บทที่ 175 หนานหว่านเยียน เจ้าหุบปากให้ข้าเดี๋ยวนี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 175 หนานหว่านเยียน เจ้าหุบปากให้ข้าเดี๋ยวนี้

หนานหว่านเยียนแอบเกลียดความซวยในใจอยู่หลังภูเขาจำลอง แล้วรีบสลัดหนอนทิ้งไป หลับตาทั้งคู่แน่นแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง แล้วเดินออกมาจากตรงนั้น

นางหัวเราะแหะ ๆ ออกมาคำหนึ่ง แล้วโบกมือให้กู้โม่หานกับหนานชิงชิงเล็กน้อย “อย่าตื่นเต้นไป แค่เดินผ่านมา แค่เดินผ่านมา”

พอกู้โม่หานมองเห็นหนานหว่านเยียน ม่านตาก็หดตัวแน่นขึ้นมาอย่างไม่ทันสังเกตเห็น

คือหนานหว่านเยียนเหรอ นางได้ยินแล้วเหรอ? ได้ยินไปเท่าไหร่กัน?

หนานหว่านเยียนกลับไม่รู้ว่าจะเขาคิดอะไรอยู่ ใบหน้าดูสบาย ๆ กะว่าพอเดินผ่านทั้งสองคนไปได้แล้วก็จะหนีไปเลย

เรื่องราวความรักชายหญิงแบบนี้ นางไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยเลย

หนานชิงชิงกลับยื่นมือไปขวางนางไว้ ความอ่อนโยนทั้งหมดที่มีอยู่บนใบหน้าเมื่อกี้ถูกนางปิดบังลงไป

นางแสร้งทำเป็นสงบนิ่งยิ้มให้กับหนานหว่านเยียนทีหนึ่ง “ที่แท้คือน้องสาวนี่เอง เมื่อกี้ข้ากับน้องหกกำลังระลึกความหลังอยู่ด้วยกัน ก็เลยคุยกันไปนานหน่อย หวังว่าน้องสาวจะไม่ถือสานะ”

นางดูใจกว้าง ดูไม่มีอะไรไม่สมควร

หนานหว่านเยียนแค่“อ๋อ”ไปคำเดียวอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็สะบัดมือเล็กน้อย “งั้นก็อย่าสนใจข้าเลย พูดคุยกันต่อไปเถอะ ข้าไม่รบกวนแล้ว พวกท่านสองคนเชิญสนุกกันต่อไปเถอะ”

เป็นเรื่องทั่วไปหรือเปล่านั้น หนานหว่านเยียนก็ฟังรู้เรื่องพอสมควรแล้ว ที่สำคัญนางก็ไม่สนใจว่ากู้โม่หานจะมีผู้หญิงมากมายแค่ไหน และมีเรื่องในอดีตกับผู้คนไปมากมายเท่าไหร่

กู้โม่หานกับหนานชิงชิงต่างก็เป็นคนพวกเดียวกัน กินของที่อยู่ในถ้วยอยู่แต่ก็จ้องของในหม้อไปด้วย ไม่มีใครเป็นคนดีสักคน

หนานชิงชิงไม่เห็นท่าทางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟของหนานหว่านเยียน แถมยังหาความอิจฉาริษยาหรือโกรธเคืองในดวงตาหนานหว่านเยียนไม่ได้เลยสักนิด รู้สึกเหมือนต่อยลงไปในนุ่นขึ้นมาทันที ตัวเองอัดอั้นจนร้อนรน

“น้องสาวมีข้อคิดเห็นที่ข้ากับอ๋องอี้ใกล้ชิดกันเกินไปหรือเปล่า? แต่พวกเราไม่มีอะไรกันจริง ๆ นะ……”

เห็นได้ชัดเลยว่าคำพูดนี้ต้องการที่จะทิ่มแทงนาง แต่หนานหว่านเยียนกลับไม่รู้สึกโกรธ และไม่เกรงกลัว หนานชิงชิงยื่นใบหน้ามาให้นางตบถึงที่แล้ว นางจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอดกลั้นเอาไว้

นางพูดกับทั้งสองคนอย่างมีความหมายลึกซึ้งขึ้นมาประโยคหนึ่ง “จะมีหรือไม่มีอะไร ก็เป็นเรื่องของพวกเจ้า พวกเจ้ามีใจเป็นหนึ่งเดียว จะหวนคิดถึงเรื่องในอดีตบ้างก็เป็นเรื่องปกติ”

“แต่น่าเสียดาย ที่วันนี้อ๋องเฉิงไม่อยู่ด้วย ไม่งั้น ไม่รู้ว่าถ้าเขามาได้ยินพี่สาวเอาแต่โอนเอียงไปหาสามีคนอื่นตลอด จะมีปฏิกิริยายังไงบ้าง”

พอได้ยินแบบนี้ สีหน้าของหนานชิงชิงก็ขาวซีดไปทันที ในใจรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

หนานหว่านเยียนมาได้ยินเข้าแล้วเหรอ?!

จุดอ่อนและความลับของนาง มาเปิดเผยให้หนานหว่านเยียนคนที่ไม่อยากให้รู้เรื่องที่สุดแบบนี้เลยเหรอ?!

นางกำลังจะเปิดปากพูด น้ำเสียงที่เย็นชาของกู้โม่หานก็ดังขึ้นจากด้านข้าง “พอแล้ว!”

“หนานหว่านเยียน เจ้าหุบปากให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

ไม่รู้ทำไม พอได้ยินการเยาะเย้ยของหนานหว่านเยียน ทุกตัวอักษรทุกคำพูด เหมือนเป็นหนามทุก ๆ อัน มาทิ่มลงใจเขา

ทีแรกก็เป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่จริงอยู่แล้ว พอตอนนี้หนานหว่านเยียนมาได้ยินเข้า ไม่เพียงไม่โกรธหรือหึงหวง แต่กลับมีท่าทางเหมือนได้ดูเรื่องสนุก มันทำให้เขาไม่ชอบใจมาก

หนานหว่านเยียนเหล่ตามองเขาทีหนึ่ง แต่กลับไม่ลนลานสักนิด

“ทำไม กล้าทำ แต่ไม่กล้าให้คนอื่นว่าเหรอ? ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ เจ้ากับนางเป็นนกเป็ดน้ำที่มีชีวิตน่าสงสารคู่หนึ่ง งั้นนางในฝันของเจ้าคืออะไรกันแน่? คือนกเป็ดน้ำที่เป็นตัวสำรองเหรอ?”

ฟังคำว่าตัวสำรองไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้กู้โม่หานคิดว่าเป็นคำที่ดีอะไรแน่นอน

เขาถลึงตาใส่นางอย่างโมโห “เจ้า……หนานหว่านเยียน! ห้ามพูดจาไปเรื่อยนะ!”

หนานชิงชิงจ้องมองกู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนเถียงกันไปมา ถึงจะไม่ได้ถือว่าทะเลาะกัน แต่เห็นได้ชัดว่ามีความรู้สึกอยู่เต็มเปี่ยม อยู่ ๆ อารมณ์ก็เสียไปทันที

สีหน้าของนางดูขาวซีดกว่าเมื่อกี้นิดหน่อย แล้วตั้งใจพูดอธิบายขึ้นว่า “ไม่ใช่แบบนั้น พวกเราแค่คุยกับธรรมดาจริง ๆ ไม่มีความสัมพันธ์อะไรจริง ๆ น้องสาว เจ้า……”

“เลิกพูดได้แล้ว! หนานชิงชิง! เรื่องที่ไม่มีอยู่จริงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดขึ้นมาอีก!”

ในใจกู้โม่หานอัดอั้นเป็นอย่างมาก จึงพูดขัดคำพูดของหนานชิงชิงไป เขามองไปทางหนานหว่านเยียน แล้วเปิดปากพูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง

“เจ้าก็ด้วยอีกคน หนานหว่านเยียน ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ!”

ปกป้องกันอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ หนานหว่านเยียนเอ๊ะขึ้นมาคำหนึ่ง แอบด่าผู้ชายชั่วในใจไปคำหนึ่ง

อยู่ ๆ ขันทีเล็กคนหนึ่งก็เดินเข้ามาอย่างลังเล

“ข้าน้อยขอคารวะท่านอ๋องอี้ พระชายาอี้ พระชายาเฉิง” เขาทำความเคารพทั้งสามคนอย่างนอบน้อม แล้วพูดกับหนานชิงชิงตามลำพังไปไม่กี่ประโยค แววตาของหนานชิงชิงเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันมาพูดกับกู้โม่หานขึ้นว่า “ข้าไปก่อนนะ”

กู้โม่หานยังคงไม่สนใจนาง ครั้งนี้นางเองก็ไม่ได้พยายามฝืน

ก่อนจากไป นางส่งสายตาที่แฝงแววตักเตือนไปให้หนานหว่านเยียนทีหนึ่ง พอหนานหว่านเยียนเห็นเข้าก็ยิ้มเย็นอย่างไม่มีเสียงทีหนึ่ง ในดวงตาเกิดความเยือกเย็นขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

กู้โม่หานสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง ทีแรกเขาอยากจะถามนางว่าทำไมถึงช้าขนาดนี้ แต่พอเปิดปากพูด สิ่งที่พูดออกมากลับเป็น……

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

หนานหว่านเยียนจ้องมองเขาทีหนึ่ง “ข้าจะกลับจวนอ๋อง แล้วผ่านมาทางนี้พอดี ทำไม? มาพบเจอเรื่องดีของเจ้าเข้า เจ้าเลยไม่พอใจใช่ไหมล่ะ?”

หัวใจกู้โม่หานอัดอั้นขึ้นมาอีกครั้ง หนานหว่านเยียนประชดเขามาติด ๆ ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

“เรื่องในวันนี้ อะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด ทางที่ดีใจเจ้าควรจะเข้าใจให้ชัดเจน! ถ้ามีอะไรเปิดเผยออกไป ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

หนานหว่านเยียนจ้องมองเขาทีหนึ่ง “งั้นก็ต้องดูตามอารมณ์ข้า ถ้าเจ้าทำข้าโกรธ ก็อย่ามาโทษข้าว่าคุมปากตัวเองไว้ไม่อยู่ก็แล้วกัน”

นางไม่กลัวกู้โม่หานข่มขู่หรอก สถานการณ์เป็นยังไงก็เอาตามนั้น มีครั้งไหนที่นางเคยกลัวบ้าง?

ที่สำคัญ สิ่งที่พวกนักฆ่าพวกนั้นต้องการคือชีวิตของนาง บัญชีของนางกับหนานชิงชิงยังไงก็ต้องคิด ถ้าเกิดวันไหนกู้โม่หานทำให้นางโกรธขึ้นมาจริง ๆ นางก็จะทำให้เรื่องนี้ใหญ่โตจนคนรู้กันไปทั่วเลย

สายตาของกู้โม่หานไปหยุดนิ่งอยู่ที่หนานหว่านเยียน จากสายตาของนางสามารถมองเห็นความจริงจังและความเย็นชา ต้องรู้ไว้นะ ว่าหนานหว่านเยียนสามารถทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้จริง ๆ

เขานึกถึงเรื่องที่หนานชิงชิงพูดขึ้นมาเมื่อกี้ เรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมารดาของเขา

อยู่ ๆ ในดวงตาชายหนุ่มก็เกิดความโกรธเคืองและความเกลียดขึ้นมาทันที “ในเมื่อเจ้าได้ยินหมดแล้ว งั้นข้าก็ตามข้าไปพบคนคนหนึ่งซิ”

“ข้าจะให้เจ้าได้เห็น ว่าตกลงตระกูลหนานของพวกเจ้า ได้ทำบาปกรรมอันเลวร้ายอะไรไว้กับข้าบ้าง……”