ตอนที่ 80 โง่แล้ว (1)

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ

หากไม่มีคำสั่งจากเบื้องบนให้ละเว้นชีวิต โดยทั่วไปก็มีแต่เข้าไม่มีออก ความโหดเ**้ยมทารุณแค่ไหน พิสดารเพียงใดล้วนมีหมด!

 

 

ชิวเยี่ยไป๋สะดุ้ง นางนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าซือถูหนิงถึงกับช่วยออกหน้าแทนบริวารหยิบหย่งพวกนี้!

 

 

ประกายตาโจวอวี่ฉายแววเย็นเยียบวูบหนึ่ง กัดฟันกล่าวว่า “ข้าขอไปแทนซือถูหนิง ร่างนี้ก็แค่เนื้อชิ้นหนึ่ง ให้พวกเขาไปเสียก็จบ!”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นน้ำตาและริ้วเส้นเลือดในดวงตาเขา ก็หัวเราะเสียงเย็น กล่าวว่า “เจ้าจะแสร้งทำเป็นใจกว้างไปไย หากมิใช่เพราะเจ้าพาพรรคพวกทำอะไรบุ่มบ่ามตามอำเภอใจโดยไม่มีความยำเกรง จะเกิดเรื่องเช่นนี้หรือ”

 

 

เห็นดวงตาของโจวอวี่ฉายแววปวดร้าวและสำนึกเสียใจวูบหนึ่ง ชิวเยี่ยไป๋จึงกล่าวต่ออย่างเย็นชา “วันนี้เจ้าแค่ถูกโบยไปยกหนึ่ง แต่ซือถูหนิงกลับต้องเข้าห้องลงทัณฑ์แทนเจ้า คงเพราะเห็นแก่ใต้เท้าตู้กองปู่เฟิงที่เป็นญาติเจ้ากระมัง เฮอะ เจ้ากลับยังสุขสบายดี อืม ยามปกติเอาแต่หดหัว ก็เลยลืมไปว่าตนก็เป็นพวกเจ้าใหญ่นายโตสินะ!”

 

 

โจวอวี่ถลึงตาอย่างโกรธแค้น สั่นเทิ้มทั้งร่าง แต่พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ผุดลุกขึ้น ดวงตาแดงก่ำ เดินโซเซออกจากห้องไปโดยไม่พูดแม้แต่คำเดียว

 

 

เสี่ยวเหยียนจื่อรีบพุ่งไปรั้งเขาไว้ “ใต้เท้าโจว ไม่ได้นะ ทำเช่นนี้ไม่ได้ ท่านยังบาดเจ็บอยู่!”

 

 

โจวอวี่ดิ้นรนสุดชีวิต เห็นอยู่ว่าทั้งตัวเขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่ยังพยายามจะวิ่งออกไป

 

 

ชิวเยี่ยไป๋มองดูอย่างเย็นชา ไม่เอ่ยอะไร เป๋าเป่ายืนอยู่ข้างหลังนางด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก จนกระทั่งชิวเยี่ยไป๋เห็นเลือดซึมออกมาจากกางเกงของเขาจางๆ จึงเอ่ยว่า “เอาเถอะ ซือถูอี้จ่างรับโทษแทนพวกเจ้า เพื่อไม่ให้ใครต้องถูกลงทัณฑ์อีก เวลานี้เขาเป็นตายร้ายดียังไม่รู้ เจ้ายังจะมาสร้างเรื่องวุ่นวายอะไร อีกอย่าง หากพี่ใหญ่สกุลตู้คนนั้นของเจ้าเห็นแก่หน้าเจ้า ก็คงไม่จับซือถูหนิงไปขังไว้ เรื่องนี้จำเป็นต้องมีคำอธิบาย!”

 

 

วาจาของชิวเยี่ยไป๋ไม่อาจเรียกได้ว่าเจ็บแสบ แต่เหมือนน้ำเย็นราดลงบนศีรษะของโจวอวี่ทั้งอ่าง ทำเอาเขาตัวแข็ง หยุดดิ้นรนจากการยื้อยุดของเสี่ยวเหยียนจื่อ จากนั้นร่างก็อ่อนยวบไปพิงประตูทันที สองไหล่สะท้านน้อยๆ

 

 

การร่ำไห้ที่ไร้สุ้มเสียงด้วยความคับแค้น ทำให้เงาหลังของเขาดูแล้วช่างน่าหดหู่ไร้กำลัง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋มุ่นคิ้ว สั่งเสี่ยวเหยียนจื่อว่า “พยุงโจวอี้จ่างกลับไป อย่าให้เขาก่อเรื่อง ไม่เช่นนั้นจะเดือดร้อนซือถูอี้จ่าง”

 

 

โจวอวี่ตัวแข็ง แต่ในที่สุดก็ยอมให้เสี่ยวเหยียนจื่อพยุงจากไป

 

 

ในห้องโถงเหลือเพียงชิวเยี่ยไป๋กับเป๋าเป่า

 

 

นางคลึงหว่างคิ้วอย่างอ่อนล้า “ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน ข้าฟังแล้วรู้สึกคล้ายมีอุบายซ่อนอยู่ หืม?”

 

 

เป๋าเป่าเห็นไม่มีคนนอกแล้วจึงไปปิดประตู ไม่รู้ว่าหยิบอะไรขึ้นมาลูบใบหน้าสองสามครั้ง ก็เผยใบหน้างดงามอ่อนเยาว์ของตน จากนั้นก็นั่งแหมะลงบนเก้าอี้ข้างชิวเยี่ยไป๋ แล้วแนบแก้มกับแขนของชิวเยี่ยไป๋อย่างสบายอารมณ์ “นี่เป็นการหาเรื่อง แต่คนชวนวิวาทเป็นพวกกองปู่เฟิง มิใช่กองคั่นเฟิง”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เกาคางเขา พลางเอ่ยอย่างครุ่นคิด “เป็นคนของกองปู่เฟิง? พวกเขามีเจตนาอะไร”

 

 

โจวอวี่เป็นน้องเขยของตู้เชียนจ่ง เหตุใดจู่ๆ จึงเกิดเรื่องเช่นนี้

 

 

เป๋าเป่าถูกเกาคางจนเคลิบเคลิ้มเหมือนแมวน้อย หลับตาพริ้มกล่าวว่า “สถานการณ์ในตอนนั้น ข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ชัด เพราะไม่ได้ไปด้วย แต่เรื่องราวต่อมาออกจะประหลาดอยู่บ้าง คนของกองปู่เฟิงราวีไม่เลิก วิธีการก็โหดเ**้ยมผิดปกติ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง กองปู่เฟิงกับพวกเขาปกติไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน ในสายตาของคนในซือหลี่เจี้ยนแล้ว กองคั่นเฟิงเป็นกองงานที่เละเทะจนไม่อาจเละเทะไปกว่านี้ได้อีก แต่จู่ๆ พวกนั้นกลับเปลี่ยนท่าทีไปเป็นเช่นนี้

 

 

ดูท่าแปดเก้าในสิบส่วนคงมุ่งมาที่นางซึ่งเป็นเชียนจ่งคนใหม่

 

 

แต่หากเพ่งเล็งมาที่นาง…

 

 

ชิวเยี่ยไป๋คลึงต้นคอของเป๋าเป่าเบาๆ แล้วกล่าวอย่างครุ่นคิดว่า “คราก่อนข้ามารับตำแหน่งได้เดือนหนึ่งแล้วลากลับบ้านไปครึ่งเดือน ในกองคั่นเฟิงนี่ก็ทำได้เพียงสร้างความน่าเกรงขามเท่านั้น แต่ข้าก็ไม่ได้กระทำเรื่องราวอันใด เหตุใดถึงถูกคนหันมาจับจ้องได้?”

 

 

มิใช่นางไม่อยากทำให้พวกเขาครั่นคร้าม หากแต่เพราะแม้ดูแล้วนางคล้ายเป็นคนง่ายๆ ไม่ยึดติดกับกฎระเบียบ แต่ในความเป็นจริงตั้งแต่ชาติที่แล้วจนถึงชาตินี้ นางล้วนเป็นคนทำอะไรก็สุขุมรอบคอบ ขณะที่ศัตรูอยู่ในที่มืดแต่เราอยู่ในที่แจ้ง นางจึงเลือกลงมือกับคนที่มีอำนาจสามคนในกองคั่นเฟิงด้วยความรวดเร็วปานอสนีบาตก่อน แต่กับพวกทหารอื่นๆ ในกองนางแค่คอยสังเกตการณ์ การสยบให้ยำเกรงจึงเป็นเรื่องรอง ไว้นางค่อยตัดสินใจทีหลัง

 

 

หากจะบอกว่าเป็นเพราะนางได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง จึงกลายเป็นหนามตำใจไปโดยพลัน เช่นนี้ก็ออกจะแข็งขืนอยู่บ้างจริงๆ

 

 

“เรื่องนั้นมิจำเป็น หากคุณชายสี่เช่นท่านดันมาได้ตำแหน่งที่มีคนหมายปองมานาน นี่ก็พูดยากแล้ว” เป๋าเป่าเปลี่ยนท่าทาง โอบแขนของชิวเยี่ยไป๋เป็นหมอนหนุนเสียเลย ซุกหัวแนบต้นแขนนาง เผยต้นคอให้นางลูบคลำราวกับลูกแมวตัวโต

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ลูบหัวของเป๋าเป่าพลางส่ายศีรษะกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าสงสัยใคร คนในกองคั่นเฟิงที่ทำเรื่องเช่นนี้น่าจะเป็นเจี่ยงเฟยโจวซึ่งบัดนี้ก็ตายไปแล้ว อีกคนคือโจวอวี่ เมื่อครู่ข้าทดสอบดูแล้วรู้สึกว่าเขาไม่น่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง”

 

 

ในตอนที่พบกับโจวอวี่เมื่อครู่นี้ ที่ไม่ให้เขามีโอกาสแก้ตัว กลับเอ่ยวาจาเสียดสีด่าว่าทันที เป็นเพราะนางต้องการให้เขาเตรียมตัวรับมือไม่ทัน

 

 

ปฏิกิริยาแรกสุดของคนเรามักส่อพิรุธได้ง่าย ถ้าโจวอวี่เยือกเย็นและแก้ตัวอย่างมีเหตุมีผล ก็ยิ่งน่าสงสัย

 

 

แต่โจวอวี่กลับใช้วิธีที่อาจถูกคนเข้าใจผิดได้ง่ายที่สุด แทบจะไม่ได้พูดอะไรเลย กลับจะใช้วิธีโง่งมหมายจะช่วยซือถู เช่นนี้กลับชะล้างความน่าสงสัยไปทั้งหมด

 

 

พลังนิ้วของชิวเยี่ยไป๋กำลังดี เป๋าเป่าสบายตัวจนแทบครางออกมา กล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “ถ้ากองคั่นเฟิงเป็นที่ที่มีผลประโยชน์มากมาย ก็คงไม่ว่างเว้นตำแหน่งหัวหน้ากองนานถึงครึ่งปีกว่า ดังนั้นคนนอกที่หมายปองตำแหน่งนี้คงมีไม่มาก”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ผงกศีรษะ “ไม่ผิด”

 

 

“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อ?” เป๋าเป่าถาม

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ครุ่นคิด “อะไรที่เรายังตัดสินใจไม่ได้ก็ทิ้งไว้ชั่วคราว พวกเรารอดูปฏิกิริยาอีกฝ่ายไปก่อน เรื่องหาวิธีเอาตัวซือถูออกจากคุกสำคัญกว่า”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เป็นพวกชอบปฏิบัติการ คิดดูแล้วเรื่องนี้คนที่ช่วยได้น่าจะเป็นนายกองไม่กี่คนในซือหลี่เจียน

 

 

นางเรียกโจวอวี่มา สอบถามสถานการณ์วันนั้นจนกระจ่าง แม้โจวอวี่จะเป็นคนมุทะลุ แต่ยังไม่ถึงกับไม่รู้ความ เขารู้ว่าการก่อเหตุวิวาทเป็นเรื่องใหญ่โต จึงบอกตามความจริงโดยไม่มีการใส่สีตีไข่ใดๆ

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ฟังแล้วก็รู้สึกหมดคำจะพูด คนในกองคั่นเฟิงพวกนี้เหมือนอันธพาลโง่งมกลุ่มหนึ่ง ยิงนกตกปลาจับไก่เตะหมาดื่มสุราเคล้านารี ทำตัวเหิมเกริมไม่มีระดับเอาเสียเลย!

 

 

คนโง่งมกลุ่มนี้ขึ้นเรือสำราญไปแล้วพึงใจในเยาวมาลย์ของผู้อื่น เพียงพูดจาผิดหู พลันเกิดศึกชิงรักสวาททะเลาะตบตีกันขึ้นมาเลย แถมยังไปต่อยตีกันบนเรือของผู้อื่นเสียด้วย!

 

 

พฤติกรรมเช่นนี้สมควรแล้วที่โดนทุบตี!

 

 

โจวอวี่เห็นชิวเยี่ยไป๋สีหน้าเยียบเย็นลงทุกที ตนเองยิ่งพูดก็ยิ่งใจไม่ดี และเมื่อถูกชิวเยี่ยไป๋เอ่ยวาจากระตุ้นประโยคสองประโยคเป็นครั้งคราว สุดท้ายก็หมดศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย คลานลงจากเตียงอย่างกำสรด ต้องการจะลากสังขารและก้นซึ่งถูกตีจนเละเทะไปเปลี่ยนตัวกับซือถูหนิงให้ได้ แต่ก็ถูกเสี่ยวเหยียนจื่อขวางทางเอาไว้