บทที่ 172 บทบาทที่แท้จริงของอนุสรณ์ของจอมจักรพรรดิ!
ร่างจําแลงหนุ่มของจอมจักรพรรดิอู่จื่อตบด้วยฝ่ามือเดียวและองค์ชายหยวนก็กระเด็นออกไปจากนั้นร่างจ่าแลงก็หายไปแล้วกลับไปที่อนุสรณ์สวรรค์ปรากฏร่างของจอมจักรพรรดิอู๋จื่อหนุ่มในอดีตอีกครั้ง
ฉากนี้ทําให้ราชันผู้กําแหงในปัจจุบันรู้สึกหนาวสั่นและสัมผัสได้ถึงความคิดของราชันผู้กําแหงรุ่นเดียวกันกับจอมจักรพรรดิอู๋จื่อในตอนนั้น
นี่เป็นเพียงร่องรอยที่จอมจักรพรรดิอู๋จื่อทิ้งไว้และถูกจารึกไว้โดยฟ้าดินไม่ใช่จอมจักรพรรดิอู๋จื่อวัยหนุ่มที่แท้จริง
มีข่าวลือว่าจอมจักรพรรดิอู๋จื่อมีความแข็งแกร่งมาตลอดชีวิต ไม่ว่าเขาจะพบกับศัตรูแบบไหน
เขาก็ผลักดันให้ผ่านพ้นไปได้และเขาก็ไม่เคยพบอุปสรรคหรือประสบกับการต่อสู้ที่นองเลือดใดๆ
และฉากที่ได้เห็นในตอนนี้ก็สามารถยืนยันทั้งหมดนี้ได้
องค์ชายหยวนได้มาถึงจุดสิ้นสุดในเส้นทางจักรพรรดิสําหรับทุกเผ่าพันธุ์แล้ว และเขาถือได้ว่าเป็นราชันผู้กําแหงของพิภพ
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของจอมจักรพรรดิอู๋จื่อเขาจะก้าวไปบนเส้นทางสายนี้ได้อย่างไร?
“ร้ายกาจขนาดนั้นเชียวรึ?ข้าไม่เชื่อหรอกถ้าอยู่ในเขตแดนเดียวกันมันจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนกัน?”
องค์ชายยู่ยิ้มหยันเขาไม่แยแสแต่อย่างใดและก้าวเดินไปข้างหน้า
เขามีความมั่นใจอย่างยิ่งเขารู้สึกว่าไม่ใช่เพราะจอมจักรพรรดิอู๋จื่อแข็งแกร่งเกินไปแต่มันเป็นปัญหาขององค์ชายหยวนเองถ้าหากเป็นเขาที่ก้าวออกไปข้างหน้าผลลัพธ์ที่ได้ก็จะแตกต่างออกไปอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าองค์ชายยู่เดินออกไปข้างหน้าองค์ชายหยวนก็รักษาบาดแผลของตนอย่างเงียบๆสีหน้าของเขาเคร่งขรึมและไม่ได้พูดอะไรสักนํา
แม้ว่าเขาจะเคารพจอมจักรพรรดิมิมรณะแต่เขาก็ไม่ปฏิบัติต่อองค์ชายยู่ที่อายุยังน้อยเช่นนั้น
จอมจักรพรรดิอู๋จื่อทรงอํานาจเพียงใดมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถรู้สึกได้
อย่างไรก็ตาม องค์ชายหยวนไม่ได้คิดที่จะอธิบายให้องค์ชายยู่ฟัง การก้าวไปข้างหน้าเท่านั้นที่จะทําให้เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของการมีพลังมากจนเขาสิ้นหวังอย่างแท้จริง
เห็นได้ชัดว่าองค์ชายยู่ค่อยๆเดินไปข้างหน้าเขาไม่ทําเหมือนองค์ชายหยวนที่พุ่งเข้าไปหาจอมจักรพรรดิอู๋จื่อแต่เลือกเส้นทางเดียวกับเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนก่อนหน้านี้และไปทางอนุสรณ์ที่
จารึกร่องรอยของจอมจักรพรรดิฟ้าว่าง
การต่อสู้กับจีสื่อเมื่อไม่กี่ปีก่อนถือเป็นความอัปยศในชีวิตของเขามาโดยตลอดและหากเขา
สามารถใช้โอกาสนี้เพื่อเอาชนะจอมจักรพรรดิฟ้าว่างวัยหนุ่มได้ เขาจะไม่เพียงแต่ลบล้างความละอายใจของตนได้แต่ยังใช้โอกาสนี้ข่มขวัญกําลังใจของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคนอีกด้วย!”วิถีแห่งฟ้าไร้ขอบเขต!”
องค์ชายยู่ค่าราม ยกดาบที่อยู่ในมือและก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ร่องรอยที่ประทับบนอนุสรณ์ของจอมจักรพรรดิฟ้าว่างสั่นสะเทือน ร่างจําแลงของจอมจักรพรรดิฟ้าว่างวัยเยาว์ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขามีความเรียบง่ายไม่โอ้อวดเช่นเดียวกับจีสื่อแต่ความเร็วของการโจมตีนั้นเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน วิถีนับหมื่นก็เกิดขึ้นพร้อมกันความเร็วนั้นก็เร็วมากองค์ชายยู่ที่เตรียมพร้อมในใจและเขาก็ตื่นตัวเต็มที่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบโต้ ฝ่ามือของจอมจักรพรรดิฟ้าว่างวัยหนุ่มก็กระแทกโดนหน้าอกเขาอย่างจัง!
องค์ชายยู่ร้องออกมาหน้าอกของเขายุบลงปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดและเช่นเดียวกับองค์ชายหยวนเขากระเด็นกลับหัวกลับหางออกไปทันที
และจอมจักรพรรดิฟ้าว่างวัยหนุ่มไม่ได้ไล่ตามไป หลังจากที่ตบองค์ชายยู่ออกไปด้วยฝ่ามือเดียวร่างของเขาก็สลายไปอย่างไร้ร่องรอย
องค์ชายยู่รู้สึกเสียใจและโกรธจัดสองครั้งแล้วที่เขาพ่ายแพ้ในลักษณะเดียวกันโดยไม่มีโอกาสตอบโต้กลับและความรู้สึกอันทรงอํานาจที่ไม่อาจต้านทานได้เลยนั้นทําให้เขาโกรธเคืองได้ถึงที่สุด
สามคนติดต่อกันที่เข้าดวลในการทดสอบและสามครั้งติดต่อกันก็มีจุดจบเดียวกัน
ต้องบอกว่า ประสบการณ์ก่อนหน้าที่มาถึงด่านภูเขาที่ยิ่งใหญ่นั้นช่างสิ้นหวัง!
“เหล่าอนุสรณ์ที่ตั้งอยู่ที่นี่วันนี้เพียงเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงพลังของจอมจักรพรรดิในหมู่จอมจักรพรรดิเมื่อหลายล้านปีก่อนงั้นรึ?ถ้าเป็นเช่นนั้นจอมยุทธ์ระดับสุดยอดที่แข็งแกร่งเมื่อหลายล้านปีก่อนก้าวผ่านที่นี่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้องได้อย่างไร?”
เย่หลิงเสวี่ยกําลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นางคิดว่ามันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น
นางก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังด้วยท่าทางอันเคร่งขรึมเลือกที่จะไปยังอนุสรณ์ซึ่งมีร่องรอยของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญจารึกอยู่
จากนั้นอนุสรณ์ก็สั่นสะเทือน ร่างของหญิงสาวผู้สง่างามที่ไม่มีใครเทียบได้ก็ปรากฏขึ้นและนางก้าวไปข้างหน้ายิ่งใหญ่ราวกับผู้เป็นนิรันดร์นั่งอยู่บนบัลลังก์พิภพและทั่วทั้งฟ้าดินก็เกิดความโกลาหลเพราะนาง
จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญวัยเยาว์ ไม่มีผู้ใดมองเห็นใบหน้าของนางเพราะถูกปิดกั้นโดยกระแสพลังอันยิ่งใหญ่นางเปล่งกระแสพลังที่ส่องสว่างไปทั่วพิภพและมองดูด้วยดวงตาคู่หนึ่งของนาง ราวกับเป็นคนเดียวที่อยู่เหนือพิภพ
เหนือศีรษะของนาง มีเตาโอสถกลืนสวรรค์ที่เปล่งแสงลอยขึ้นๆ ลงๆ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่มีใครเทียบได้ของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ!
“บูม!”
จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญเริ่มเคลื่อนไหว ชี้ไปที่เย่หลิงเสวี่ยด้วยนิ้วเดียว แสงนิรันดร์ส่องประกายทั่วพิภพนางไม่ได้มีความเมตตาใดๆเพียงเพราะว่าเย่หลิงเสวี่ยเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือเพราะได้รับมรดกจากจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ
“แสงนิรันดร์ มีบันทึกอยู่ในบทต้องห้ามของคัมภีร์มหายุทธ์กลืนสวรรค์”
ดวงตาของเย่หลิงเสวี่ยกระจ่างขึ้น นางสงบลง และโต้กลับอย่างรวดเร็ว นางฝึกฝนแสงนิรันดร์ที่เป็นวิธีแบบเดียวกันเพื่อต่อสู้กับจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ
“บูม!”
จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญวัยเยาว์และเย่หลิงเสวี่ยเผชิญหน้ากัน และผลลัพธ์ในตอนจบก็ไม่มีข้อยกเว้นจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญเป็นผู้ก่อตั้งแสงนิรันดร์และพลังของนางจึงเหนือกว่าเย่หลิงเสวี่ยเป็นเรื่องปกติ
ในที่สุดเย่หลิงเสวี่ยก็ถูกโจมตีและกระเด็นออกจากพื้นที่ซึ่งมีอนุสรณ์ตั้งอยู่
แม้ว่าจะพ่ายแพ้แต่ดวงตาของเย่หลิงเสวี่ยก็เปล่งประกาย
“ใช่ ข้าเข้าใจจุดประสงค์ของอนุสรณ์เหล่านี้แล้วมันไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อแสดงความรุ่งโรจน์ของจอมจักรพรรดิโบราณในอดีตเท่านั้น แต่เพื่อให้คนรุ่นหลังได้สังเกตตัวตนของจอมยุทธ์ระดับสุดยอดเพื่อฝึกฝนร่างกายของตนเอง!”
อนุสรณ์จารึกวิถีของจอมจักรพรรดิในหมู่จอมจักรพรรดิมีอนุสรณ์มากมายตั้งอยู่ที่นี่จารึกวิถีของจอมจักรพรรดิในหมู่จอมจักรพรรดิซึ่งคนรุ่นหลัง
สามารถเข้าใจและฝึกฝนได้โดยการเผชิญหน้ากับมัน
นี่เป็นโชคอันมหาศาล!
เป็นการทดสอบ และโอกาสที่ดี!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับเย่หลิงเสวี่ยและหยุนรั่วซีซึ่งเป็นผู้สืบทอดมรดกของจักรพรรดิ
โบราณ คุณค่าของมันยิ่งไม่สามารถประเมินค่าได้
เย่หลิงเสวี่ยที่เผชิญหน้ากับจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญเป็นครั้งคราวจากการต่อสู้นางตระหนักได้ถึงวิถีของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญและนําไปใช้เพื่อพัฒนาตนเอง
และหยุนรั่วซีที่ได้ต่อสู้กับจอมจักรพรรดิสวรรค์วัยหนุ่มและจอมจักรพรรดิอู๋จื่อก็คุ้มค่าเช่นกัน
“ระดับนี้ ไม่ใช่ระดับที่จะสามารถผ่านไปได้ในช่วงเวลาสั้นๆมันต้องใช้เวลานานในการฝึกฝนและพยายามเพื่อที่จะผ่านระดับนี้จริงๆ ”
เย่หลิงเสวี่ยนั่งขัดสมาธิเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บและเตรียมความพร้อมสําหรับครั้งต่อไป
และถัดจากนางราชันผู้กําแหงก็เข้าใจความหมายที่แท้จริงของระดับนี้มากขึ้นเรื่อยๆและเริ่มก้าวไปทีละคนต่อสู้กับอดีตจอมจักรพรรดิและจอมจักรพรรดิรุ่นเยาว์เพื่อฝึกฝนร่างกายของตัวเอง สําหรับราชันผู้กําแหงทั้งหมดนี่เป็นโอกาสที่ไม่อาจบรรยายได้แต่ในที่สุดมันก็เป็นประโยชน์ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์มากกว่า
เพราะในบรรดาอนุสรณ์เหล่านี้ส่วนมากจะเป็นจอมจักรพรรดิของเผ่าพันธุ์มนุษย์และกลุ่มผู้มากพรสวรรค์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อสู้กับพวกเขาเพื่อที่จะสามารถรับรู้และเข้าใจได้มากขึ้นและได้รับความก้าวหน้ามากขึ้น
แต่ทว่าในขณะที่ผู้มากพรสวรรค์ของเผ่าพันธุ์อื่นๆไม่ได้มีเงื่อนไขที่สะดวกเช่นนี้ความก้าวหน้าของพวกเขาจึงไม่รวดเร็วเท่ากับผู้มากพรสวรรค์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์