บทที่ 167บัตรทองดำ

The king of War

โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานประมูลแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขาเคยเข้าร่วมเป็นครั้งแรก และรู้ดีถึงความระมัดระวังของตระกูลเมิ่งผู้จัดงานหลัก

ที่แท้พอหยวนเซ่าเพิ่งพูดจบ ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งก็เดินลงมาจากชั้นสอง

“นั่นหงฝู ผู้รับผิดชอบทำหน้าที่ดำเนินงานประมูลโดยเฉพาะของตระกูลเมิ่ง!”

“เมื่อก่อนงานประมูลแบบนี้ เขาไม่เคยเปิดเผยตัวมาก่อน วันนี้กลับปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว”

“ดูแล้วคุณภาพ‘สินค้า’ในครั้งนี้คงสูงมาก ตระกูลเมิ่งจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นหงฝูคงไม่ปรากฏตัวหรอก”

……

ผู้คนโดยรอบมองเห็นหงฝูปรากฏตัวขึ้น ล้วนทำท่าทางตกใจ

มุมปากหยวนเซ่าฉีกขึ้นเบาๆ มองหยางเฉินอย่างดูถูกแวบหนึ่ง จากนั้นหรี่ตาพูดว่า “ไอ้หนุ่ม ฉันจะดูหน่อยสิว่าถ้านายไม่มีหนึ่งร้อยล้าน จะยุติลงยังไง!”

หยางเฉินนั่งหน้าตานิ่งเฉยอยู่ตรงนั้น และไม่มีความคิดจะลุกขึ้นด้วยซ้ำ ไม่เหมือนพวกคนจนที่กำลังจะโดนไล่ออกไปจากคลับหลงเถิงสักนิดเดียว

ตอนที่ซูซานมองเห็นหงฝู บนใบหน้าดูตกใจขึ้นมานิดๆ เช่นกัน ขณะเดียวกันยังกังวลใจขึ้นมามากด้วย

สถานะของหงฝู เธอในฐานะลูกสาวคนรวยย่อมรู้ดี

การที่สามารถรับผิดชอบงานประมูลสำคัญเช่นนี้แทนตระกูลเมิ่งได้ พอจะอธิบายได้แล้วว่าเขาเป็นผู้ที่ได้รับความสำคัญมากแค่ไหนในตระกูลเมิ่ง

“สวัสดีครับคุณผู้ชาย ผมคือหงฝูผู้รับผิดชอบงานประมูลในคืนนี้ ขอความกรุณาคุณให้ความร่วมมือกับพวกเราในการตรวจสอบเงินทุนด้วยครับ!”

หงฝูเดินมาด้านหน้าของหยางเฉิน ไม่ได้เพิกเฉยแม้แต่น้อยเพราะหยางเฉินถูกสงสัย ท่าทางสุภาพมากตั้งแต่ต้นจนจบ

“ลุงหงคะ เขาเป็นเพื่อนที่หนูพามาเอง คุณลุงคิดว่าพอจะข้ามการตรวจสอบเงินทุนขั้นตอนนี้ไปได้หรือเปล่าคะ?”

เห็นได้ชัดว่าซูซานรู้จักกับหงฝู แต่สีหน้ายังคงเคร่งขรึมมาก

หงฝูราวกับคนที่ไม่มีความรู้สึกแม้สักนิดคนหนึ่ง พูดจาด้วยหน้าตาไร้อารมณ์ “คุณซู ขอโทษด้วยนะครับ ว่าตามกฎระเบียบแล้ว ไม่ว่าใครที่เข้าไปในงานประมูล จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบเงินทุนครับ!”

บนหน้าซูซานเต็มไปด้วยความกังวล ถึงแม้เธอจะรู้ว่าหยางเฉินไม่ธรรมดา แต่ไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถนำเงินหนึ่งร้อยล้านออกมาได้ในครั้งเดียว

“ลุงหง……”

ซูซานกำลังอยากพูดต่อไป กลับถูกหงฝูขัดจังหวะ “คุณซู เห็นแก่หน้าของคุณพ่อของคุณ ผมจะไม่ถือสาหาความกับคุณได้ แต่ถ้าคุณยังดันทุรังต่อไป งั้นอย่าโทษว่าผมไม่ไว้หน้าตระกูลซูนะครับ!”

หงฝูยังคงมีท่าทางนิ่งสงบแบบนั้น แม้กระทั่งน้ำเสียงที่พูดจายังไม่เปลี่ยนอีกด้วย แต่ใครๆ ต่างสามารถสัมผัสได้ถึงการข่มขู่และแข็งกร้าวในคำพูดของหงฝู

หยางเฉินมองหงฝูด้วยความรู้สึกสนใจ ไม่เคยเจอคนประเภทมานานมากแล้ว

คนประเภทนี้ ภายใต้สถานการณ์ปกติมีสองแบบ แบบแรกเป็นคนทั่วไปไม่ได้คาดหวังต่อสิ่งใด เป็นประเภทที่สภาพจิตใจดีมาก อีกแบบหนึ่งคือเสแสร้ง

แต่ที่อยู่ตรงหน้านี้ เขายังมองไม่เห็นท่าทางที่แกล้งทำบนตัวของหงฝูออกมาสักนิด นั่นอธิบายได้เพียงว่าเขาเป็นแบบแรก สภาพจิตใจดีมาก ไม่คาดหวังต่อสิ่งใด

คนประเภทแบบเขา จริงจังต่อการทำงานเป็นที่สุด เป็นประเภทที่ถึงไม่โกรธแต่ก็ดูน่าเกรงขาม สำหรับเจ้านาย เขาจะละเอียดถี่ถ้วน สำหรับลูกน้อง คำสั่งของเขา ไม่อนุญาตให้ใครสงสัยทั้งนั้น ทุกอย่างมองเพียงผลลัพธ์

จากมุมมองด้านความสำเร็จนั้น คนแบบนี้ประสบความสำเร็จได้ง่ายที่สุด

เวลานี้กวนเจิ้งซานเดินเข้ามาแล้ว สีหน้าดูไม่ดีอย่างมาก

“คุณหง เขาเป็นเพื่อนต่างวัยของผม ขอให้คุณเห็นแก่หน้าผม……”

คำพูดของกวนเจิ้งซานยังพูดไม่จบ ในสายตาของหงฝูสาดยิงแสงเหน็บหนาวออกมาทันใด แต่น้ำเสียงยังคงปกติ สีหน้าไม่หวั่นไหว เอ่ยปากบอก “ตระกูลกวนเล็กๆ คู่ควรให้ฉันหงฝูไปเห็นแก่หน้าตาของพวกนายด้วยเหรอ? ถ้ามีใครกล้าแทรกแซงเรื่องของฉันอีก ก็ไสหัวออกไปจากที่นี่เองเลย!”

คำพูดประโยคนี้ของหงฝูไม่ไว้หน้ากวนเจิ้งซานเลยแม้แต่น้อย นี่ทำให้สีหน้าเขายิ่งดูแย่เพิ่มขึ้นในชั่วขณะนั้น

เขาไม่ได้เป็นห่วงหยางเฉินว่าจะไม่มีทางผ่านการตรวจสอบเงินทุน แต่ในเวลานี้แบบนี้ เขาจำเป็นต้องออกมาแสดงท่าที ต่อให้เป็นตระกูลเมิ่ง ก็ห้ามเหยียดหยามหยางเฉิน

ก่อนหน้าเป็นซูซาน ต่อมาเป็นกวนเจิ้งซาน คาดไม่ถึงจะออกหน้าแทนหยางเฉินติดๆ กัน นี่ทำให้ผู้คนมากมายที่เดิมทีสงสัยหยางเฉินต่างทำท่าทางแปลกใจ

ขอให้เป็นคนที่สามารถเข้างานประมูลครั้งนี้ได้ ล้วนร่ำรวยมีคนนับหน้าถือตามาก คนที่สามารถดึงตระกูลร่ำรวยสองที่มาช่วยเหลือได้ นี่พอจะพูดได้ว่าหยางเฉินไม่ธรรมดา

“ในเมื่อคุณหงอยากตรวจเงินทุน ผมจะให้ความร่วมมือก็ได้!”

กวนเจิ้งซานเพิ่งพูดจบ ทันใดนั้นหยางเฉินก็รับปากตรวจเงินทุน ทว่าหลังจากนั้นเขาหรี่ดวงตาขึ้นมาเล็กน้อย “แต่ถ้าผมผ่านการตรวจเงินทุนได้ งั้นคนที่ใส่ร้ายผมเมื่อกี้ควรโดนลงโทษหรือเปล่า?”

ได้ยินดังนั้น หยวนเซ่าสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ทันที

เขาคิดแค่ว่าทำอย่างไรจะยืมมือของตระกูลเมิ่งมาไล่หยางเฉินออกไปได้ แต่ไม่เคยนึกถึงว่าถ้าเกิดหยางเฉินผ่านการตรวจสอบได้ ตระกูลเมิ่งจะจัดการเขาอย่างไร

“ขอเพียงคุณผ่านการตรวจสอบไปได้ นั่นคือแขกพิเศษของงานประมูล ไม่ว่าใครไม่มีสิทธิ์มาใส่ร้ายคุณทั้งนั้น”

หงฝูกล่าวด้วยหน้าตาไร้ความรู้สึก “สำหรับคนที่ใส่ร้ายคุณเมื่อสักครู่ ทำได้แค่ต้องออกไป โดยเฉพาะจะถูกขึ้นบัญชีดำไว้ วันหลังขอเพียงเป็นงานประมูลที่ผมรับผิดชอบ เขาล้วนไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม!”

หงฝูพูดประโยคนี้ออกมา สีหน้าหยวนเซ่าดูแย่ถึงขั้นสุดแล้ว รวมทั้งหยวนมู่ก็หน้าตาอึมครึมเช่นกัน

แต่ทว่าความโกรธของพวกเขาเพียงพุ่งเป้าไปยังหยางเฉิน

“ได้!”

หยางเฉินหัวเราะนิ่งๆ หยิบบัตรทองดำใบหนึ่งออกมา ถือโอกาสฟาดลงบนโต๊ะ

เขามองหงฝูแบบหน้าตามีเลศนัย จากนั้นพูดว่า “ไม่รู้ว่าบัตรของผมใบนี้สามารถผ่านการตรวจสอบได้หรือไม่?”

ตอนที่หยางเฉินหยิบบัตรใบนี้ออกมา ลูกตาของหงฝูหดตัวลง บัตรประเภทนี้ ต่อให้เป็นเขาก็เคยเห็นเพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นของเจ้าบ้านตระกูลเมิ่งทางนั้น

นี่คือบัตรระดับสูงสุดของธนาคารสากล และเป็น‘King Card’ที่ทั้งโลกยอมรับ มันอยู่ตำแหน่งบนสุดในกลุ่ม ไม่มีจำนวนจำกัด เจ้าของบัตรส่วนมากมักเป็นมหาเศรษฐีและคนมีชื่อเสียงโด่งดัง

ที่สำคัญสุดคือบัตรทองดำไม่มีการยื่นเรื่องขอทำบัตร แต่เมื่อคนคนหนึ่งมีทรัพย์สมบัติและชื่อเสียงถึงระดับโลก ธนาคารสากลจะเป็นผู้เชื้อเชิญทำเรื่องเอง

เจ้าของบัตรสามารถดื่มด่ำการต้อนรับแสนพิเศษ ผลประโยชน์ และบริการของสมาชิกระดับสูงสุดทั่วทั้งโลก

King Cardระดับเช่นนี้ แม้แต่ผู้นำตระกูลยิ่งใหญ่ชั้นนำบางส่วนยังไม่ได้รับบัตรทองดำเลย คาดไม่ถึงจะปรากฏอยู่ในมือชายหนุ่มที่อายุยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดคนหนึ่ง

นี่เป็นไปได้อย่างไร?

นี่คือความคิดแรกในหัวสมองของหงฝู

และพูดได้ว่าขอเพียงบัตรใบนี้เป็นของจริง ย่อมไม่ต้องตรวจเงินทุน โดยเฉพาะนี่คือบัตรที่ไม่มีจำนวนจำกัดใบหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงเงื่อนไขหนึ่งร้อยล้าน ถึงแม้จะเป็นเงื่อนไขหนึ่งหมื่นล้านก็สามารถผ่านไปได้

“บัตรทองดำ!”

หยวนเซ่าในฐานะลูกชายตระกูลร่ำรวยชั้นนำของเมืองโจวเฉิง ย่อมรู้จักบัตรทองดำเป็นธรรมดา

สีหน้าเขาตื่นตกใจ แต่ไม่นานบนหน้าเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย ยิ้มเยาะบอก “หยางเฉินนะหยางเฉิน ไม่รู้จริงๆ ว่าควรเรียกนายโง่ หรือควรเรียกนายไม่มีความรู้ดี นึกไม่ถึงจะแกล้งทำตัวเป็นเจ้าของบัตรดำ”

“คุณหง ผมบอกคุณตามตรงนะ ความจริงแล้วไอ้หนุ่มนี้เป็นคนเมืองโจวเฉิง ลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงของตระกูลรั้งท้ายที่ใกล้จะล้มละลาย คนแบบนี้จะมีบัตรทองดำได้อย่างไรกัน?” หยวนเซ่าหัวเราะอยู่พลางพูดขึ้น

ถึงแม้ว่าหงฝูจะสงสัย แต่อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีหลักฐาน คงไม่สามารถประกาศว่าบัตรทองดำของหยางเฉินเป็นของปลอม

หยางเฉินไม่ได้พูดอะไร กำลังรอการตัดสินใจของหงฝู

“ตรวจเงิน!”

ในที่สุดหงฝูยังตัดสินใจตรวจสอบเงินทุน มีเพียงผ่านการตรวจสอบ เขาถึงรู้ว่าเรื่องนี้จะยุติลงอย่างไร

ไม่นานนัก เมื่อสักครู่เจ้าหน้าที่คนนั้นที่หยิบบัตรทองดำของหยางเฉินไปก็เดินเข้ามาแล้ว สีหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติมากๆ กระซิบบอกที่ข้างหูของหงฝูว่า “ของจริง!”

สองคำนี้ ทำให้บนหน้าที่สงบนิ่งของหงฝู ในชั่วขณะนั้นปรากฏความตื่นตระหนกนิดๆ