท่โฮ่ว กระหม่อมคิดว่า สิ่งที่ฮองเฮาตรัสมานั้นเป็นความจริงอย่างยิ่ง ในอดีตท่านอ๋องแห่งฮุ่ยปกครองบ้านเมืองด้วยความเมตตากรุณาและความกตัญญูกตเวที ท่านอ๋องแห่งฮุ่ยกตัญญูต่อไทเฮามาก ในห้องโถงมีการกล่าวกันเสมอว่าไทเฮาตรากตรำทำงานหนักมาทั้งชีวิตเพื่อราชวงศ์โจว และไม่เคยได้มีจิตใจที่สงบ ต ตอนนี้ในเมื่อท่านผู้เฒ่าของนางใช้การแกล้งตายหนีจากโลกภายนอก โดยแสร้งทำเป็นไม่เต็มใจที่จะเข้าไปแทรกแซงราชกิจของบ้านเมือง ถ้าหากอำนาจการบริหารของราชสำนักต้องรบกวนท่านผู้เฒ่าอีก มันคงไม่เหมาะเอาเสียเลย!”

กลุ่มคนที่คุกเข่าอย่างแน่นขนัดนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นคนขององค์รัชทายาท

รายชื่อผู้ที่เข้ามาในวังในวันนี้ ได้ถูกคัดเลือกโดยฮองเฮา คนขององค์รัชทายาทมีมากที่สุด ดังนั้นทุกคนที่คุกเข่าอยู่ตอนนี้จะลงคะแนนให้องค์รัชทายาท

เมื่อเหลียงไท่ฟู่เห็นว่าหวงไท่โฮ่วยังไม่ได้พูดอะไร จึงคุกเข่าแล้วเอามือยันกับพื้น และโน้มศีรษะให้ติดกับพื้น และกล่าวอย่างเศร้าสร้อยว่า “กระหม่อมขอวิงวอนหวงไท่โฮ่วเพื่อเห็นแก่ราชวงศ์ต้าโจว หากท่านไม่ตัดสินใจเลือกตัวแทนเพื่อดูแลบ้านเมืองให้โดยเร็วที่สุด การลงนามในพันธสัญญาไม่สามารถต่ออายุได้ หากในเวลานี้ความพยายามจะสูญเปล่า ผู้น้อยก็คือนักโทษของต้าโจวนะพ่ะย่ะค่ะ!”

ผู้น้อยที่เขากำลังพูดถึง จริง ๆ แล้วก็คือการพาดพิงถึงหวงไท่โฮ่ว

หวงไท่โฮ่วทั้งเศร้าทั้งโกรธ จ้องไปที่เหลียงไท่ฟู่ แต่ไม่สามารถมีปัญหาได้

ความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างสองแคว้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง หวงไท่โฮ่วทรงเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าคำพูดของเขาเทียบเท่ากับการคุกคาม เพราะหากตัวแทนไม่ได้รับการพิจารณาโดยเร็วที่สุด เขาจะปิดกั้นความสัมพันธ์และทำลายความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองแคว้นอย่างแน่นอน

เขากำลังบีบบังคับให้สละราชบัลลังก์!

องค์รัชทายาทประทับนั่งบนเก้าอี้ แล้วค่อย ๆ คุกเข่าลงหลังจากได้ยินคำพูดของเหลียงไท่ฟู่ “เสด็จย่า แม้หลานชายจะไม่ใช่ผู้มีฉลาดปราดเปรื่อง แต่ก็รู้ว่าการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของทั้งสองแคว้นเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ต่อประชาชน หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น หลานก็ไม่มีหน้าไปพบบรรพชน จะต้องสํานึกผิดต่อความตายอย่างแน่นอน พ่ะย่ะค่ะ!”

องค์ชายอันโกรธจัด และกำลังจะพูด แต่เห็นอ๋องฉีดึงแขนเสื้อของเขา และกระซิบว่า “มิได้!”

องค์ชายอันตกใจ และมองย้อนกลับไปที่อ๋องฉีด้วยความสงสัย

อ๋องฉีมองเขาอย่างจนปัญญา มีหลายสิ่งหลายอย่างในสายตาของเขา

องค์ชายอันตกใจเล็กน้อย นั่งลง และได้ยินอ๋องฉีถอนหายใจเบา ๆ “เขามีจดหมายติดต่อกับท่านอ๋องแห่งเป่ยโม่ของข้า”

องค์ชายอันรู้ดีว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร ซึ่งหมายความว่าไท่ฟู่ได้สมรู้ร่วมคิดกับท่านอ๋องแห่งเป่ยโม่ และท่านอ๋องแห่งเป่ยโม่จะติดต่อกับขุนนางของต้าโจวเป็นการส่วนตัว และไท่ฟู่ของราชวงศ์พิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์ยังคงมีความทะเยอทะยาน

มิน่าเล่าอ๋องฉีถึงมาต้าโจวก่อนกำหนด

ภายใต้การกดดันของไท่ฟู่และฮองเฮา มีผู้เป็นกลางมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการลงคะแนน

แต่การจะลงคะแนนเสียงก็ต้องเลือกคนที่ต้องต่อสู้กับองค์รัชทายาท นอกจากองค์รัชทายาทแล้ว ท่านอ๋องคนอื่น ๆ ก็ไม่มีเจตนาจะช่วงชิงอํานาจ องค์ชายของสนมคนอื่น ๆ ไม่กล้าเสนอ แต่กลับมีคนเสนอเหลียงอ๋องขึ้นมา

มู่หรงจ้วงจ้วงที่เพิ่งมาถึง คือผู้ที่เสนอชื่ออ๋องเหลียงขึ้นมา

นางก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวว่า “หม่อมฉันมาสาย ได้โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วย หม่อมฉันเพิ่งได้ยินทุกคนพูดว่าต้องการลงคะแนนเสียง เพื่อเลือกคนที่จะมาเป็นผู้นำของบ้านเมือง ไม่ทราบว่าองค์หญิงอย่างหม่อมฉันมีสิทธิ์ในการเสนอชื่อผู้สมัครหรือไม่เพคะ หากมีสิทธิ์ หม่อมฉันขอเสนออ๋องเหลียงเพคะ เขาเป็นโอรสองค์โตของฝ่าบาท เขามีความฉลาดตั้งแต่ยังเด็ก และฝ่าบาทก็ทรงโปรดปรานเขามากเพคะ”