EP.366 สัตว์ประหลาดลึกลับ

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

EP.366 สัตว์ประหลาดลึกลับ

เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่หลินมู่อวี่เดินออกจากค่าย เขาพบทหารจำนวนมากในจัตุรัสลำเลียงน้ำมาล้างพื้นที่เต็มไปด้วยเลือด และเคลื่อนย้ายศพไปฝัง อีกทั้งพวกเขาตัดหัวของทหารจักรวรรดิอี้เหอทีละคน ก่อนจะร้อยเชือกและแขวนที่นอกกำแพง มันแกว่งไปมาตามสายลมหนาวดูน่าหวาดหวั่น

จากนั้นหลินมู่อวี่พาฉินเหยียนและเฉินฮั่นไปสำรวจยุ้งฉาง มีเกวียนเสบียงจอดรวมกันสามพันเล่ม ดูเหมือนว่าหมินยวี่หลินตั้งใจหลอกล่อกองทัพจักรวรรดิอี้เหอมาที่ประตู

ทหารผ่านศึกฉือยิงถือถ้วยซุป ขณะที่อีกมือหนึ่งถือขนมปัง เขาอ้าปากกัดคำใหญ่พร้อมเดินเข้ามา “แม่ทัพหลวง ไม่ทานอาหารเช้าหรือ?”

“ทานสิ แม่ทัพอาวุโสช่างเจริญอาหารยิ่งนัก” หลินมู่อวี่ยิ้ม

ฉือยิงหัวเราะ “ขอรับ ข้าจำเป็นต้องเพิ่มพลังเพื่อใช้ในการต่อสู้ วันใดที่ไม่มีแรงแม้แต่ง้างสายธนู เกรงว่าท่านเซินเว่ยโหวจะไม่ใช้งานข้าอีก”

หลินมู่อวี่กล่าว “แม่ทัพอาวุโส เซินเว่ยโหววางแผนจะอยู่ที่นี่อย่างไม่มีกำหนดหรือ?”

“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น”

“ไม่มีผู้ใดโน้มน้าวเขาใช่หรือไม่?”

“มีสิ่งใดหรือ?” ฉือยิงเอ่ยถาม

หลินมู่อวี่สูดหายใจเข้าลึกก่อนพูดว่า “เกวียนบรรทุกธัญพืชที่ส่งมาจากมณฑลชางหนานและมณฑลเทียนชู่ต้องเดินทางไกล อีกทั้งการต้องผ่านมณฑลหลิงตงนั้นลำบากมาก เนื่องจากที่นี่ค่อนข้างแห้งแล้ง ยิ่งพักอยู่ที่นี่นานเพียงใด ยิ่งเข้าใกล้ความล้มเหลวมากขึ้นเพียงนั้น”

“ชู่…”

ฉือยิงกล่าวด้วยท่าทางประหม่า “แม่ทัพหลวงไม่ควรพูดเรื่องนี้ ท่านจะเดือดร้อนหากมีใครได้ยินเข้า แท้จริงแล้ว…การเคลื่อนทัพครานี้ไม่ได้ดำเนินการด้วยความชอบธรรมนัก หากหม่านฟางนำกองทัพกบฏของจักรวรรดิอี้เหอมายังประตู ท่านเซินเว่ยโหวต้องการฉวยความดีความชอบนั้น เพื่อให้ตนมีที่ยืนในจักรวรรดิ”

หลินมู่อวี่ถอนหายใจ “ไม่มีทางเลือกอื่น ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ในการเปิดเส้นทางขนส่งเสบียง คงทำให้อยู่ได้อีกระยะหนึ่ง”

“ขอรับ”

ช่วงเย็นวันถัดมา ทหารส่งสารขี่ม้าเข้าเมืองตงฉวงมุ่งหน้าไปยังค่ายกองกำลังศักดิ์สิทธิ์ เขากล่าวรายงานอย่างเร่งรีบ “ผู้นำวิหาร เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ”

“มีสิ่งใด?” หลินมู่อวี่วางถ้วยน้ำชาลงอย่างรวดเร็วจนชาร้อนกระฉอก

ทหารส่งสารมีสีหน้าซีดเผือด “ขบวนขนส่งเสบียงจากมณฑลชางหนานถูกสกัดห่างจากมณฑลหลิงตงราวยี่สิบไมล์ ธัญพืชและหญ้าทั้งหมดถูกเผา และไม่เหลือผู้รอดชีวิต”

“อา…” หลินมู่อวี่ประหลาดใจ “ใครเป็นผู้ลงมือ?”

“ไม่ทราบขอรับ”

ฉินเหยียนกระซิบ “พี่ใหญ่ เราออกไปดูกันเถิด”

“อืม ออกเดินทางทันทีพร้อมทหารหนึ่งร้อยนาย”

“ขอรับ”

ทหารหนึ่งร้อยนายควบม้าออกจากเมืองท่ามกลางสายลมหนาวในพริบตา

ในช่วงกลางดึก ทุกคนจุดคบเพลิงเพื่อให้แสงสว่างแก่ถนนที่อยู่ใกล้เคียง ห่างออกไปยี่สิบไมล์หลินมู่อวี่กำลังแผ่ทักษะชีพจรวิญญาณ ทว่าสิ่งที่สัมผัสได้มีเพียงความเงียบสงัดของความตายเท่านั้น พร้อมทั้งได้กลิ่นเหม็นของเลือดและเนื้อไหม้ ท่ามกลางพื้นที่กันดาร…มีเกวียนเสบียงหลายร้อยเล่มถูกไฟไหม้ พร้อมทหารคุ้มกันนอนเกลื่อนกลาดบนพื้น

หลินมู่อวี่ลงจากม้าและตรวจสอบบาดแผลของผู้ตาย บางรายถูกเฉือนคอ บางรายถูกตัดแขน บางรายถูกกินไปครึ่งตัวพร้อมเลือดสีแดงไหลลงโคลนทั่วบริเวณ

“ดูเหมือนว่าจะถูกโจมตีโดยสัตว์ป่า” ฉินเหยียนกล่าว

หลินมู่อวี่ส่ายหัว “ไม่ หากเป็นสัตว์ป่า เกวียนเหล่านี้จะไม่ถูกเผา นี่เป็นฝีมือของคน…และเป็นคนที่โหดเหี้ยมดั่งสัตว์ร้ายจึงสามารถทำสิ่งนี้ได้”

เฉินฮั่นกล่าว “ท่านผู้นำ นี่เป็นฝีมือของจักรวรรดิอี้เหอหรือไม่?”

“คงไม่ใช่ คนจากจักรวรรดิอี้เหอเพียงต้องการเข่นฆ่า แต่ไม่กินคนอย่างแน่นอน”

“หรือจะเป็นสัตว์ร้ายที่พวกมันเลี้ยง?”

“คงไม่ใช่ การทำให้สัตว์ร้ายเชื่องไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น อีกทั้ง…” หลินมู่อวี่กวาดตามองรอบบริเวณในความมืด ทันใดนั้นทักษะชีพจรวิญญาณตรวจจับพลังงานผันผวนได้ หัวใจเขาเต้นรัวขณะที่กล่าว “มีบางอย่างกำลังมา”

“มันคือสิ่งใด?” ฉินเหยียนรีบถือหอกขวางหน้าหลินมู่อวี่

“ไม่…มันหายไปแล้ว…” ทักษะชีพจรวิญญาณสัมผัสได้ถึงพลังงานที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว

หลินมู่อวี่รีบชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมา “ข้าจะไล่ตามมันไป พวกเจ้ารออยู่ที่นี่!”

“พี่ใหญ่ ข้าจะไปด้วย” ฉินเหยียนกระซิบ

“ไม่ได้ อย่าออกจากภูเขาจนกว่าข้าจะกลับมา อาเหยียนและท่านเฉินฮั่นจงอยู่ที่นี่เพื่อคุ้มกันทุกคน”

“ขอรับ”

เสียงม้าศึกพ่นลมหายใจดังท่ามกลางความมืด ขณะเดียวกันหลินมู่ควบม้าออกมาเกือบสามไมล์และเข้าใกล้รัศมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าบริเวณโดยรอบมืดสนิทจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ หลินมู่อวี่จำเป็นต้องพึ่งพาทักษะชีพจรวิญญาณเท่านั้น

เมื่อเดินเข้าใกล้ทุ่งหญ้า ปฏิกิริยาของทักษะชีพจรวิญญาณรุนแรงขึ้นขณะที่สัมผัสถึงปราณอันทรงพลัง หลินมู่อวี่ค่อยๆ ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาพร้อมเปลวไฟลุกโชนทั่วใบดาบ ทันใดนั้นม้าศึกตื่นตระหนกร้องเสียงดังและยกขาหน้าขึ้น ทำให้หลินมู่อวี่ต้องรีบลงจากม้าเหยียบลงบนพื้นที่เปียกชื้น

“พรึ่บ…”

เสียงกระพือปีกดังขึ้น ก่อนที่ร่างสีดำจะพุ่งตัวออกจากกอหญ้าอย่างรวดเร็ว

ภายใต้แสงสว่างจากเปลวไฟบนดาบ หลินมู่อวี่เงยหน้าขึ้นมอง พบร่างมนุษย์ดูน่าเกลียดปกคลุมไปด้วยเกราะหนาและตัวสูงใหญ่เกือบสามเมตร ทว่าใบหน้ากลับไม่ใช่มนุษย์ มันปาขวานศึกใส่หลินมู่อวี่ทันทีที่เห็น

“วิ้ง!”

กำแพงน้ำเต้าปรากฏขึ้นรับการโจมตีของศัตรูทันที

“เปรี้ยง!”

เกิดการระเบิดพลังรุนแรงจนทำให้ผู้โจมตีกระเด็นถอยออกไป ขณะที่ร่างกายหลินมู่อวี่ท่วมไปด้วยเลือด นี่มันพลังอะไรกัน…ช่างแข็งแกร่งและแปลกประหลาดยิ่งนัก!

‘สัตว์ประหลาด’ ถือขวานต่อสู้ในมือทั้งสองพร้อมส่งเสียงทุ้มต่ำ “โฮก…” เปลวไฟจากดาบทำให้หลินมู่อวี่มองเห็นชัดเจนว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้มีสี่ขา และขาเหล่านั้นหุ้มเกราะหนา ขณะที่เกราะด้านหลังเปิดออกสำหรับสามปีกเหมือนตัวด้วง

“นั่นมันตัวบ้าอะไร?” หลินมู่อวี่กัดฟันแน่น ขณะที่จมูกของเขาได้กลิ่นเหม็นอบอวล ซึ่งมาจากลมหายใจของ ‘สัตว์ประหลาด’ ราวกับว่ามันไม่ชอบอาบน้ำ หรืออาจไม่เคยอาบมาก่อนในชีวิตนี้!

สัตว์ร้ายมองหลินมู่อวี่ด้วยดวงตาที่ดำสนิท ทันใดนั้น! มันเหวี่ยงขวานออกไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง

ครานี้หลินมู่อวี่ไม่เรียกกำแพงน้ำเต้า ทว่าเพียงก้มศีรษะอย่างรวดเร็วเพื่อหลบการโจมตี ขณะเดียวกันวิญญาณยุทธ์โซ่เทวะทะยานขึ้นสู่อากาศพร้อมปกคลุมรอบกระบี่ ทันใดนั้น! หลินมู่อวี่เหวี่ยงแขนฟาดออกไปอย่างรวดเร็ว ‘เคร้ง!’ เกราะขาของสัตว์ประหลาดแข็งมาก ทว่ากระบี่วิญญาณมังกรที่ได้รับพลังจากโซ่เทวะคมยิ่งกว่า จึงทำให้ขาที่เต็มไปด้วยหนามแหลมถูกตัดออกในพริบตา!

“โฮก!” สัตว์ประหลาดส่งเสียงขู่น่ากลัวและโจมตีกลับด้วยขวานศึก

หลินมู่อวี่เริ่มชินกับพลังแปลกประหลาดนี้ จึงถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว และเห็นว่ามันกำลังบินหนีไป

ต้องไล่ล่า…

ขณะที่กำลังเรียกใช้ฝีเท้าดาวตก ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจจับรัศมีพลังรุนแรงได้จากระยะไกลฉับพลัน มันมาจากฝูงสัตว์ประหลาดจำนวนมหาศาล!

หลินมู่อวี่หยุดเคลื่อนไหวทันทีและเลิกล้มความตั้งใจ แม้จะต้องการจัดการให้สิ้นซาก ทว่าคงไม่สามารถทำสิ่งใดได้อีก ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจจับรัศมีพลังที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พวกมันคงมีจำนวนไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยตัว หลินมู่อวี่ตัดสินใจหันกลับไปตัดเถาวัลย์เพื่อมัดขาสัตว์ประหลาด ก่อนจะควบม้าตรงไปยังทิศทางเดิมที่จากมา

เขารู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นคบเพลิงสว่างไสวจากระยะไกล โชคดีที่สัตว์ประหลาดเหล่านั้นไม่ได้โจมตีพวกฉินเหยียน

“พี่ใหญ่ เจอตัวมันหรือไม่?” ฉินเหยียนรีบก้าวไปด้านหน้าและเอ่ยถาม

“อืม”

หลินมู่อวี่จับขาสัตว์ร้ายขึ้นมาและกล่าวว่า “มันเป็นสัตว์ประหลาดที่โจมตีขบวนเกวียน ข้าทำได้เพียงตัดขาข้างหนึ่ง ก่อนที่มันจะบินหนีไป”

“สัตว์ประหลาด…” ฉินเหยียนตกตะลึง

“ยังไม่ต้องพูดสิ่งใด รีบกลับไปยังเมืองตงฉวงและเข้าพบเซินเว่ยโหวกับข้า”

“ขอรับ”

ณ ศาลากลางเมืองตงฉวง

ขาหุ้มเกราะหนาถูกวางบนโต๊ะขณะที่กลุ่มนายพลยืนล้อมรอบ หวังซียกมุมปากขึ้นและกล่าวว่า “ท่านหลินมู่อวี่จะบอกว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ดักฆ่าคนของเราพร้อมเผาเสบียง จึงต้องการให้ท่านเซินเว่ยโหวถอนทัพและล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ในเมืองตงฉวงอย่างนั้นหรือ?”

“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” หลินมู่อวี่มองไปยังหมินยวี่หลินและกล่าวว่า “ท่านเซินเว่ยโหว ข้าได้ปะทะกับสัตว์ประหลาดและพบว่ามันทรงพลังมาก ซึ่งเกินกว่าทหารแห่งจักรวรรดิธรรมดาจะสามารถต่อกรได้ ดังนั้นอาจทำให้กองกำลังส่งเสบียงทั้งสองพันนายถูกสังหารโดยที่ศัตรูไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย”

หมินยวี่หลินกล่าว “ผู้ดูแลหลิน สัตว์ประหลาดแข็งแกร่งกว่าท่านมากเพียงใด?”

“ข้าสามารถสังหารมันได้”

“ในเมื่อผู้ดูแลหลินสามารถฆ่ามันได้ เหตุใดจึงต้องหวาดกลัว?”

“พวกมันมีจำนวนมาก” หลินมู่อวี่กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “บางทีอาจมีถึงพันตัว และดูเหมือนพวกมันจะเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว”

“ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดอีก” หมินยวี่หลินยกมือขึ้น “ข้าจะออกคำสั่งกฎอัยการศึก ทว่านี่สำหรับจักรวรรดิฉินและจักรวรรดิอี้เหอเท่านั้น ข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด จากนั้นส่งสาส์นขนนกไปยังมณฑลชางหนานและมณฑลเทียนชู่ให้เตรียมเสบียงอาหารต่อไป”

“ขอรับ” หมินจ้านพยักหน้าและพูดว่า “ท่านพ่อ เราต้องส่งทหารออกไปป้องกันเส้นทางขนส่งเพิ่มเติมหรือไม่?”

“ส่งทหารม้ากองทัพเทียนฉงออกไปดูแลความปลอดภัยของเส้นทาง” จากนั้นหมินยวี่หลินมองหลินมู่อวี่และกล่าว “ผู้ดูแลหลิน ท่านสามารถอยู่ในเมืองได้ หากสัตว์ประหลาดหลายพันตัวด้านนอกนั่นทำให้ท่านกลัว”

“ฮ่าๆ…”

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ขณะที่ดวงตาเก็บซ่อนความผิดหวังไว้ไม่ได้ เขาหันไปมองหลินยวี่หลินและกล่าวว่า “ในเมื่อท่านเซินเว่ยโหวตั้งใจเดินตามทางของตนเอง ข้าคงไม่กล่าวสิ่งใด และจะไม่กลับเข้ามายังค่ายกองทหารแห่งจักรวรรดินี้อีก ท่านเซินเว่ยโหวโปรดดูแลตนเอง”

ฉือยิงรีบพูด “ท่านผู้ดูแลเป็นอะไร…”

หมินยวี่หลินเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ปล่อยเขาไป กองทัพนี้ไม่ต้องการคนขี้ขลาด…”

หลินมู่อวี่หันกลับและก้าวออกจากกระโจม ขณะที่ความโกรธในใจเดือดพล่าน

เขาเพียงหวังว่าจักรวรรดิจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ และหวังพิชิตทั้งแผ่นดินเพื่อฉินอิน ทว่าความหวังทั้งหมดกลับกลายเป็นเรื่องยากยิ่ง…

…………………………………