บทที่ 82 หลังจากนี้ต้องหาคนผิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

บทที่ 82 หลังจากนี้ต้องหาคนผิด

ฟางหนิงเสียเลือดไม่น้อย ตอนนั้นเองก็มีข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับชั้นวางหนังสือ เขาจึงคลิกเข้าไปดู ใครจะรู้ว่ามันจะระเบิดออก

“ขอโทษนะ พรุ่งนี้ฉันจะไปนัดบอด ทุกคน วันนี้ขอลาหยุดหนึ่งวัน”

“ขอโทษค่ะ…หนังสือเล่มนี้กำลังจะถูกปลด ฉันต้องไปนัดบอดในตอนบ่าย ฝ่ายหญิงรู้ว่าฉันเขียนนิยาย และเธอก็พูดว่า เธอสนใจพนักงานส่งของมากกว่านักเขียน”

“ผิดหวังมาก พรุ่งนี้ฉันจะไปขอใบรับรองแพทย์และจะไปเป็นพนักงานส่งของแล้ว”

“อั่ก!” ฟางหนิงพ่นลมหายใจ เดิมทีเขาอยากจะอ่านนิยายเล่มนี้เพื่อเพิ่มเลือด แต่กลับถูกโจมตีอย่างรุนแรง แล้วอาเจียนออกมาเป็นเลือดจำนวนมากขึ้นไปบนท้องฟ้า และเมื่อเพลิกตัว เขาก็ล้มลง

การแจ้งเตือนของระบบ : คำเตือนที่จริงจัง โฮสต์อยู่ในภาวะบาดเจ็บ…

ระบบปล่อยกระเป๋าโชคดีที่เล็งไว้ แล้วบินไปยังพื้นที่ปลอดภัยเพื่อหยุด จากนั้นจึงตัดเข้าไปในพื้นที่ของระบบเพื่อถามคำถาม

ระบบถาม “อะไรกัน ฉันไม่ได้ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนะ ทำไมต้องอารมณ์เสียขนาดนี้ล่ะโฮสต์?”

ไม่มีทาง แม้ว่าเทพแห่งระบบจะรับร่างของฟางหนิงซึ่งกินเวลานานมาก แต่ถ้าโฮสต์ตาย มันก็ต้องตายด้วย หนึ่งศพ สองชีวิต

ฟางหนิงเป็นอัมพาตในระบบอินเทอร์เน็ตไปแล้ว สภาพของเขาตอนนี้เหมือนปลาที่ขาดน้ำ “เกมนี้จบแล้ว และนิยายที่ฉันชอบอ่านก็ไม่ได้เขียนต่อแล้วด้วย ขอฉันนอนลงตรงนี้สักครู่ ฉันขออยู่เงียบๆ”

ระบบงุนงง

ฟางหนิงนิ่งเงียบ

ระบบ “ร่างกายของโฮสต์มูลค่ากว่าพันล้าน แค่เอาเงินออกมาใช้นิดหน่อย นิยายเรื่องนั้นไม่ได้เขียนต่อ โฮสต์ต้องเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ…”

ฟางหนิง “เงินพวกนั้นเป็นของแกไม่ใช่เหรอ? แกให้เงินฉันสามหมื่นหยวนต่อเดือน ครั้งสุดท้ายที่ฉันซื้อหนังสือ แกบอกว่าฉันใช้เงินแค่ครั้งเดียวเท่ากับใช้เงินของทั้งสามเดือนไปแล้ว ตอนนี้ฉันมีเงินที่ไหนกัน ฉันจะจ่ายให้ใครได้อีก”

ระบบ “แต่สภาพของโฮสต์ย่ำแย่มากจริงๆ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่น ก็แค่ให้เงินโฮสต์ใช้อีกสักหน่อย”

เมื่อฟางหนิงได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ฟื้นคืนชีพทันที ลุกขึ้นอีกครั้ง และหมอบอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ พร้อมที่จะรับเงินจากเทพแห่งระบบ

ฟางหนิงถาม “แกจะให้ฉันเท่าไหร่?”

ระบบตอบกลับ “หนึ่งแสนพอไหม?”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “แกนี่งกจริงๆ หนึ่งแสนคือเงินเดือนรวมทั้งปีของฉัน แกจะให้ฉันได้นานแค่ไหน? ทำยังไงถึงจะได้ห้าล้าน”

ระบบ “แล้วถ้าสองล้านห้าแสนล่ะ”

ฟางหนิงขี้เกียจต่อรอง เขาตกลง “สองล้านห้าแสนก็สองล้านห้าแสน”

ฟางหนิงนอนคว่ำหน้าลงบนคอมพิวเตอร์แ มองแจ้งเตือนเงินเข้าสองล้านห้าแสนจากบัญชีส่วนตัวของเขาและรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที

การแจ้งเตือนของระบบ จิตวิญญาณของโฮสต์ได้รับการฟื้นฟูแล้ว

ระบบ “ตอนนี้โฮสต์สามารถจ้างให้นักเขียนเขียนนิยายเล่มนั้นต่อได้แล้วใช่ไหม?”

ฟางหนิง “นั่นมากเกินไป ฉันขี้เกียจจะตามหาเขา มันต้องใช้เวลามากในการพูดคุย ฉันจะเปลี่ยนบุคลิกของฉันเอง”

มีเงินมหาศาลขนาดนี้สามารถใช้แบบสบายๆ ก็แค่เปลี่ยนหนังสืออ่านเท่านั้น…

หากนักเขียนรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ เขาคงทำได้เพียงร้องไห้จนเป็นลมในห้องน้ำ

ระบบถาม “แล้วจะเอาเงินไปทำอะไร?”

ฟางหนิงตอบกลับ “ลงทุนในเกมใหม่…”

ระบบ “โฮสต์ไม่ได้ฝึกฝนวิชาแปลงร่างมังกรจนถึงขั้นต้นของการแปลงร่างเป็นมังกรได้แล้วหรอกเหรอ แต่ทำไมจิตวิญญาณของโฮสต์ถึงยังเปราะบางอยู่? ถ้าเกิดความวุ่นวายในอนาคต ทุกคนต่างยุ่งกับการเอาชีวิตรอด และนิยายทุกประเภทหยุดเขียน โฮสต์อยากจะเก็บเล่มไหนไว้?”

ฟางหนิงตอบกลับทันทีที่ได้ยิน “แกคิดว่าฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เหรอ ฉันต้องกำจัดพวกที่ต้องการแย่งชิงอำนาจและยึดครองประเทศเพื่อไม่ให้โลกวุ่นวายไปมากกว่านี้ เมื่อก่อนไม่มีพวกนี้ แกก็ทำลายแค่ในเกมฟันผัก พูดตามตรง การทำลายส่วนใหญ่ยังเป็นการปล้นธุรกิจปกติของหน่วยงานรักษาความปลอดภัยของคนอื่นด้วย สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ๆ ซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึก เมื่อก่อนฉันเจอแค่ไม่กี่ตัวก็มองออก แต่ตอนนี้พวกมันเก่งเกินไป สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไปแล้ว”

ระบบถามกลับ “แล้วเราควรทำยังไง”

ฟางหนิงตอบ “ง่ายมาก ยังไงก็ตามเราต่างรู้จักพวกฝ่ายระดับสูงในสำนักสัจธรรม ก็แค่ทำให้ตัวตนของอัศวิน A นั้นมีภาพลักษณ์ที่ดีและเปิดบริษัท จากนั้นเราจะหาทางโยนความผิดให้กับอีกฝ่าย…”

ระบบตอบกลับ “อ๋อ เข้าใจแล้ว เมื่อก่อนนายเคยกลัวว่าจะวุ่นวาย แต่ตอนนี้นายอยากฝากให้ลูกศิษย์ฉันไปจัดการใช่ไหม?”

ฟางหนิงตอบกลับ “แกพูดถูก แต่อย่าพูดไร้สาระ ลองให้งบประมาณมาก่อน”

ระบบถาม “สิบล้านพอไหม?”

ฟางหนิงแทบสำลัก “หนึ่งร้อยล้าน!”

ระบบตอบกลับ “โอเค”

ฟางหนิงกลอกตา ในเรื่องธุรกิจ เทพแห่งระบบก็ยอมจ่ายเต็มที่ ให้เงินฉันทีละนิดทีละนิด แถมยังจะต้องมาหารครึ่งอีก

ทันทีที่เงินเข้าบัญชี ฟางหนิงเริ่มเคลียร์ความคิดตัวเอง เขาคิดว่า จะใช้พลังงานของนกตัวนี้ทำไมกัน เพียงแค่มีใจที่ซื่อสัตย์ และรู้จักใช้คนก็พอแล้ว แต่ตัวเขานั้นขาดพลังและขาดสติปัญญา…

ฟางหนิงบอกเรื่องทาง QQ ให้เจิ้งต้าวรู้ทันที

เจิ้งต้าว “ที่จริงผมคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว แต่ไม่คิดว่าท่านจะตัดสินใจได้เร็วขนาดนี้ แผนธุรกิจของบริษัทผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว ต้องการตั้งชื่อบริษัทว่าอะไรเหรอ?”

ฟางหนิงตอบ “ฉันมีปัญหาในการตั้งชื่อ นายไปคิดมาสักสองสามชื่อให้ฉันเลือกเถอะ ฉันต้องการชื่อที่เรียบง่าย แต่มีความหมายแฝง…”

เจิ้งต้าวตอบ “ตกลง ผมจะติดต่อท่านในอีกหนึ่งชั่วโมง”

ฟางหนิงตอบ “อืม นายไปเถอะ”

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เจิ้งต้าวก็ส่งชื่อบริษัทมาเป็นสิบชื่อ

ฟางหนิงใช้เวลาเลือกชื่อนานมาก แต่เขาก็ไม่สามารถเลือกได้

พูดตรงๆ เขาไม่เหมาะจะเป็นเจ้านายเลยสักนิด ทำไมกันนะ?

เพราะความต้องการของเขาไม่มากพอ และแม้ว่าเขาจะไม่พอใจ เขาคิดว่าการตั้งชื่อมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โยนหน้าที่นี้ให้คนอื่นทำดีกว่า อย่างไรก็ตามเราไม่จำเป็นต้องโฆษณาหรอก

เขายังคิดว่าตอนที่ยังทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ตอนที่เขาต้องแก้งานตามความต้องกาารของลูกค้า แก้ไปถึงสามครั้ง เขาแทบจะโยนคอมพิวเตอร์ทิ้ง ดังนั้นเขาจะหยุดทำร้ายความกระตือรือร้นของเด็กใหม่ที่เพิ่งจะรับเข้าทำงาน หลับตาและเลือกมาหนึ่งชื่อ..

ฟางหนิง “ชื่อนี้ก็แล้วกัน แต่ขอเปลี่ยนหนึ่งคำ เป็นชื่อ ‘บริษัท อันซื่อพาวเวอร์ จำกัด’ เป็นชื่อที่เรียบง่ายมาก…”

เจิ้งต้าวตอบรับ “ผมจะไปที่สำนักงานสัจธรรมก่อน เพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ เห็นได้ชัดว่า ธุรกิจของพวกเขาทับซ้อนกันมากเกินไป ถ้าหากสามาถรับรู้ข่าวสารของพวกเขา มันจะง่ายขึ้นมาก”

ฟางหนิง “เอาล่ะ นายเป็นคนคิดรอบคอบ เพราะฉะนั้นบริษัทนี้นายเป็นผู้จัดการก็แล้วกัน แต่ตำแหน่งนี้ในอนาคตอาจจะอันตรายมากขึ้น ฉันต้องคิดหาวิธีเพิ่มประกันให้กับนาย”

ในใจเจิ้งต้าวเต็มไปด้วยซาบซึ้ง หลังจากติดต่อมาหลายครั้ง เขาก็เห็นได้ว่าท่านมังกรขาวผู้นี้ไม่เพียงแต่ทำงานจัดการเรื่องอันยิ่งใหญ่เพื่อทำให้โลกมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่เขายังปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ และเขาใส่ใจในความปลอดภัยผู้อื่นด้วย

เขารู้นิสัยของเจ้านายคนนี้แล้ว รีบตอบกลับทันที “ขอบคุณครับ ผมจะออกไปหาพวกเขา”

ในใจของฟางหนิงเต็มไปด้วยความสุข เพียงแค่ออกปากก็มีคนไปทำธุระให้ และสามารถนำความคิดมากมายไปลงมือปฏิบัติตามได้ เขาต้องสนับสนุนให้เจิ้งต้าวไปจัดการเรื่องต่างๆ แทน เกรงว่าอาจจะไม่สามารถหาคนที่สามารถทำแบบนี้ได้อีกแล้ว

ฟางหนิงตอบรับ “ไปเถอะ เดินทางปลอดภัย หากต้องการให้ฉันช่วยก็วีแชทมา”

…………

เจิ้งต้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและรายชื่อผู้ติดต่อจำนวนหลายสิบชื่อก็เข้ามาในความคิดของเขา ในที่สุด เขาก็เปิดวีแชทหาใครบางคน

เจิ้งต้าว “คุณจื่อซาน คุณกำลังยุ่งอยู่รึเปล่า?”

ถูกต้อง เขาเลือกเฉียวจื่อซาน เมื่อวานนี้พวกเขาทักทายกันเพียงไม่กี่คำ อีกฝ่ายก็ถือว่าเขาเป็นพี่ชายที่รู้จักกันมาสักพักแล้ว แน่นอน เขาย่อมเข้าใจดีว่า เพราะส่วนใหญ่เขาอยู่เบื้องหลังอัศวินผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น อีกฝ่ายจึงให้ความสำคัญกับเขาเช่นกัน

คนคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์ และเป็นคนที่ทำความรู้จักได้ง่ายที่สุด

เฉียวจื่อซาน “โอ้ นั่นพี่เจิ้งเหรอ โอ้ย ตอนนี้ฉันปวดหัวมาก ปวดจนไม่สามารถยกหัวขึ้นมาได้เลย”

เจิ้งต้าว “ดีเลย ฉันมีความสามารถในการปลอบประโลมจิตวิญญาณ ทำไมไม่มาเจอกันหน่อยล่ะ ฉันจะเติมเลือดให้นาย”

เฉียวจื่อซาน “นั่นพี่เจิ้งจริงๆ สินะ เจอกันที่โรงน้ำชาชิงหยวนในเขต XX เถอะ”

เจิ้งต้าว “ได้ เจอกันที่นั่นนะ”

…………

ที่โรงน้ำชาชิงหยวน บรรยาภายในร้านนั้นเงียบมาก มีเพียงเสียงชงชาเท่านั้น และเสียงของแขกบางคนที่กำลังพูดคุยกัน

ทั้งสองขอห้องส่วนตัว สั่งชาหลงจิ่ง และบอกพนักงานเสิร์ฟว่าห้ามเข้ามารบกวน

หลังจากหย่อนกายนั่งลง ไอร้อนของชาก็ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ แม้เจิ้งต้าวจะไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร แต่เฉียวจื่อซานกลับรู้สึกว่ากระแสน้ำอุ่นพัดผ่านร่างกายของเขา และรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นทันที ปัญหามากมายหายไป เขาถอนหายใจออกมา “พี่เจิ้ง คนที่มีความสามารถแบบนี้ก็คือคนรวย ไม่น่าแปลกใจที่สามารถเข้าสู่ชั้นเรียนฝึกอบรมที่ต้องใช้เงินมหาศาลเช่นนี้ได้”

เจิ้งต้าวคิดในใจว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์ เรื่องไหนควรพูดเรื่องไหนไม่ควรพูด อย่างไรก็ตามความโชคร้ายในชั้นเรียนการฝึก ก็ถือเป็นโชคดีได้เช่นกัน สิ่งเลวร้าย อาจจะนำพาไปสู่สิ่งที่ดี ส่วนสิ่งที่ดีก็สามารถนำพาไปสู่สิ่งเลวร้ายได้เช่นกัน โลกนี้ช่างลึกลับเสียเหลือเกิน

เจิ้งต้าวยิ้ม “ฉันไม่รู้ว่าทำไมน้องจื่อซานถึงเป็นกังวล นายช่วยบอกได้ไหมว่าต้องการจะพูดอะไร?”

เจิ้งต้าวรู้ดีว่าอยากได้อะไร ก็ต้องมอบให้คนอื่นก่อน ธุรกิจคือการแลกเปลี่ยน

เมื่อเฉียวจื่อซานได้ยิน ตอนแรกเขาคิดว่ามันอาจเกี่ยวกับความลับ แต่เมื่อเขาคิดว่าอัศวินผู้นี้มีความลับมากมายเป็นแน่ เขาเลยไม่รู้ว่าควรถามอะไรเช่นกัน และอีกฝ่ายก็ไม่สามารถรู้ความลับของเขาได้

แต่ทั้งหมดล้วนเกี่ยวกับระบบการฝึกส่วนตัวและไม่ใช่ธุรกิจเฉพาะของสำนักงานสัจธรรม ไม่ได้เป็นสาธารณสมบัติ นอกจากนี้ ผู้เฒ่าสวี่ยังสนับสนุนการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้จากกันและกันเสมอ สร้างจุดแข็ง พัฒนาจุดด้อย และก้าวหน้าไปด้วยกัน

ในอดีต อัศวินที่อยู่ในตำแหน่งสูง คงยากที่จะพูดคุยด้วย แต่ตอนนี้ถือเป็นโอกาสดีแล้ว โชคดีที่ได้เจิ้งต้าวมาพูดคุยด้วย

ในเวลานี้เขารู้สึกได้เพียงว่าในใจของเขาผ่อนคลายมากขึ้น ความกังวลลดลง เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่กังวลในการหาคนที่จะมาสานต่อ เดี๋ยวนี้คนใจร้อนกันมากขึ้น แถมยังปกปิดตัวตนเก่ง ภายนอกดูเป็นคนประพฤติดี แต่เมื่อได้รับการฝึกแล้ว กลับเปิดเผยธาตุแท้ของตนเองออกมา แม้กระทั่งเหตุการณ์สำคัญบางอย่างก็เกิดขึ้น จะหาคนดี บริสุทธิ์ใจนั้นยากนัก ทุกวันนี้ผมลำบากแทบตายอยู่แล้ว”

เมื่อเจิ้งต้าวได้ยินเช่นนี้ เขาก็ยิ้มและหัวเราะ “น้องจื่อซาน ถ้าตอนนี้นายอยากหาคนดี คนที่มีใจบริสุทธิ์ คงต้องไปหาที่โรงเรียนอนุบาลแทนแล้ว”

เจิ้งต้าวพูดติดตลก แต่นั่นกลับทำให้เฉียวจื่อซานตัวแข็งค้าง ก่อนจะโค้งมือลงทันที “ขอบคุณพี่เจิ้ง ผมไม่กลัวเสียเวลา แต่ผมกลัวว่าจะหาคนผิด ดังนั้นผมจะขอให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องเลือกคนใหม่ ไปทำงานให้กับผู้ปกครอง”

เจิ้งต้าวคิดว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “ในกรณีนี้ ไม่ว่าฉันกับนายจะเป็นคนเลือก แต่ท้ายที่สุด ความรู้สึกของฉันยังคงสามารถทำให้คนพูดความจริงได้ หรือไม่ก็ยังมีวิธีอื่นอีกมากมาย”

เฉียวจื่อซานรู้สึกขอบคุณมาก เขารีบจ่ายเงิน และทั้งสองก็เดินออกไปพร้อมกัน

………………………………………………………………