บทที่ 332 กล้าแต่โง่
บทที่ 332 กล้าแต่โง่

ในที่สุดคนของแก๊งวาฬยักษ์ก็มาถึง และทันทีที่เห็นว่ามีคนมาช่วยแล้ว เฉียนเซาก็มีแรงใจจนสามารถลุกขึ้นได้และวิ่งไปหากลุ่มคนของแก๊งวาฬยักษ์ที่เพิ่งมาถึงอย่างรวดเร็ว

“หัวหน้าสาขาสวี!! ในที่สุดคุณก็มา ไอ้เวรนี่ไงที่ผมอยากให้คุณช่วยจัดการให้ มันโคตรหยิ่งผยองเลย ช่วยจัดการมันให้ผมที!!”

เฉียนเซาหันศีรษะและชี้ไปที่อวี้ฮ่าวหราน ซึ่งอยู่ไม่ไกลด้วยความโกรธ

ชายหัวล้านรู้สึกรำคาญใจสุด ๆ เมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาเป็นหัวหน้าสาขาของแก๊งวาฬยักษ์ชื่อ สวีเปียว

ถ้าไม่ใช่เพราะเฉียนเซามักจะให้ผลประโยชน์แก่เขา เขาก็คงไม่ใส่ใจกับไอ้ขยะอ้วนนี่หรอก

“เออ! เดี๋ยวฉันช่วยเอง! เด็ก ๆ! ไปสอนไอ้เวรนั่นให้รู้ว่าความแข็งแกร่งคืออะไร!”

เขาตะโกนอย่างสบาย ๆ และปล่อยให้ลูกน้องทั้งหมดที่อยู่ข้างหลังเขาจัดการเรื่องนี้แทน

สวีเปียว เป็นคนที่หยิ่งผยองมาก เขาคือปรมาจารย์พลังภายใน หากเขารู้สึกว่าคู่ต่อสู้ไม่คู่ควรให้เขาลงมือเขาจะไม่มีวันเปลืองแรงลงมือเองเด็ดขาด ซึ่งชายหนุ่มตรงหน้าเขานั้นดูมีอายุยี่สิบต้น ๆ ที่ไม่มีพิษสงอะไร ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางลงมือเองให้เปลืองแรง

ส่วนเฉียนเซานั้น เมื่อเห็นสิ่งนี้เขาก็รู้สึกมีความสุขอย่างมากจนอยากจะกระโดดโลดเต้น

ด้วยจำนวนคนของแก๊งวาฬยักษ์มากขนาดนี้ ต่อให้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหนฝั่งของเขาก็ชนะแน่!

ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในคนที่มาคือหัวหน้าสาขาเชียวนะ!

“ไอ้ลูกหมากล้าสู้กับฉันคนนี้แกตายแน่!”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยอีกฝ่ายอย่างภาคภูมิใจ

ในขณะเดียวกัน สมาชิกของแก๊งวาฬยักษ์ก็ค่อย ๆ ตีวงล้อมเข้าหาอวี้ฮ่าวหราน ด้วยสีหน้าน่ากลัวซึ่งถ้าคนธรรมดาเผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนี้คงกลัวจนฉี่ราดแล้วแน่ ๆ

แต่ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานที่เผชิญกับเหตุการณ์นี้ การแสดงออกของเขากลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย อีกทั้งยังยิ้มเยาะอีกฝ่ายด้วย

“เหอะ ๆ แค่มดแมลงอีกฝูงหนึ่งก็แค่นั้น”

เขาจ้องมองอย่างเยาะเย้ย

“แกพูดถึงใครว่าเป็นมดแมลง!”

“แกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!”

เมื่อเห็นท่าทีหยิ่งผยองของอวี้ฮ่าวหราน พวกแก๊งวาฬยักษ์ต่างก็ตะโกนอย่างหงุดหงิด

แต่พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าขณะนี้หัวหน้าสาขาของพวกเขาที่ได้เห็นหน้าชัด ๆ ของอวี้ฮ่าวหรานแล้ว กำลังหน้าซีดเหมือนเป็นไก่ต้ม!

จากสีหน้าที่เย่อหยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนกภายในพริบตา!

หลังจากล้มเหลวในการซุ่มโจมตีหวังเหยียนในคืนนั้น เขาก็ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในผับอย่างละเอียดหลังจากนั้น

แม้ว่าภาพจากกล้องวงจรปิดส่วนใหญ่จะถูกทำลายไปแล้ว แต่มันยังมีบางส่วนที่สามารถกู้คืนมาได้ซึ่งมันเป็นภาพที่เห็นหน้าของคนของผู้ที่ฆ่าคนของแก๊งวาฬยักษ์นับร้อยและหัวหน้าสาขาทั้งสี่อย่างชัดเจน!

คนผู้นั้นฆ่าคนของแก๊งเดียวกันกับเขานับร้อยง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ!

“น…นายคืออวี้ฮ่าวหราน!!”

น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และเม็ดเหงื่อจำนวนมากก็ผุดขึ้นบนหน้าผากของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน!

ความกลัวกัดกินใจของเขาถึงขีดสุดในทันที!

คน ๆ นี้มันคือดาวหายนะคนนั้น!

ชิบหายแล้วไง!

นี่เขาพาคนมาที่นี่เพื่ออะไร? นี่ฉันกำลังรนหาที่ตายอยู่ชัด ๆ เลย!

อย่างไรก็ตาม คนอื่น ๆ ไม่รู้ว่าสวีเปียวคิดอะไรอยู่ พวกเขาแค่เห็นสีหน้าของลูกพี่ตัวเองจู่ ๆ ก็แข็งทื่อและจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกอย่างหนัก และจู่ ๆ ก็ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้หยุด!

“ลูกพี่? เป็นอะไรไปงั้นเหรอ?”

“ลูกพี่เราควรรีบฆ่าไอ้เวรนี่ก่อนที่จะมีรถผ่านมา ส่วนรถสปอร์ตของมันหากเราเอาไปขายคงได้เงินเยอะแยะเลยทีเดียว แถมไอ้พวกลูกคนรวยพวกนี้บอกว่าในรถสปอร์ตนั่นมีผู้หญิงสวยมาก ๆ อยู่ด้วย หลังจากจบเรื่องนี้พวกเราอาจได้ของเล่นเพิ่มมาอีกชิ้น!”

หนึ่งในลูกน้องของสวีเปียวพยายามจ้องมองเข้าไปในรถของอวี้ฮ่าวหรานอย่างตั้งใจ แต่ด้วยฟิลม์กระจกที่ดำมืดเขาจึงเห็นแค่ลาง ๆ ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าจะสวยมาก ๆ นั่งอยู่ในรถ

แน่นอนว่านักเลงพวกนี้ชอบเล่นสนุกกับผู้หญิงสวย ๆ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้พวกเขาจะยอมปล่อยซูหว่านเอ๋อไปง่าย ๆ

อย่างไรก็ตาม สวีเปียวยิ่งแสดงสีหน้าตื่นตระหนกมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินลูกน้องของตัวเองเอ่ยขึ้นว่าจะเล่นสนุกกับผู้หญิงของดาวหายนะตรงหน้าเสียงดัง

“ก…แก!! หุบปากไปเดี๋ยวนี้!!”

หลังจากได้ยินคำพูดของลูกน้องตัวเอง เขาทั้งตกใจและโกรธ สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

ทางด้านของเฉียนเซาที่ยังคงไม่รู้เรื่องอะไร และยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับสวีเปียว เขาจึงพูดยุยงอีกรอบ

“หัวหน้าสาขาสวี อีกฝ่ายเป็นแค่คนรวยที่ไร้พิษสง…ด้วยความแข็งแกร่งของคุณ คุณสามารถจัดการกับไอ้เวรนี่ได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว แต่ก่อนที่คุณจะฆ่ามันผมขอให้คุณช่วยลากมันมาให้ผมกระทืบก่อนสักรอบเถอะ ผมแค้นมันมาก ผมอยากจะทำให้มันเจ็บที่สุดก่อนที่มันจะตาย!”

“หุบปาก!!”

‘ผลั่ก!’

สวีเปียวไม่สามารถเก็บอารมณ์ของตัวเองได้อีกแล้ว เขาเตะไปที่ท้องของเฉียนเซาอย่างแรงจนกลิ้งหลุน ๆ ไปด้านข้าง!

เมื่อได้ยินเฉียนเซาพูดพล่อย ๆ แบบนี้ เขาจึงโกรธจัดจนระเบิดอารมณ์

“นี่…นี่แกจะฆ่าฉันเหรอไง!?”

ด้วยความเดือดดาลและอับอายหลังจากถูกเตะอย่างแรง เมื่อยันตัวขึ้นลุกนั่งได้ เฉียนเซาก็สบถใส่สวีเปียวเสียงดังอย่างไม่ไว้หน้าอีกต่อไป

เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่เขาเรียกมาให้ช่วยตัวเองกลับมาเตะเขาจนกลิ้งแบบนี้!

“ฉันเรียกแกมาให้แกฆ่าไอ้ขยะนั่น แต่ทำไมแกถึงทำกับฉัน…”

“ถ้าแกกล้าพูดอีกประโยคเดียวฉันจะฆ่าแกทิ้ง!!”

สวีเปียวตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดล่าสุดของเฉียนเซา!

ไอ้นี่มันพยายามจะลากฉันลงนรกไปด้วยชัด ๆ!

คนที่แข็งแกร่งขนาดฆ่าคนนับร้อยและหัวหน้าสาขาอีกสี่คนได้ราวกับพลิกฝ่ามือ ฉันจะสู้กับอีกฝ่ายได้ยังไง??

ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้เหนือกว่าพวกหัวหน้าสาขาสี่คนนั่นที่ตายไปด้วยซ้ำ มันก็ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตายเลยถ้าขืนเขากระโจนเข้าไปหาชายคนนี้!

การที่เขามีชีวิตอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะเขาอาศัยแต่ความแข็งแกร่งของตัวเองปะทะกับทุกอย่างในโลกเหมือนพวกกระทิงโง่ แต่เขามักจะใช้ลูกน้องที่ไร้สมองของตัวเองพุ่งเข้าไปหาความตายก่อนจากนั้นเขาถึงค่อยอ้างผลงานทั้งหมดเป็นของตัวเอง หรือถ้าเห็นว่าสู้ไม่ได้จริง ๆ เขาก็แค่ขอยอมแพ้!

ลูกผู้ชายต้องยืดได้หดได้โว้ย!

“พ…พี่ชายไว้ชีวิตผมด้วยเถอะ!”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชายหัวล้านร่างกำยำที่มีส่วนสูงเกิน 1.8 เมตร ก็คุกเข่าลงทันที!

‘ผลั่ก!’

ด้วยเสียงคุกเข่าลง บรรดาสมาชิกแก๊งวาฬยักษ์ที่เหลือต่างตกตะลึงจนแทบหยุดหายใจ!

ปากของพวกเขาเปิดกว้าง และตาของพวกเขาแทบถลนออกมาเบ้า!

พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกพี่ของตัวเองจู่ ๆ ก็คุกเข่าลงอ้อนวอนอีกฝ่ายแบบนี้!

“ล…ลูกพี่…นี่มัน…”

ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังพูดไม่ออก

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมลูกพี่ของเขาถึงคุกเข่าลง?

แต่ด้วยฐานะสมาชิกระดับรากหญ้า เขาจึงไม่มีข้อมูลว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามน่ากลัวขนาดไหน!

“พวกแกทั้งหมดห้ามเคลื่อนไหวเด็ดขาด!”

สวีเปียวรู้ดีว่ามันน่าละอายที่คุกเข่าให้กับฝ่ายตรงข้ามต่อหน้าลูกน้องของเขาแบบนี้ แต่อีกฝั่งหนึ่งเป็นใครกันล่ะ?

เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่สามารถฆ่าคนนับร้อยได้ง่าย ๆ ศักดิ์ศรีมันจะมีค่าอะไรอีก?

“พ…พี่อวี้! ครั้งนี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นพี่ที่อยู่ที่นี่ ผมขอร้องพี่โปรดช่วยคิดซะว่าผมแค่บังเอิญผ่านมาเท่านั้นจะได้ไหม? และถ้าพี่ไม่ว่าอะไรผมจะพาคนของผมจากไปเดี๋ยวนี้!”

หลังจากพูดจบ บรรดาลูกน้องของสวีเปียวที่อยู่รอบ ๆ ต่างแสดงสีหน้าโง่งม

พวกเขาไม่เคยเห็นลูกพี่ตัวเองทำอะไรที่มันน่าละอายมากขนาดนี้เลย

นี่ลูกพี่ของพวกเขาบ้าไปแล้วงั้นเหรอ ถึงได้คุกเข่าลงเรียกอีกฝ่ายว่า ‘พี่’ แล้วขอความเมตตาเพื่อที่จะได้จากไปแบบนี้

เมื่อเห็นฉากนี้ หนึ่งในลูกน้องที่ไม่เข้าใจ แถมกลับมีความคิดอยากสร้างผลงานไต่เต้าตำแหน่งในแก๊งจนไม่ดูสถานการณ์ก็ตะโกนขึ้นเสียงดังลั่นด้วยสีหน้าห้าวหาญ

“ลูกพี่! ไอ้นี่มันแค่ขยะ! คุณคุกเข่าให้มันไปทำไม! ลูกพี่คอยดูผมนะ ผมจะฟันคอไอ้เวรนี่ให้หลุดภายในครั้งเดียวให้ลูกพี่ดู!!”

หลังจากพูดจบเขาก็วิ่งปรี่เข้าไปหาอวี้ฮ่าวหราน พร้อมกับเหวี่ยงมีดในมือ!

ขณะนี้เขาคิดถึงแค่โอกาสที่จะได้สร้างผลงานและรู้สึกว่าลูกพี่ของเขาไม่น่าเคารพอีกต่อไปแล้ว หากเขาฆ่าชายหนุ่มตรงหน้าได้เขาจะได้เลื่อนตำแหน่งในแก๊ง และอีกไม่นานเขาจะได้ก้าวข้ามหัวสวีเปียวที่โง่เขลาและขี้ขลาดขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่กว่าแน่นอน!!

“บัดซบแล้วไง!”

เมื่อสวีเปียวเห็นภาพนี้ เขาก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เขาอยากจะพุ่งตัวไปขวางแต่มันก็สายเกินไปแล้ว!

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานหัวเราะอย่างขบขันทันทีเมื่อเห็นว่ามีมดแมลงตัวหนึ่งที่อยากจะไต่เต้าตำแหน่งในแก๊งเล็ก ๆ ไร้ค่าพุ่งเข้ามาอย่างโง่เขลาราวกับรนหาที่ตาย

“ฮึ่ม! แกมันก็แค่คนที่กำลังจะตาย แกกล้าดียังไงมาทำหน้าทำตาหยิ่งผยองต่อหน้าฉัน แกตายแน่!!”

เมื่ออะดรีนาลีนหลั่งสุดขีดจากความตื่นเต้นที่จะได้สร้างผลงานและจินตนาการที่จะได้เลื่อนตำแหน่งในแก๊ง ลูกน้องของสวีเปียวก็พุ่งเข้าหา อวี้ฮ่าวหรานอย่างดุร้ายและฟันด้วยมีดอย่างโง่เขลา!

เขาภูมิใจในพฤติกรรมของตัวเองมากในตอนนี้ เมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายตาย ชื่อเสียงของเขาในแก๊งจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในทันใด!

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เข้าใจเช่นกันว่า ทำไมไม่มีใครเลยรีบวิ่งตามเขามา และเขาไม่รู้ว่าทำไมสวีเปียวถึงได้หวาดกลัวนัก แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันไม่ทันแล้ว เขาตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะฆ่าอีกฝ่ายให้ได้เพื่ออนาคตอันรุ่งโรจน์ของตัวเอง!