บทที่ 330 แก้แค้น
บทที่ 330 แก้แค้น

หลังจากได้ยินราคาสูงเสียดฟ้านี้ ทุกคนก็พยายามคาดเดา

มีชนชั้นสูงเพียงไม่กี่คนในเมืองฮ่วยอันที่สามารถควักเงินสองร้อยล้านออกมาได้อย่างง่ายดาย

แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่ค่อยเข้าร่วมงานเลี้ยงต่าง ๆ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงไม่รู้จักเขาเลย

ในเวลานี้ เฉียนเซาตกตะลึง!

ถ้าอีกฝ่ายหยุดลงตอนที่ขานราคาหนึ่งร้อยล้าน เขาก็คงคิดแค่ว่ามันเป็นแค่การขู่ขวัญ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับขานราคาขึ้นมาเป็นสองร้อยล้าน ดังนั้นมันก็เท่ากับว่าอีกฝ่ายต้องการจะซื้อของชิ้นนี้จริง ๆ

นี่อีกฝ่ายรวยขนาดนี้จริง ๆ งั้นเหรอ?

จากนั้น ภาพความเป็นจริงอันโหดร้ายก็ปรากฏขึ้นแก่สายตาของเขา เมื่อเฉียนเซาเห็นคนของโรงแรมได้นำหีบห่อที่บรรจุพระพุทธรูปหยกมาให้อีกฝ่าย และอีกฝ่ายก็ยื่นบัตรเครดิตสีทองสะดุดตารูดจ่ายออกไป!

และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที พนักงานของโรงแรมก็คืนบัตรเครดิตสีทองคืนด้วยท่าทางเคารพ

แน่นอน…จ่ายไปแล้ว!

“นี่มัน…”

หลังจากตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น เฉียนเซาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ดวงตาของเขาเบิกกว้างและมองไปที่หน้าของบรรดาคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาอย่างเหลือเชื่อ

พวกลูกหลานรุ่นที่สองของตระกูลร่ำรวยต่างก็พูดไม่ออกอ้าปากค้างอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาไม่นึกเลยว่า คนที่พวกเขาคิดดูถูกมาตลอดจะกลายเป็นมหาเศรษฐีตัวจริง!

หลังจากได้รับของที่ต้องการมา อวี้ฮ่าวหรานก็ลุกขึ้นทันทีเตรียมที่จะจากไป แต่ก่อนที่จะเดินออกไปนั้น ชายหนุ่มเหลือบมองเฉียนเซาอย่างดูถูกและเอ่ยขึ้น

“ฉันจำได้ว่าแกอยากจะเรียกฉันว่า ‘พ่อ’ ใช่ไหม? อย่าฝันไปหน่อยเลย! ฉันไม่ต้องการจะมีลูกโง่ ๆ อย่างแกหรอก!”

เมื่อสมบัติอยู่ในมือแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี และต้องการเยาะเย้ยอีกฝ่ายเล็กน้อย

อุ๊บ…!

ซูหว่านเอ๋อเมื่อได้ยินประโยคนี้ เธอเกือบจะหลุดขำออกมา

เมื่อเฉียนเซาได้ยินประโยคนี้ เขาแทบอยากจะกระอักเลือดออกมาเพราะความโกรธ!

เจ็บใจ! เจ็บใจจริง ๆ!!

ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งดูถูกอีกฝ่ายว่าเป็นคนจน แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้มันย้อนคำพูดของเขาเข้ามาหาตัวเองเต็ม ๆ!

นี่ไม่ต่างอะไรกับการถูกตบหน้าในที่สาธารณะ!

ตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นนี้!

“แก! แกรอฉันก่อนเถอะ!!”

หงุดหงิด โกรธ เถียงไม่ได้ เมื่อไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงต่อและบวกกับความอับอายสุดขีด เฉียนเซาจึงลุกและเดินหนีไปอย่างรวดเร็วทันที

ลูกหลานตระกูลร่ำรวยเจ็ดแปดคนที่คอยสนับสนุนเฉียนเซาอยู่ตลอด เมื่อเห็นภาพนี้พวกเขาก็รีบลุกตามไปในทันที

อวี้ฮ่าวหรานไม่มีเวลาที่จะติดตามและให้ความสนใจ ในขณะนี้การประมูลสิ้นสุดลงและการโอนต้องออกไป

“ฮ…ฮ่าวหราน คือว่า…”

“หืม?”

ขณะที่เขากำลังจะจากไป จู่ ๆ ซูหว่านเอ๋อก็คว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้

“ฉ…ฉัน…ฉันอยากชวนคุณไปทานอาหาร…”

เธอทำใจอยู่นาน และในที่สุดเธอก็สามารถรวบรวมความกล้าเพื่อพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาได้

ดวงตาที่เหมือนไข่มุกสีดำคู่นั้นมองที่อวี้ฮ่าวหรานอย่างคาดหวัง

“กินข้าว?”

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำพูดนี้ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อคิดว่าตัวเองก็ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเช่นกัน ดังนั้นจึงพยักหน้า

“อืมไปกันเถอะ เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าวคุณเอง”

“ไม่ ครั้งนี้…ครั้งนี้ฉันอยากจ่าย!”

ซูหว่านเอ๋อดูเหมือนจะคิดเรื่องนี้เอาไว้ได้พักใหญ่แล้ว ดังนั้นแม้ว่าเธอจะประหม่าจนหน้าแดงก่ำ แต่น้ำเสียงที่เธอพูดขึ้นกลับดูแน่วแน่เป็นอย่างมาก

“อืม…ก็ได้ งั้นพวกเราไปกันเถอะ”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ และตอบตกลงหลังจากที่ตัวเองครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

แต่ในขณะเดียวกันนี้ หลินป๋อที่เพิ่งคุยกับประธานเจ่าเสร็จก็เดินมาหา

“ฮ่า ๆ หนุ่มสาวกำลังจะไปเดทกันงั้นเหรอ? ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปช่วยพาชายชราคนนี้ไปด้วยจะได้ไหม?”

เห็นได้ชัดว่าเขาได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสอง และตั้งใจเดินเข้ามาพูดแหย่เล่นด้วยสีหน้าเบิกบาน

ซูหว่านเอ๋อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังสนุกกับการหยอกล้อตัวเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากของเธอและมองหน้าอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย

“อะแฮ่ม ๆ แหม ลุงแค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง ดูสิทำหน้าทำตางอนลุงซะแล้ว ฮ่า ๆ ลุงไปก็ได้”

หลินป๋อรู้สึกขบขันเล็กน้อยกับดวงตาที่เหมือนไข่มุกสีดำที่จ้องมาที่เขาอย่างขุ่นเคือง เขาโบกมืออย่างสบาย ๆ ก่อนที่จะจากไป

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นความเป็นกันเองระหว่างหลินป๋อและซูหว่านเอ๋อ

“ไปเถอะ ไปด้วยรถของผมกัน คุณแค่บอกทางไปร้านที่คุณอยากจะกินมาก็พอ”

จากนั้นคนทั้งคู่ก็พากันเดินไปที่ลานจอดรถ

อีกด้านหนึ่ง ทันทีที่เฉียนเซาออกจากโรงแรมไป เขาก็โทรเรียกบอดี้การ์ดของตัวเองทันที และพวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยอีกหลายคนก็เรียกบอดี้การ์ดของพวกเขาเอง

จากนั้นไม่นานบอดี้การ์ดมากกว่ายี่สิบคนก็มารวมตัวกัน ซึ่งทำให้กลุ่มของพวกเขาดูค่อนข้างน่ากลัว

“คุณเฉียนเซา คุณคิดว่าคนเราจะจัดการกับไอ้เวรนั่นได้จริง ๆ เหรอ? ผมคิดว่าไอ้เวรนั่นไม่น่าจะใช่คนธรรมดาเช่นกัน มันไม่มีทางที่คนแบบนั้นที่สามารถจ่ายเงินได้ 200 ล้านอย่างสบาย ๆ จะมีอิทธิพลน้อยกว่าเรา!”

ในเวลานี้ หนึ่งในลูกหลานตระกูลร่ำรวยที่อยู่กลุ่มเดียวกับเฉียนเซาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

แม้ว่าครอบครัวของเขาจะรวย แต่เงินสองร้อยล้านนั้นเกือบจะเทียบเท่ากับทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวของเขา ดังนั้นจึงคิดว่าเขาไม่ควรที่จะไปยั่วยุอีกฝ่ายที่มีเงินมากกว่าครอบครัวมากขนาดนี้ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉียนเซาได้ยินคำพูดนี้ จากที่ตัวเองโมโหอยู่แล้ว เขาก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม

“โว้ย! นี่แกคิดว่าฉันจะเอาบอดี้การ์ดของพวกเราไปสู้งั้นเหรอ? ฉันไม่ประมาทขนาดนั้นหรอก คราวนี้ฉันจะเล่นให้แรงจนไอ้เวรนั่นมันจะต้องเสียใจที่ได้เกิดมาเลย!”

“ไม่ประมาท? เฉียนเซา นี่คุณกำลังจะทำอะไร…”

“ฉันรู้จักสมาชิกแก๊งวาฬยักษ์อยู่สองสามคน พวกมันใช้ประโยชน์จากฉันมาหลายรอบแล้ว ตอนนี้มันได้เวลาที่พวกมันจะต้องทำประโยชน์ให้กับฉันบ้าง!”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แววตาของเฉียนเซาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา

ในสังคมลูกคนรวยอย่างพวกเขา เมื่อไหร่ที่มีการเรียกใช้คนของแก๊งใต้ดิน มันหมายถึงว่าพวกเขาต้องการให้ศัตรูตายหรือไม่ก็พิการเป็นอย่างน้อย!

ดังนั้นเมื่อได้ยินแผนการนี้ของเฉียนเซา พวกลูกหลานคนรวยเหล่านี้จึงก้าวถอยห่างออกไปเล็กน้อย และบางคนก็กลัวจนไม่อยากที่จะเข้าร่วมการล้างแค้นนี้อีกต่อไป

ต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วคนที่โดนอวี้ฮ่าวหรานดูถูกมีแค่คนเดียวคือเฉียนเซา ส่วนพวกเขานั้นไม่ได้มีความแค้นอะไรต่ออวี้ฮ่าวหรานเลย

ถ้าเป็นไปได้พวกเขาก็ไม่อยากที่จะเอาตัวถลำลึกลงไปให้เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางโดยที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรแบบนี้

“ด…เดี๋ยว…ก่อน อย่าให้มันถึงขนาดนั้นเลยจะดีกว่าไหม?”

หนึ่งในลูกหลานคนรวยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหม่าสุดขีด

“ถ้ากลัวแกก็ไสหัวไปซะ และจากนี้ไปอย่าโผล่หน้ามาในกลุ่มของฉันอีก!”

เฉียนเซาจ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่มที่กำลังแสดงสีหน้าประหม่าสุดขีด เขาไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นว่าเฉียนเซาจริงจังมากกับเรื่องนี้ คนที่เหลือไม่กี่คนก็ตกลงกับแผนการของเฉียนเซา

ตัดกลับมาทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน

หลังจากที่เขาขับรถพาซูหว่านเอ๋อออกไปจากโรงแรม สถานการณ์ทุกอย่างก็ปกติดีจนกระทั่งเขาขับรถไปถึงย่านรกร้าง ซึ่งเขาได้พบว่ามีรถหลายคันกำลังขับตามเขามาอย่างประสงค์ร้าย!

ภายในรถสปอร์ตสีเหลืองสดใส

“ฮ่าวหราน…ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่ทางไปร้านอาหารที่ฉันบอกนี่นา”

ซูหว่านเอ๋อรู้สึกสงสัยเมื่อเห็นว่าสองข้างทางที่พวกเขากำลังขับผ่านอยู่มันไม่คุ้นตาเธอเลยแม้แต่น้อย แถมอวี้ฮ่าวหรานก็ขับไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ

“ไม่ต้องกลัวหรอกผมไม่ใช่คนเลว ผมไม่ลักพาตัวคุณไปไหนหรอกสบายใจได้!”

เขาหยอกล้ออย่างสบายใจ

“แต่…”

ซูหว่านเอ๋อไม่เข้าใจเลยว่าอวี้ฮ่าวหรานกำลังจะขับรถพาเธอไปไหน แต่ด้วยความเชื่อใจ เธอจึงไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรและแค่เพียงสงสัยว่าท้ายที่สุดเขาจะไปจอดที่ไหน

แต่แล้วจู่ ๆ อวี้ฮ่าวหรานก็เบี่ยงรถไปข้างทางและจอดรถอย่างกระทันหัน!

“มีคนกำลังตามเรามา ผมแค่ไม่อยากให้คนทั่วไปเห็นสิ่งที่ผมกำลังจะทำ ดังนั้นผมเลยขับมาในย่านร้างผู้คนนี้ เอาล่ะ คุณรออยู่ในรถก่อน ผมขอเวลาครู่หนึ่งจัดการแก้ไขปัญหาเล็ก ๆ นี่ก่อน!”

ทันทีที่คำอธิบายจบลง อวี้ฮ่าวหรานก็ลงจากรถและเดินไปหยุดอยู่ที่หลังรถ!

“เอ๊ะ?”

ซูหว่านเอ๋อรู้สึกสับสนทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แต่ครู่ต่อมา มีรถสปอร์ตหลายคันพุ่งมาหยุดอย่างรุนแรงที่ด้านหลังห่างไปไม่ไกลนัก และตามมาด้วยรถ SUV อีกสี่ห้าคันก็ทยอยตามมาหยุดลง!

ทันทีที่รถเหล่านี้หยุดลง บอดี้การ์ดร่างกำยำมากกว่าโหลก็ลงมาจากรถ SUV!

ถัดมา พวกลูกหลานคนรวยก็ลงจากรถสปอร์ต และเดินเข้ามาอยู่ภายใต้การนำของเฉียนเซา!