ตอนที่ 47 ไปคอนเสิร์ตกับเขา (2)

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

เซิ่งอี่เจ๋อจ้องหน้าเขาอย่างงงๆ ก่อนจะยิ้มออกมา “ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ไปดูคอนเสิร์ตคนเดียวไม่ใช่เหรอ” 

 

 

อันอี้เป่ยส่งแววตารู้ทันพลางเลิกคิ้ว “งั้นก็ ขอบใจสำหรับความช่วยเหลือนะ” 

 

 

ก็สรุปเป็นอันเรียบร้อย อันซย่าซย่าเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแผนการไปดูคอนเสิร์ตเลย หญิงสาวยังคงยิ้มร่าใส่หรงเช่อในจอทีวีด้วยสีหน้าหลงใหลใฝ่ฝัน  

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อเดินขึ้นบันไดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ส่งข้อความหาอันซย่าซย่า— 

 

 

[ขอกาแฟสามแก้ว] 

 

 

หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็คอตกทันที 

 

 

เขาคิดว่าเธอเป็นอะไรกันแน่ ผู้ช่วยหรือคนรับใช้ที่เขาเรียกใช้ได้ตามอำเภอใจ 

 

 

เธอเดินไปจะชงกาแฟให้ด้วยความขุ่นเคืองใจ แต่คิดดูดีๆ อีกทีเธอจึงยกนมอุ่นๆ สามแก้วขึ้นไปข้างบนแทนที่จะเป็นกาแฟ 

 

 

หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นคราวก่อน เธอก็ไม่กล้าทะเล่อทะล่าเข้าไปในห้องเขาอีกต่อไป หญิงสาวเคาะประตูก่อน แต่ไม่มีเสียงตอบรับ 

 

 

อันซย่าซย่าเปิดประตูเข้าไปอย่างสงสัยก่อนจะพบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องเลย 

 

 

หือ พวกเขาไปไหนกัน 

 

 

อันซย่าซย่ามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใครสักคนในห้องนั่งเล่นเหมือนกัน แต่แล้วก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ออกมาจากห้องซ้อมดนตรี 

 

 

หญิงสาวดอดไปที่บานประตูก่อนจะแง้มเปิดออกดู ภาพที่เห็นภายในดูประทับใจเธอมาก 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อนั่งอยู่ที่เปียโน เล่นท่อนเดิมอยู่ซ้ำๆ เหอจยาอวี๋สวมหูฟังแบบครอบหูกำลังฮัมเพลง และฉือหยวนเฟิงกำลังซ้อมเต้นท่ายากมากๆ อยู่ที่หน้ากระจก เหงื่อไหลลงมาตามใบหน้า… 

 

 

ชายหนุ่มวัยรุ่นทั้งสามคนดูช่างขยันขันแข็งเกินกว่าที่เธอเคยวาดภาพไว้ 

 

 

อันซย่าซย่าเคยคิดมาตลอดว่ากลุ่มนักร้องไอดอลอย่างวงสตาร์รี่ไนต์นั้นโด่งดังได้ก็เพราะความหน้าตาดีและเป็นวัยรุ่นเท่านั้น แต่ทัศนคตินี้ของเธอทำให้เธอละเลยสิ่งต่างๆ มากมาย 

 

 

อันที่จริงพวกเขาก็ใช้ความพยายามอย่างมหาศาลที่จะกลายเป็นกลุ่มนักร้องชั้นนำ เหอจยาอวี๋สังเกตเห็นเธอเป็นคนแรก เขาถอดหูฟังออกแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้ “มีอะไรเหรอ” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อหยุดเล่นเปียโนแล้วหันกลับมามองอันซย่าซย่า ยังดูท่าทางไม่ค่อยพอใจ อันซย่าซย่ากะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพื่อเสิร์ฟนมอุ่นให้กับทุกคน “ดื่มกาแฟตอนค่ำมันไม่ดีนะ นมทำให้หลับสบาย” 

 

 

เหอจยาอวี๋ขอบใจเธออย่างสุภาพ 

 

 

ฉือหยวนเฟิงก้าวมาหาพลางโอบไหล่เธอ “เฮ้ ซย่าซย่า ทำไมเธอถึงได้ใจดีกับฉันนักล่ะ หลงรักกันหรือเปล่า” 

 

 

เขาถามพลางขยิบตาสวยๆ ให้ หญิงสาวหน้าแดงในทันที “เปล่า! เปล่านะ! ฉันไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับนายเลย!” เธอพยายามบิดตัวเพื่อเป็นอิสระ 

 

 

พอพูดไปอย่างนั้นแล้วเธอก็รู้สึกผิดมากเลย… อย่างไรเสีย ฉือหยวนเฟิงก็เป็นคนโปรดที่สุดของเธอในวงสตาร์รี่ไนต์ ถึงขนาดที่เธอพิมพ์ว่าเขาน้อยกว่าสองคนที่เหลือด้วยซ้ำ 

 

 

ทีนี้พอฉือหยวนเฟิงซึ่งเป็นคนหน้าตาดีขนาดนี้มาถึงเนื้อถึงตัวกับเธอ หัวใจดวงน้อยๆ ของเด็กสาวก็แทบรับไม่ไหว 

 

 

ในที่สุดก็มีมือคู่หนึ่งยื่นเข้ามาช่วยเธอไว้ได้ทันเวลา เซิ่งอี่เจ๋อเดินมาพร้อมกับใบหน้าเฉยเมยและช่วยเธอออกจากวงแขนของฉือหยวนเฟิง จากนั้นเขาก็ยกแก้วนมขึ้นจิบ “เธอได้รับสิทธิ์โควตาเข้าเรียนที่โรงเรียนของเราในฐานะเด็กที่มีความสามารถพิเศษด้านดนตรีใช่ไหม เล่นเปียโนได้หรือเปล่า” 

 

 

อันซย่าซย่าพยักหน้าอย่างระมัดระวัง 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อชี้ไปที่โน้ตเปียโน “เล่นท่อนนั้นให้ฟังหน่อย” 

 

 

อันซย่าซย่ามีสีหน้าขมขื่น อย่างที่คิดไว้เลย เธอไม่สามารถหลุดพ้นจากการถูกชี้นิ้วสั่งให้ทำโน่นทำนี่ได้เลย! 

 

 

หลังจากกระแนะกระแหนเซิ่งอี่เจ๋ออย่างหนักในใจแล้ว อันซย่าซย่าก็ไปนั่งที่เปียโนแล้วเล่นไปตามแผ่นโน๊ต 

 

 

เมื่อเล่นจบ เซิ่งอี่เจ๋อก็หัวเราะเยาะน้อยๆ “ไม่เก่งอย่างที่ฉันจินตนาการไว้” 

 

 

“นี่! นาย!” อันซย่าซย่าทำแก้มป่อง เธอไม่ได้เก่งเปียโนและเมื่อกี้เธอก็เล่นอย่างสุดฝีมือแล้วด้วย! 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อจิบนมอีกอึกก่อนยิ้มมุมปาก “แหวะ!” 

 

 

“งั้นก็อย่าดื่มสิ…” อันซย่าซย่าบ่นพึมพำ 

 

 

“พูดว่ายังไงนะ” เซิ่งอี่เจ๋อหรี่ตาอย่างซุกซน