บทที่ 242 คุณชายใหญ่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 242 คุณชายใหญ่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ
“ทำไมสีหน้าของพวกคุณถึงเป็นแบบนี้?”

“พวกคุณกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่?”

เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของคู่สามีภรรยายู่หลิงหลงและหลิวเช่อ ฉินเทียนก็เริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย

เนื่องจากความรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกคนอื่นเล่นตลกเหมือนลิงตัวหนึ่ง

ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ดีต่อใจเอาซะเลย

และในตอนนี้เอง ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลัง

“เพื่อชีวิตแก่ ๆ ชีวิตหนึ่งของฉัน คุณชายถึงกับบุกเข้ามาในหอชงเซียวด้วยตัวคนเดียวและดาบเล่มเดียว ทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจมากจริง ๆ ”

“คุณชายไม่ต้องเป็นห่วง ตาแก่อันไม่เป็นอะไรหรอก”

ประตูลับถูกเปิดออก ก่อนที่อานกั๋วจะเดินออกมา

เมื่อเห็นสภาพที่ดูยิ้มแย้มของเขา ฉินเทียนก็ผงะไปชั่วขณะ

จากนั้น เมื่อเห็นว่ามีชายชราที่ผมเผ้าขาวหงอกคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างหลังของอานกั๋วอีก เขาจึงลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก

“คุณปู่ถง ทำไมถึงเป็นท่านล่ะครับ?”

“ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไง?”ภายใต้ความรู้สึกที่ตื่นเต้น น้ำเสียงของเขาก็ถึงกับสั่นคลอนไปด้วย

เมื่อกี้เขายังเป็นราชาผู้ใช้เลือดล้างเป่ยเจียงด้วยตัวคนเดียวและดาบเล่มเดียวอยู่เลย แต่วินาทีนี้เมื่อมองเห็นชายชราคนนั้นแล้ว จู่ ๆ เขาก็กลายเป็นชายหนุ่มที่ตื่นตระหนกไปเลย

“คุณชายใหญ่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”ชายชราอมยิ้มพลางพยักหน้า น้ำตาก็เริ่มคลอเบ้าอย่างอดไม่ไหว

ถงจิ่ง

ห้าราชาสิบแปดนายพลในตระกูลฉินแห่งซีเป่ย

ห้าราชาคือราชาจินตูน ราชาหยินจ๋า ราชาถงจิ่ง ราชาเถียหยิงและราชาซีเตี้ยน

ถงจิ่ง อยู่ลำดับที่สาม ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักตระกูลฉิน

แต่ทำไมเขาถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่?

อีกทั้งดูแล้วเขายังดูสนิทคุ้นเคยกับพวกอานกั๋วมาก ๆ ด้วย?

ภายใต้ความรู้สึกที่ตื่นเต้น หัวสมองของฉินเทียนก็ยุ่งเหยิงไปหมด

“ท่านถงเชิญนั่งก่อนครับ”คู่สามีภรรยายู่หลิงหลงและหลิวเช่อรีบลุกตัวขึ้น แล้วเชื้อเชิญให้ถงจิ่งมานั่งอย่างเคารพนอบน้อมมาก ๆ

ถงจิ่งถอนหายใจพลางมองหน้าฉินเทียน พยักหน้าแล้วพูดว่า: “คุณชายใหญ่อยู่ที่นี่ด้วย ตาแก่อย่างฉันไม่กล้าล่วงเกินหรอก”

“เชิญคุณชายใหญ่นั่งครับ!”

เมื่อเห็นว่าใบหน้าของฉินเทียนก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ อานกั๋วจึงยิ้มพลางพูดอย่างมีเลศนัย: “คุณชายใหญ่ครับ ตอนนี้ท่านก็น่าจะทราบแล้วใช่ไหมครับ”

“ผู้เล่นหมากเกมนี้ คือท่านถง”

“พวกเราทุกคนล้วนเป็นหมากในเกม”

“รายละเอียดของเรื่องนี้ ถ้าจะให้พูดมันค่อนข้างซับซ้อน ขอเชิญคุณชายใหญ่ประจำที่นั่งก่อนดีกว่าครับ แล้วให้ท่านถงค่อย ๆ เล่าเถอะ”

ฉินเทียนกัดฟันแน่น แล้วเดินไปนั่งลงบนตำแหน่งหลักด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม

ถงจิ่งเทชาด้วยตัวเองหนึ่งแก้ว แล้วยกไปข้างหน้าฉินเทียนด้วยความเคารพ พลางยิ้มพลางพูด: “กระผมใช้อุบายเล็ก ๆ ไปน่ะครับ ทำให้คุณชายใหญ่ต้องกล้ำกลืนต่อความไม่เป็นธรรมเลยนะครับ”

“ใช้ชาแก้วนี้เป็นการแสดงความรู้สึกผิดและเสียใจได้หรือไม่?”

ฉินเทียนรับชามา แสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วพูด: “คุณปู่ถง มีอะไรจะพูด ท่านก็พูดมาตรง ๆ ได้เลยครับ”

ถงจิ่งถอนหายใจแล้วพูด: “ดูจากลักษณะท่าทางนี้ของคุณชายใหญ่ แสดงให้เห็นว่ายังรู้สึกแสลงใจต่อตระกูลฉินอย่างลึกซึ้งอยู่นะครับ”

“ถูกต้องครับ ตอนนี้กระผมได้รับคำสั่งจากนายหญิงใหญ่ ให้เร่งมารับมือกับคุณชายใหญ่โดยเฉพาะ”

“ความโกลาหลแห่งหนานเจียงและศัตรูแห่งเป่ยเจียง ล้วนเป็นสิ่งที่ผมปลุกปั่นขึ้นมาเอง”

ฉินเทียนแสยะยิ้มอย่างเย็นเยือก: “งั้นก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ”

“ตอนนี้ดูเหมือนกับว่าผมจะทำให้คุณปู่ถงรู้สึกผิดหวังเลยนะครับ”

“ถ้าเกิดฆ่าผมไม่ได้ ท่านคงจะกลับไปรายงานได้ยากมาก ๆ เลยสินะ”

ถงจิ่งยิ้มพลางพูด: “รายงานยากน่ะมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าผมไม่สนใจครับ”

“ในส่วนของผิดหวังนั้น คุณชายใหญ่เข้าใจผมผิดไปแล้วครับ พูดความจริงเลยว่าผมไม่เพียงไม่รู้สึกผิดหวังต่อผลลัพธ์นี้ ในทางตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกชื่นใจมาก ๆ ”

ฉินเทียนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทว่าเขากลับไม่กล้ายืนยัน จึงกัดฟันไม่พูดอะไร

อานกั๋วถอนหายใจแล้วพูดกดเสียงต่ำ : “จากความฉลาดของคุณชายใหญ่ น่าจะพอคิดได้อยู่นะครับว่าสาเหตุที่ท่านถงต้องทำแบบนี้นั้น แท้จริงแล้วก็เพื่อเป็นการทดสอบคุณชายใหญ่”

“แผนการร้ายในหนานเจียง ศัตรูที่มีกำลังมากในเป่ยเจียง ล้วนเป็นสิ่งที่ท่านถงอยากเห็นความสุขุมและผึ่งผายในตัวคุณชายใหญ่”

“คุณชายใหญ่ครับ พูดได้เลยว่าท่านถงตั้งอกตั้งใจต่อแผนการในครั้งนี้อย่างยิ่ง”

ฉินเทียนนิ่งเงียบ

ถงจิ่งอธิบายด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม: “คุณชายใหญ่ครับ ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในหลงเจียง ​เถียหยิงพาคนไปจับกุมตัวท่านด้วยตนเอง สรุปกลับถูกท่านปราบจนพ่ายแพ้”

“นายหญิงใหญ่จึงสั่งให้คนไปฉู่โจวอีกครั้ง ส่งเจิ้นเทียนหนานไปจับกุมตัวท่าน”

“ผลสุดท้ายเจิ้นเทียนหนานกลับตายอยู่ในกำมือของท่าน”

“นายหญิงใหญ่โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากเลยนะครับ นายหญิงรู้สึกว่าท่านกำลังอกตัญญูต่อท่าน จงใจเป็นศัตรูต่อท่าน”

“ท่านก็ทราบนิสัยใจคอของนายหญิงใหญ่อยู่ หยิ่งในศักดิ์ศรีมาทั้งชีวิต ไม่ยอมด้อยกว่าผู้อื่น ยิ่งกว่านั้นคือท่านยังเป็นหลานชายของนายหญิงใหญ่อีก”

“เพราะฉะนั้นครั้งนี้นายหญิงใหญ่จึงโกรธแล้วจริง ๆ และจักต้องนำตัวท่านกลับไปถามไถโทษที่ตระกูลฉิน”

“ผมก็จนปัญญาเหมือนกันครับ ถึงได้อาสามาที่นี่”

“เพราะผมรู้ว่าหากผมมา อาจจะมีพื้นที่รับมืออยู่ ถ้าเกิดส่งคนอื่นมา ยกตัวอย่างเช่นหยินจ๋าหรือซีเตี้ยนที่กีดกันคุณชายใหญ่มาก ๆ มาโดยตลอดละก็”

“งั้นเรื่องนี้ก็จะไม่มีทางสิ้นสุดง่ายดายขนาดนั้นแล้ว”

“ถ้าเกิดแม้แต่พวกเขายังพ่ายแพ้ งั้นภาพลักษณ์หน้าตาของนายหญิงใหญ่ก็จะพังทลายมากขึ้น ท่านต้องส่งคนมาอย่างยิ่งใหญ่ มากกว่านั้นคือท่านอาจจะมีโอกาสมาด้วยตัวท่านเองด้วย”

“ถ้าเกิดพวกเขาทำสำเร็จ แล้วพาคุณชายใหญ่กลับตระกูลฉินได้ ถึงตอนนั้นคุณชายใหญ่จะจัดการตัวเองยังไงต่อครับ?”

“เพราะฉะนั้นไม่ว่าพวกเขาจะทำสำเร็จหรือล้มเหลว ก็จะทำให้ความขัดแย้งดุเดือดและรุนแรงขึ้นอยู่ดี”

“ตอนนี้กระผมอาสารับภารกิจนี้เอง ผมรู้สึกว่าการที่เรื่องนี้จบลงด้วยผลลัพธ์แบบนี้นั้น มันดีต่อทั้งสองฝ่าย”

ฉินเทียนไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะมองหน้าถงจิ่งแล้วถามว่า: “ผลลัพธ์แบบนี้ที่คุณปู่ถงหมายถึง รายละเอียดมันหมายถึงยังไงกันครับ?”

ถงจิ่งลุกตัวขึ้นปล้วพูดอย่างเคารพนอบน้อม: “ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญาหรือกำลังบู๊ของคุณชายใหญ่ล้วนโดดเด่นมาก ซึ่งคุ้มแก่การให้ถงจิ่งผมกล่าวคำสาบานว่าจะคุ้มครองรักษา”

“ทั้งหนานเจียงและเป่ยเจียง กองกำลังหนึ่งคือหมากสว่าง กองกำลังหนึ่งคือหมากลับ ถือเป็นของขวัญสองชิ้นที่กระผมมอบให้คุณชายใหญ่ครับ”

“กองกำลังทั้งสองกองกำลังนี้ จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก เชื่อว่าสามารถทำให้นายหญิงใหญ่ รวมไปถึงคนอื่น ๆ ในตระกูลตายใจได้ชั่วคราว”

“ภายในระยะเวลาสั้น ๆ พวกเขาจะไม่ส่งคนมาตามรังควานคุณชายใหญ่อีก”

“ต่อไปนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ คุณชายใหญ่สามารถใช้งานทั้งหนานเจียงและเป่ยเจียงได้เลยครับ”

เมื่อได้ยินแค่นี้ อานกั๋วจึงพูดอย่างตื่นเต้น: “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อานกั๋วรวมไปถึงหนานเจียง จะนับถือคุณชายใหญ่เป็นเจ้า!”

หลิวเช่อก็พูดอย่างเคารพนอบน้อมเช่นกันว่า: “เป่ยเจียงก็เป็นแบบเดียวกันเช่นกันครับ”

ฉินเทียนเข้าใจการสวามิภักดิ์ของอานกั๋วได้อยู่ มิหนำซ้ำนี่ก็เป็นเรื่องที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

แต่สำหรับหลิวเช่อนั้น ฉินเทียนกลับไม่ค่อยเข้าใจ

“ราชาเป่ยเจียง ผมฆ่าคนของคุณไปเยอะขนาดนั้น คุณและลูกน้องของคุณปล่อยผมไปได้จริง ๆ เหรอ?”

หลิวเช่อพูดกดเสียงต่ำ: “ดูจากเปลือกนอก พวกเราทำแบบนั้นไม่ได้ครับ”

“เพราะฉะนั้นพวกเราถึงเป็นหมากลับตัวนั้น เมื่อดูจากเปลือกนอก พวกเราคือศัตรูของคุณชายใหญ่ แต่ในความเป็นจริงเราคือคนสนิท”

“ในส่วนของผู้คนที่คุณชายใหญ่ฆ่าไปนั้น——”

เขายิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า: “ว่าไปแล้ว ยังต้องขอบคุณคุณชายใหญ่ด้วยครับ”

“คนพวกนั้นไม่จงรักภักดีต่อผมตั้งนานแล้ว และเป็นกลุ่มคนที่เจตนาร้ายต่อหนานเจียงมากที่สุดกลุ่มหนึ่งด้วย”

“พวกมันเฝ้าภาวนาให้ผมตายเร็ว ๆ จากนั้นค่อยเปิดศึกครั้งยิ่งใหญ่กับหนานเจียง”

“วันนี้อาศัยเงื้อมมือของคุณชายใหญ่กำจัดพวกมันทิ้ง ด้านหนึ่งก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความผึ่งผายของคุณชายใหญ่ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นการกำจัดภยันตรายที่ซ่อนตัวอยู่ภายในให้ผมด้วย”

ฉินเทียนรู้สึกหมดคำจะพูดขึ้นมาทันที

ที่แท้กูแม่งก็ถูกคนอื่นหลอกใช้งานดั่งมีดนี่เอง

มิน่าล่ะมีคนตายไปเยอะขนาดนั้น ยู่หลิงหลงและหลิวเช่อกลับไม่รู้สึกเจ็บใจเลยแม้แต่น้อย ที่แท้คนพวกนั้นก็เป็นคนที่เขาอยากขจัดทิ้งตั้งนานแล้วนี่เอง

แต่ทว่า เขาถามอย่างไม่เข้าใจ: “หลิวเช่อ ทำไมพวกคุณถึงต้องช่วยผมด้วย?”

“หากพูดให้แม่นยำหน่อยก็คือ ทำไมถึงตอบตกลงคุณปู่ถงจิ่ง เป็นหมากลูกนี้?”

“พวกคุณไม่กลัวถูกตระกูลฉินค้นพบแล้วถูกแก้แค้นหรือ?”

หลิวเช่อพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง: “พูดตามตรงเลยนะครับ ที่จริงชีวิตนี้ของผมควรจะตายไปตั้งแต่เมื่อ 20 กว่าปีก่อนแล้ว”

“ท่านถงเป็นผู้ที่ทำให้ผมมีชีวิตรอดมานานขนาดนี้”

“ตอนนี้ ถึงเวลาตอบแทนบุญคุณของผมแล้ว”