บทที่ 300 หนี่อู๋ผู้ทรยศ

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 300 หนี่อู๋ผู้ทรยศ
บทที่ 300 หนี่อู๋ผู้ทรยศ

หลังจากเดินผ่านบึงพิษที่คุ้นเคย เขาก็เดินทางมาถึงหน้าทางเข้าดันเจี้ยนเริ่มต้นอีกครั้ง ที่นี่มีคนเยอะกว่าในหมู่บ้านเริ่มต้นระดับหนึ่งเลย แถมผู้เล่นบางคนยังเลเวลมากกว่า 20 เสียด้วย คนเหล่านี้มาหาเงินแบบง่าย ๆ อย่างการพาเหล่ามือใหม่ผ่านดันเจี้ยนในพริบตา ซึ่งค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้พวกเขาก็ค่อนข้างสูงมาก แต่ทั้งนี้ก็ยังมีเหล่ามือใหม่บางคนที่ยอมจ่ายเงินส่วนนี้เพื่อให้เขาผ่านดันเจี้ยนนี้ได้โดยเร็ว เพื่อที่จะออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกส่วนหนึ่งก็คือผู้เล่นใหม่ที่มีเพื่อนเล่นเกมนี้มาก่อนแล้ว

เซียวเฟิงที่สวมชุดแฟชั่นอยู่นั้นไม่เป็นที่ต้องตาแต่อย่างใด แม้ว่าตัวเสี่ยวเสวี่ยจะค่อนข้างเป็นเป้าสายตาเล็กน้อยแต่เมื่อปกปิดเขาและปีกไว้แล้ว ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย แต่ถึงเขาจะต้องตกเป็นเป้าสายตาจากคนจำนวนมาก เซียวเฟิงก็จะต้องเข้าไปในดันเจี้ยนเริ่มต้นนี้ให้ได้

สำหรับชายหนุ่มแล้ว ดันเจี้ยนเลเวล 10 นี้ถือว่าง่ายมาก เขาสามารถเคลียร์มันได้ในสามนาที แต่มันน่าเสียดายที่สังฆราชเกิดใหม่นั้นไม่ได้ดร็อปเป้าหมายของเขาอย่างกุญแจผนึกฝั่งขวาลงมาแต่อย่างใด

“มันจะดร็อปจากที่นี่จริง ๆ เหรอ?”

ระหว่างที่กำลังย่อยสลายอุปกรณ์ระดับต่ำสองชิ้นด้วยทักษะการหลอมไปเรื่อย เซียวเฟิงก็ยังสงสัย แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เพราะงั้นหลังจากหลอมอุปกรณ์ในมือเสร็จ เขาก็ส่ายหน้าแล้วตัดสินใจเคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้อีกครั้ง

แต่มันก็ยังไม่ดร็อปเหมือนเดิม

ครั้งนี้เซียวเฟิงถึงกับลูบคางและคิ้วขมวด เขายืนอ่านทบทวนรายละเอียดของกุญแจผนึก (ซ้าย) อีกครั้ง แล้วถึงได้สังเกตเห็นข้อความหนึ่งที่ระบุไว้ว่า ‘ไอเทมพิเศษมีโอกาสดร็อปได้จากการสังหารพาลาดินเกิดใหม่เท่านั้น’

เขาได้สิ่งนี้มาจากเมื่อตอนมาจัดการกับพาลาดินเกิดใหม่เป็นครั้งแรก เป็นไปได้ว่าผู้เล่นคนอื่นก็จะดร็อปอย่างอื่น

งั้นแบบนี้แสดงว่ากุญแจผนึก (ขวา) ก็อาจจะถูกคนอื่นดร็อปไปแล้ว ชายหนุ่มถึงไม่สามารถดร็อปมันได้อีก

พอคิดได้เช่นนี้ และคิดต่อว่าถ้าหากมันเป็นแบบนี้จริง ๆ กุญแจผนึก (ขวา) เองก็น่าจะอยู่ในก้นกระเป๋าของใครสักคน เพราะขนาดเซียวเฟิงเองยังไม่รู้เลยว่าจะนำมันมาใช้กับอะไร ยิ่งในตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าควรจะเอาไอเทมชิ้นนั้นไปใช้กับอะไรได้เท่ากับเซียวเฟิงอีกแล้ว หรือต่อให้คนคนนั้นจะรู้จริง ๆ การมีมันแค่ชิ้นเดียวก็ไม่ช่วยให้ใช้งานได้อยู่ดี

เซียวเฟิงคิดว่ากุญแจผนึก (ขวา) น่าจะอยู่กับพวกผู้เล่นเทพ ๆ ที่เปลี่ยนคลาสแรกได้ก่อนคนอื่นนั่นแน่ ๆ เพราะมันเป็นไอเทมที่มีเพียงชิ้นเดียว ดังนั้นใครที่เข้าไปจัดการสังฆราชเกิดใหม่ก่อนก็มีโอกาสดร็อปมันลงมาได้ก่อน และเมื่อมันดร็อปไปแล้ว มันก็จะไม่ดร็อปอีก

และเมื่อคิดตามแล้วว่ามีใครที่คิดว่ามีโอกาสจะเก็บมันไปได้บ้างก็มีเพียง ซีเหมินชุยเสวีย ซือเยี่ยจิ๋ง และนักธนูอายุ 17 ที่อยากจะนอนกับนักบวช เท่านั้น

ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็ส่งข้อความไปหาเฉียนโตวโตวให้ประกาศหาของที่เขาต้องการผ่านร้านค้ามหาสมบัติ เผื่อไว้ว่ากุญแจจะไม่ได้อยู่กับทั้งสามคนนี้ด้วย

แกรก!

ขณะที่เซียวเฟิงส่ายหน้าและเตรียมจะออกจากดันเจี้ยนแห่งนี้แล้วนั้นเอง เสียงของบางสิ่งบางอย่างก็ดังเข้ามาในโสตประสาทของเขา ราวกับมีบางสิ่งถูกเปิดออก

เสียงนี้ทำให้เซียวเฟิงหยุดชะงักไป เพราะชายหนุ่มมั่นใจว่าภายในดันเจี้ยนแห่งนี้ไม่มีผู้เล่นคนอื่นนอกจากเขาอยู่แน่ ๆ นั่นเพราะผู้เล่นที่มาเป็นปาร์ตี้ ไม่สามารถเข้ามายังจุดที่เซียวเฟิงอยู่ได้ในดันเจี้ยน รวมไปถึงมอนสเตอร์ภายในดันเจี้ยนนี้ก็โดนเขากำจัดไปหมดแล้ว ที่นี่ในตอนนี้น่ะ…ไม่ต่างอะไรกับดันเจี้ยนร้าง

ตามปกติแล้ว หลังจากที่ผ่านดันเจี้ยนได้ ภายในสถานที่นี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยหากเราไม่ได้อยู่ภายในนี้ถึงเจ็ดชั่วโมง ที่แห่งนี้ไม่ควรจะมีอะไรปรากฏออกมาอีกในเวลานี้

แน่นอนว่าไม่มีผู้เล่นคนไหนที่จะเอาเวลาเจ็ดชั่วโมงมาทิ้งไว้ในดันเจี้ยนที่ไม่มีอะไรให้ทำแน่ ๆ พวกเขาต่างก็เทเลพอร์ตออกไปด้านนอกแล้วทำภารกิจหรือไม่ก็ทำอย่างอื่นยังคุ้มค่ากว่า

เซียวเฟิงอยู่ภายในดันเจี้ยนนี้ต่ออีกหลายสิบนาทีแม้จะผ่านดันเจี้ยนแล้ว จะว่าอยู่เพื่อหาเบาะแสกุญแจต่อก็ได้ แต่ตอนนี้เขากำลังสงสัยกับเสียงแปลก ๆ ที่ได้ยินมากกว่า

“…เสียงอะไรน่ะ?”

เขาบ่นพึมพำจากนั้นก็เริ่มหันมองไปรอบ ๆ สถานที่ที่ตนยืนอยู่เพื่อหาที่มาของเสียงอย่างรอบคอบ

ดันเจี้ยนเริ่มต้นนี้เป็นถ้ำที่ลึกลงมาใต้ดิน ภายในมีทางเส้นเดียวที่ตรงดิ่งจากทางเข้าสู่ปลายทางเลย จากนั้นจะให้ผู้เล่นเลือกว่าจะแยกไปสายหรือขวาที่ปลายทางเท่านั้น ซึ่งปลายทางของแต่ละทางที่เลือกก็จะเป็นโพรงถ้ำที่มีสภาพเหมือนห้องเช่นกัน ห้องหนึ่งเป็นของพาลาดินเกิดใหม่ ส่วนอีกห้องเป็นของสังฆราชเกิดใหม่

ตอนนี้เซียวเฟิงอยู่ในห้องของสังฆราชเกิดใหม่ ส่วนเสียงที่ว่านั่นเหมือนจะมาจากอีกห้องหนึ่ง เพราะงั้นเซียวเฟิงจึงรีบเดินกลับไปยังโพรงถ้ำที่พาลาดินเกิดใหม่อยู่แทน

“ฉันว่าฉันได้ยินไม่ผิดนะ”

ทว่าเมื่อมาดูภายในโพรงถ้ำของพาลาดินเกิดใหม่แล้ว เซียวเฟิงก็ยังไม่พบสิ่งอื่นนอกจากร่างของพาลาดินเกิดใหม่ที่นอนตายอยู่บนพื้นถ้ำอยู่ดี

แกรก!

เสียงแบบเดียวกันดังขึ้นอีกครั้งแล้ว แม้จะเบากว่าครั้งก่อนแต่มันก็สามารถจับตำแหน่งได้ไม่ยากเพราะมันชัดเจนมากเลยทีเดียว

มันไม่ได้มาจากในโพรงถ้ำทั้งสองโพรง หากแต่มันดังมาจากตรงทางแยกระหว่างสองถ้ำนี้ต่างหาก! และเพราะมันมาจากจุดนั้น มันเลยทำให้เซียวเฟิงจับตำแหน่งผิดเข้าใจว่าดังมาจากห้องของพาลาดินเกิดใหม่ไปได้

เขารีบเดินออกจากโถงนั้นแล้วไปหยุดอยู่ที่หน้าทางแยก หลังจากที่สังเกตดีแล้วเขาก็พบบางสิ่งบางอย่าง

ตรงจุดที่เป็นทางแยกที่ถือเป็นปลายทางของทางเดินตรงเข้ามานั้น ตามปกติแล้วผู้เล่นจะเลือกเพียงแค่ซ้ายไม่ก็ขวาเพื่อไปต่อ โดยไม่มีใครสนใจแผ่นหินตรงหน้าเลย

เมื่อทำการสำเร็จจุดนี้ใหม่ให้ดี เซียวเฟิงก็ได้พบว่ากำแพงหินตรงหน้าเขานั้นมันมีรอยประกอบอยู่!

สิ่ง ๆ นี้กำลังปิดบังอะไรไว้ที่ด้านหลังอย่างแน่นอน!!

ตู้ม!

เซียวเฟิงหวดคทานักปราชญ์ใส่กำแพงหินตรงหน้าเต็มแรงทันที ด้วยเสียงอื้ออึงเพราะแรงกระแทกอันมหาศาล กำแพงหินนั้นก็เกิดรอยร้าวขึ้นมาเป็นชั้น ๆ

อวยพรชีวิต!

อวยพรการป้องกัน!

อวยพรอาวุธ!

อวยพรความกล้า!

ค้อนแห่งการพิพากษา!

ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าไปลึก ๆ จากนั้นก็ร่ายบัฟทั้งสี่ให้ตนเองพร้อมกับเรียกค้อนยักษ์สีทองอร่ามมาถือไว้ในมือ ด้วยสิ่งเหล่านี้ มันทำให้การโจมตีครั้งต่อไปของเซียวเฟิงรุนแรงขึ้นเป็นอย่างมาก!

ค่าสถานะของเซียวเฟิงในตอนนี้ ลำพังแค่พลังโจมตีทั่วไปของเขามันก็สูงถึง 300 หน่วยแล้ว! หลังจากที่เขาบัฟตนเองด้วยสกิลอวยพรอาวุธเลเวล 4 มันก็ทำให้พลังโจมตีกายภาพของชายหนุ่มทะลุหลักพันขึ้นไปได้ถึง 1,050 หน่วย ถือว่าเยอะที่สุดในบรรดาผู้เล่นทุกเซิร์ฟเวอร์!

ภายใต้ความสามารถของชุดเซ็ตมังกร ค้อนแห่งการพิพากษาเลเวล 3 พลังโจมตีของเซียวเฟิงมันจึงเพิ่มขึ้นอีก 300%!

หากจะพูดให้ง่ายคือ ตอนนี้พลังโจมตีของเซียวเฟิง มีมากถึง 3,150 หน่วยแล้ว! มันถือเป็นค่าความเสียหายที่สูงมาก ๆ แม้อีกฝ่ายจะเป็นบอสระดับเทพเจ้าเองก็น่าจะต้องมีเสียเลือดกันบ้าง!

ตู้ม!

ค้อนยักษ์สีทองทุบเข้าที่กำแพงหินอย่างรุนแรง จนกระทั่งรอยร้าวนั้นกลายเป็นรอยแตก ยืนยันด้วยเสียงชั้นหินแตกและร่วงเกรียวกราวมาจากด้านใน แผ่นหินที่แตกไปด้วยการโจมตีเมื่อครู่นั้นก่อให้เกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นมาบนกำแพงหินเสียแล้ว!

มันมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่งซ่อนอยู่จริง ๆ ด้วย! ที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงถ้ำของพาลาดินเกิดใหม่และสังฆราชเกิดใหม่อย่างที่เข้าใจมาโดยตลอด!

ถ้ำที่สามนี้ลึกลงไปใต้ดินมากกว่าสองถ้ำก่อน ทางเดินของมันทอดยาวลงไปไกลมาก ๆ เซียวเฟิงจึงตัดสินใจขยายทางเข้าให้มากขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน

เมื่อเข้าไปด้านในแล้ว เซียวเฟิงคาดเดาได้เลยว่าทางเดินถ้ำนี้มันยาวกว่าระยะทางของดันเจี้ยนเริ่มต้นตามปกติเสียอีก เพราะกว่าจะถึงปลายทางที่เป็นห้องมืด ๆ และอับเฉามันก็ใช้เวลาไปตั้งสามนาทีแล้ว

“คิก ๆ ใครกันที่กล้าเข้ามายังที่ของข้า? กล้าเข้ามาในที่ของปรมาจารย์หนี่อู๋เชียวงั้นหรือ?”

ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงพูดที่ดังชัดเจนก็ดังขึ้นมาพร้อมกับแสงสว่างที่สว่างขึ้นในที่แห่งนั้นด้วย

เซียวเฟิงไม่รอช้าที่จะมองไปรอบ ๆ ตัวทันที เขาพบว่าที่แห่งนี้เป็นถ้ำหินที่เต็มไปด้วยขวด เหยือก และอุปกรณ์สำหรับร่ายเวทมนตร์คาภามากมาย ถ้าหากโดนลักพาตัวมาที่นี่ล่ะก็ ที่นี่คงเป็นห้องทำงานของเจ้าแห่งดวาร์ฟ ปรมาจารย์ตี้ ไปแล้ว

ท่ามกลางเหล่าอุปกรณ์ร่ายมนตร์มากมาย มีร่างของมนุษย์ขนาดเล็กที่มีจมูกสีแดงกำลังจ้องมองมายังเซียวเฟิงอยู่ ชื่อที่ปรากฏอยู่บนหัวคนคนนั้นคือ ผู้ทรยศ…หนี่อู๋!

ตอนนั้นเอง เซียวเฟิงก็จำได้ถึงคำอธิบายของภารกิจเมื่อครั้งที่เขารับภารกิจเข้ามาเคลียร์ดันเจี้ยนเริ่มต้นนี้ มันกล่าวไว้ว่า ‘ผู้ทรยศวิหารแห่งแสงที่หนีออกมาและถูกไล่จับกุมตัวอยู่ ได้ลงมากบดานอยู่ในหมู่บ้านเริ่มต้นแห่งนี้ พาลาดินหนึ่งคนและสังฆราชหนึ่งคนที่ไล่ตามเขา ท้ายสุดก็สามารถผนึกคนทรยศเอาไว้ได้ ทว่าทั้งสองคนนั้นก็ต้องติดเชื้อโรคร้ายจากผู้ทรยศและกลายเป็นวิญญาณอันเดดที่ไม่สามารถกลับไปยังวิหารแห่งแสงได้ นี่เป็น…สิ่งที่หลบซ่อนอยู่ในดันเจี้ยนเริ่มต้นนี้มาโดยตลอด!

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เหมือนคนแคระจมูกแดงตรงหน้านี้ไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตที่มีธาตุเป็นอันเดดสักเท่าไหร่ หากมีใครบอกเขาว่า ตรงหน้านี้เป็นเพียงคนแก่ทั่ว ๆ ไป เซียวเฟิงก็คงจะเชื่อได้ในทันที แต่ยังไงเสียมันก็ประมาทไม่ได้ เซียวเฟิงรีบใช้ทักษะตรวจสอบของเขาตรวจดูร่างตรงหน้าทันที

ผู้ทรยศ หนี่อู๋

เลเวล : 30

ระดับ : บอสเทพเจ้า

ธาตุ : แสง

พลังชีวิต : 200,000 / 200,000 หน่วย

พลังโจมตี : 3,000 – 3,000 หน่วย

พลังเวท : 2,000 – 2,000 หน่วย

พลังป้องกันกายภาพ : 2,500 – 2,600 หน่วย

พลังป้องกันเวทมนตร์ : 2,600 – 2,800 หน่วย

สกิล : วจนศักดิ์สิทธิ์, เพลิงศักดิ์สิทธิ์, สายฟ้าแห่งการดับสูญ, ระเบิดแปรธาตุ, กับดักแปรธาตุ, หุ่นเชิดแปรธาตุหมายเลข 1, หุ่นเชิดแปรธาตุหมายเลข 2, หุ่นเชิดแปรธาตุหมายเลข 3, หุ่นเชิดแปรธาตุขั้นสุดยอด

คำอธิบาย : ‘แต่เดิมแล้วเขาเคยเป็นบิชอปอยู่ในวิหารแห่งแสง แต่หลังจากได้เรียนรู้วิชาแปรธาตุต้องห้ามเข้าไป และรู้ถึงความลับของวิหารแห่งแสง ทำให้เขาถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศ เขาถูกขับไล่ล่าจนลงมาถึงโลกเบื้องล่างและเข้ามาซ่อนอยู่ภายในที่แห่งนี้ มีเพียงผู้เล่นที่ปราบพาลาดินเกิดใหม่และสังฆราชเกิดใหม่เป็นจำนวน 10 ครั้งเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสพบเจอที่ซ่อนของเขา’

หนี่อู๋ตรงหน้านี้ คือผู้ทรยศวิหารแห่งแสงตามคำแนะนำภารกิจเคลียร์ดันเจี้ยนเริ่มจริง ๆ ด้วย! แต่ถึงอย่างนั้น คำอธิบายของเขากลับทำให้เซียวเฟิงตกใจยิ่งกว่า!

ข้อแรกเลย มันพูดถึงวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งมันถือเป็นทักษะที่เซียวเฟิงไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อน

ข้อสอง ผู้ทรยศหนี่อู๋คนนี้ถูกไล่ล่าลงมา ก็เพราะเขาดันไปรู้ความลับของวิหารแห่งแสงเข้า ไม่ใช่ผู้ที่หลงใหลในความมืดมิดดังที่ภารกิจได้กล่าวไว้

สุดท้าย มันมีโอกาสเพียงเล็กน้อยมาก ๆ ที่จะเจอที่ซ่อนของผู้ทรยศหนี่อู๋หากคำนวณแล้ว ก่อนหน้านี้เซียวเฟิงเคยผ่านดันเจี้ยนนี้มาแล้วสองครั้ง แล้วก็วนเวียนมาบ้าง และล่าสุดก็พิชิตไปอีกสองรอบในวันนี้ รวมไปเป็นสิบรอบพอดีตามที่คำโปรยระบุไว้ว่าต้องปราบพาลาดินเกิดใหม่และสังฆราชเกิดใหม่สิบครั้ง นอกจากนั้นเซียวเฟิงยังคงอยู่ในดันเจี้ยนนี้อีกกว่าสิบนาทีแม้ว่าจะผ่านไปแล้ว ผนวกรวมเข้ากับการช่างสังเกตของเซียวเฟิง มันเลยทำให้ในที่สุดก็สามารถพบเจอที่ซ่อนของผู้ทรยศหนี่อู๋ได้ในที่สุด หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่กล่าวมาด้านบนไป คงจะยังไม่มีใครหาหนี่อู๋เจอแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ทรยศหนี่อู๋ตนนี้ดันเป็นบอสเทพเจ้าเลเวล 30 ที่มีธาตุแสงเสียด้วย สิ่งนี้ทำเอาเซียวเฟิงปวดหัวเอาการเลย เพราะมันถือว่าเป็นธาตุที่จัดการได้ยากเอาการ แถมนี่ยังมาเป็นบอสอีก

“คิก ๆ หนุ่มน้อย ไหนข้าขอดูเจ้าหน่อยซิ ทำไมเจ้าถึงมีลมหายใจแห่งแสงที่น่ารำคาญได้ถึงเพียงนี้ นี่วิหารแห่งแสงหาตัวข้าเจอแล้วงั้นหรือ?”

แม้ว่าสีในหลอดพลังชีวิตของผู้ทรยศหนี่อู๋จะเป็นสีแดงที่หมายความว่าเป็นศัตรูก็จริง แต่ตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่ได้เปิดฉากโจมตีก่อน จะมีก็แต่พูดกับเซียวเฟิงด้วยท่าทีขยะแขยงเท่านั้น

“บิชอปหนี่อู๋ ผมเป็นเพียงนักเดินทาง…” บางสิ่งบางอย่างผุดขึ้นในความคิดของเซียวเฟิง บอสระดับเทพเจ้าตนนี้ฉลาดมาก ๆ บางทีอีกฝ่ายอาจจะเป็นบอสที่ไม่ควรเปิดฉากต่อสู้ด้วยก็เป็นได้!