“คุณคะ ถ้ายังเข้ามาใกล้ฉันอีก ฉันจะเรียกตำรวจนะ!” อันซย่าซย่าหยิบโทรศัพท์ออกมาขณะตะโกนขู่ด้วยเสียงสั่นพร่า  

 

 

ชายคนนั้นไม่สนใจคำขู่ของเธอเลย ระหว่างนั้นก็เดินเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มน่าขยะแขยงบนใบหน้า เขาคืบเข้ามาใกล้เธออีกหลายก้าว หญิงสาวก็ถอยหนีไปเรื่อยเช่นกันด้วยสีหน้าวิตกกังวล 

 

 

ในตอนที่ผู้ชายคนนั้นอยู่ห่างไปเกือบช่วงแขน กำปั้นหนักหน่วงและตรงเป้าก็ซัดเข้าที่หน้า หมอนั่นร้องด้วยความเจ็บขณะล้มลงกับพื้น 

 

 

“ใครทำฟะ แกเป็นใคร! กล้าดียังไงมาต่อยฉัน คิดว่าฉันจะไม่เรียกตำรวจหรือไง!” ชายคนนั้นสบถขณะที่อันซย่าซย่ากำลังตกตะลึงก็เห็นว่าคนที่มาช่วยเป็นใคร 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อหักนิ้วพลางตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พอถูกต่อยก็คิดจะเรียกตำรวจ แล้วทีเวลาแกลวนลามผู้หญิงล่ะ ทำคนอื่นได้แต่คนอื่นกลับทำตัวเองไม่ได้อย่างนั้นเหรอ คุณครับ คุณนี่มันทุเรศจริงๆ” 

 

 

เจ้าหมอนั่นเถียงไม่ออก และเมื่อเพื่อนอีกสองคนของเขาเห็นว่าเซิ่งอี่เจ๋อดูท่าทางไม่ใช่คนที่ควรจะยุ่งด้วย ทั้งสองคนก็รีบช่วยเพื่อนที่เมาให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะรีบเผ่นหนีไป 

 

 

“เป็นอะไรไหม” เซิ่งอี่เจ๋อถามอย่างประดักประเดิด 

 

 

อันซย่าซย่าส่ายหน้าก่อนจะถามกลับอย่างเขินๆ “นายยังไม่กลับเหรอ” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อขยับหมวก “เอ่อ ฉันลืมอะไรไว้น่ะ ก็เลยกลับมาเอา” 

 

 

“อ้อ… ขอบใจนะ ว่าแต่ลืมอะไรเอาไว้เหรอ ฉันจะช่วยหาให้!” หญิงสาวขันอาสา 

 

 

“…” เซิ่งอี่เจ๋อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะโพล่งออกมา “ยัยบื้อ!” 

 

 

“เอ้า ทำไมโมโหอีกแล้วล่ะ!” คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน “ฉันอาจจะไม่ได้ฉลาดมาก แต่ไอคิวก็ปกตินะ ทำไมถึงชอบว่าฉันโง่อยู่เรื่อย” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อขุ่นเคือง แต่ก็ไม่อยากเถียงกับเธออีก เขาเลยจับคอเสื้อเธอไว้แล้วลากไป 

 

 

“นี่! จะพาฉันไปไหน” 

 

 

“บ้าน!” ชายหนุ่มตอบอย่างเย็นชา แต่ก็สลับที่กับเธอ ให้เธอเข้ามาเดินฝั่งข้างในทางเท้าห่างจากถนน 

 

 

เด็กสาวไม่ได้สังเกตถึงความตั้งใจดีของเขา เห็นแต่เพียงว่าความโกรธของเขาช่างน่ารังเกียจเหลือทน! 

 

 

หลังจากที่ทั้งคู่ขึ้นรถแล้ว เซิ่งอี่เจ๋อก็แจ้งที่อยู่ของบ้านตระกูลอันกับคนขับรถ จากนั้นก็นั่งเอนหลังหลับตาลงเพื่อพักเหนื่อย 

 

 

หลังจากรีบวนกลับมาจัดการกับเหตุล่าสุดและต้องรับมือกับเรื่องจุกจิกของยัยคนนี้แล้ว เขาก็แทบหมดแรง 

 

 

ฝ่ายอันซย่าซย่านั้นแอบหยิบโทรศัพท์ออกมา ล็อกอินเข้าด้วยบัญชีสำรองแล้วก็เริ่มแต่งโพสต์อย่างขมีขมัน เตรียมพร้อมจะใส่ไฟเซิ่งอี่เจ๋อเต็มที่! 

 

 

เฮอะ! เธอจะแฉนายคนน่ารังเกียจนี่อย่างไม่ปรานีเลย เธอจะแฉ! แฉ! และแฉ! 

 

 

อากาศเย็นๆ ข้างนอกพัดกรูผ่านกระจกรถเข้ามา เธออดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น เมืองอวี้ในเดือนกันยายนนั้นยังพอมีแสงแดดส่องอยู่บ้างถึงแม้จะเป็นช่วงปลายเดือนเช่นนี้ก็ตาม แต่อุณหภูมิก็เริ่มลดลงบ้างแล้ว 

 

 

อันซย่าซย่ากำลังติดพันอยู่กับการแต่งโพสต์เมื่อมีเสื้อมาคลุมศีรษะ และในเวลาเดียวกันกระจกรถก็ถูกเลื่อนขึ้นเพื่อปิด 

 

 

“หืม” เธอดึงผ้านั้นลงมาเล็กน้อยและด้วยแสงสลัวๆ จากหน้าจอมือถือ ก็เห็นว่ามันเป็นเสื้อแจ็กเก็ตของผู้ชาย จากสไตล์เสื้อผ้าแล้ว มันก็น่าจะเป็นของเซิ่งอี่เจ๋อ… 

 

 

อา… ทำไมอยู่ๆ เขาถึงมาทำดีกับเธอ… 

 

 

“สวมซะสิ เธอยิ่งไม่ฉลาดอยู่ ถ้าเกิดสมองพังจากไข้หวัดจะทำยังไง” เซิ่งอี่เจ๋อจงใจกระแนะกระแหนซ้ำเติม 

 

 

เธอพูดอะไรไม่ออกเลย นายคนนี้ช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ … 

 

 

ทีแรกเธอก็อยากจะดึงดันและปฏิเสธไม่รับเสื้อ แต่มันหนาวจริงๆ หลังจากคิดถี่ถ้วนแล้วเธอจึงสวมแจ็กเก็ต 

 

 

เสื้อเขาตัวใหญ่มากแต่มันก็อุ่นและมีกลิ่นอายเฉพาะตัวติดอยู่ในนั้นซึ่งทั้งสะอาดสดชื่น พอได้สวมเสื้อแจ็กเก็ตของเขาแล้ว อันซย่าซย่าก็ก้มดูโพสต์ที่พิมพ์ค้างไว้ แต่แล้วอยู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะพิมพ์อะไรต่อดี 

 

 

ระหว่างที่กำลังอยู่ในภวังค์ อยู่ๆ เซิ่งอี่เจ๋อก็กระเถิบเข้ามาใกล้พลางถาม “ทำอะไรน่ะ หมายความว่ายังไงที่ว่าเซเลบชายนามสกุล ซ. เป็นคนเจ้าเล่ห์แถมยังขี้วีนน่ารังเกียจที่สุด…” 

 

 

อ๊าย! เธอถูกจับได้ซะแล้ว!