บทที่ 120 ค่ายกลใหญ่ระดับสูงสุด เพื่อผนึกรอยแยกมิติ!
เสี่ยวเสวียนได้รับคําสั่งจากเย่เทียนและบินเข้ามาปกป้องเหล่าจอมเวทย์ที่กําลังสร้างค่ายกลอยู่ และเย่เทียนเผชิญก็หน้ากับจระเข้ตัวนั้น
[ประเภท: จระเข้มังกรฟันยักษ์
พรสวรรค์ทางสายเลือด: ระดับหลุดพ้น]
“ชื่อมีอักษรมังกร แสดงว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่มีสายเลือดมังกร แต่น่าเสียดายที่พรสวรรค์ของมันไร้ประโยชน์เกินไปไม่มีพรสวรรค์พิเศษแม้แต่อย่างเดียว!” เย่ เทียนดูถูกจระเข้เขี้ยวยักษ์ตัวนี้ แต่พลังของจระเข้ตัวนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอเลย
ตูม!!!
หลังจากการปะทะเย่เทียนก็สามารถประเมินความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามได้
“ประมาณ 3,000 ช้าง!”
เย่เทียนประเมิน
แต่เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของเขาแล้ว มันนับว่ายังอ่อนแอกว่ามาก ตอน นี้ความแข็งแกร่งของเย่เทียนคือ 16 ช้าง หลังจากใช้พลังปราณเพิ่มพลัง 2 เท่า ทักษะดาบฟาดฟันวายุคราม 6 เท่า และพรสวรรค์ด้านพละกําลังระดับลึกลับ 30 เท่า พลังโจมตีของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,760 พลังช้าง
จระเข้มังกรเขี้ยวยักษ์ที่มีกําลัง 3,000 ช้างนั้นไม่เพียงพอที่จะต้านทานพลังของเย่เทียน
ตูม!!!!
หลังจากการปะทะครั้งแล้วครั้งเล่า จระเข้มังกรเขี้ยวยักษ์ก็ถูกทุบตีจนถอยร่น ไปทีละก้าว ๆ บาดแผลบนร่างกายยิ่งเพิ่มมากขึ้น
หนึ่งนาทีต่อมา
เย่เทียนก็ฆ่าจระเข้มังกรเขี้ยวยักษ์ตัวนี้ได้
หลังจากที่เย่เทียนฆ่าจระเข้มังกรเขี้ยวยักษ์ ราชาคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆเย่เทียน
“สหายน้อยเย่ เจ้าสังหารราชาจระเข้เขี้ยวยักษ์ได้!!!”
เขาเพิ่งบอกให้เย่เทียนถ่วงเวลามันไว้ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่เทียนจะกล้า สังหารราชาจระเข้เขี้ยวยักษ์ด้วยตัวเอง เมื่อราชาจระเข้เขี้ยวยักษ์พุ่งผ่านเขาไป เขารู้ดีว่าจระเข้เขี้ยวยักษ์ตัวนี้แข็งแกร่งมาก แม้ว่ามันจะอ่อนแอกว่าเขา แต่ก็ไม่ได้มากนัก
แม้ว่าเขาจะต้องการฆ่าจระเข้เขี้ยวยักษ์เขาก็ต้องใช้เวลาซักพักหนึ่ง แต่เย่เทียนก็สามารถฆ่าจระเข้เขี้ยวยักษ์ได้ มันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความแข็งแกร่ง ของเย่เทียนไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย
“ข้าแค่โชคดี!”
เย่เทียนถ่อมตัว
“พลังโจมตีมากมายขนาดนี้จะเพียงแค่โชคดีได้อย่างไร!” ระดับราชาส่ายหัว “แล้วค่อยคุยกัน ข้าจะไปต้านทานสัตว์อสูรที่นั่นต่อไป!”
เย่เทียนยังคงปกป้องพื้นที่นี้ต่อไป
เสี่ยวเสวียนวิ่งไปเก็บเลือดของจระเข้เขี้ยวยักษ์เพราะเลือดของจระเข้เขี้ยว ยักษ์มีสายเลือดของมังกรบางๆ สําหรับเสี่ยวเสวียนแล้ว เลือดของจระเข้มังกร เขี้ยวยักษ์ดีกว่าสัตว์อสูรระดับราชานับสิบเท่า
“นี้มันยอดเยี่ยมจริงๆ!”
เสี่ยวเสวียนกล่าวด้วยความตื่นเต้นในขณะเก็บเลือดของสัตว์อสูร ครั้งนี้มันรวบรวมเลือดสัตว์อสูรชั้นยอดได้มากมาย เลือดของสัตว์อสูรระดับ ราชาก็มีไม่น้อย หนึ่งในนั้นมีสัตว์อสูรระดับราชาที่คนอื่นฆ่าตาย และเลือดของสัตว์อสูรก็ถูกมันเก็บมาอย่างไร้ยางอาย
ราชาทุกคนรู้ว่าเสี่ยวเสวียนเป็นสัตว์เลี้ยงของเย่เทียน พวกเขาเองจึงไม่ได้พูดอะไร
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
เย่เทียนไม่รู้ว่าเขาฆ่าสัตว์อสูรไปมากเท่าไหร่แล้ว แต่ตอนนี้เขาก็ยังสังหารมัน ต่อไป ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณพันลี้ “ค่ายกลใหญ่สําเร็จแล้วจอมเวทย์ค่ายกลรีบถอยออกจากค่ายกล ราชาทุกคนรีบต้านพวกสัตว์อสูรกลับไปยังรอยแยกของมิติ!”
“ค่ายกลใหญ่สําเร็จแล้ว จอมเวทย์ค่ายกลรีบถอยออกจากค่ายกล ราชาทุกคนรีบต้านพวกสัตว์อสูรกลับไปยังรอยแยกของมิติ!”
“ค่ายกลใหญ่สําเร็จแล้ว จอมเวทย์ค่ายกลรีบถอยออกจากค่ายกล ราชาทุกคนรีบต้านพวกสัตว์อสูรกลับไปยังรอยแยกของมิติ!”
เสียงสามเสียงดังติดต่อกันนี่เป็นประกาศของราชาไร้เทียมทานทั้งสามคน
“ค่ายกลใหญ่ระดับสูงสุดสําเร็จแล้วหรือ?”
เย่เทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นี่หมายความว่าแผนของทั้งสามฐานใกล้จะเสร็จสิ้นลงแล้ว ในที่สุดก็จะสามารถผนึกรอยแยกของมิตินี้ได้
ตูม!!!!
ราชาแต่ละคนฆ่าสัตว์อสูรอย่างบ้าคลั่งและค่อยๆมุ่งหน้าไปยังรอยแตกในมิติในขณะเดียวกัน
ค่ายกลระดับสูงเริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ พลังค่ายกลอันลึกลับได้กักขังความ ว่างเปล่านี้เอาไว้ มันได้กักขังสัตว์อสูร และสัตว์อสูรที่มีระดับต่ํากว่าสัตว์อสูรชั้น ยอดแทบจะไม่มีพลังต่อต้าน และความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรชั้นยอดก็ลดลงไป แปดในสิบส่วน ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรระดับราชาก็ยังลดลงไปมากกว่า ห้าส่วน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ราชามนุษย์แทบจะสังหารสัตว์อสูรได้ในการโจมตี เดียว ไม่ว่าสัตว์อสูรจะออกมามากเพียงใด ก็จะถูกสังหารจนสิ้น
เย่เทียนและเสี่ยวเสวียนได้ฆ่าสัตว์อสูรไปเป็นจํานวนมากเช่นกันและค่อยๆ
เข้าใกล้รอยแยกของมิติ
ณ จุดนี้เอง
เย่เทียนพลันตื่นเต้น พรสวรรค์ในการคัดลอกของเขาถูกเปิดไว้และตรวจสอบ อย่างต่อเนื่อง
และเมื่อสักครู่นี้ พรสวรรค์ของราชาคนหนึ่งปรากฏขึ้นบนจอประสาทตาของเขา
มนุษย์: หลี่เจิ้นเป่ย
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะ: หลุดพ้น
พรสวรรค์ด้านดาบ: ระดับสูง
“เป็นพรสวรรค์ด้านดาบระดับสูงจริงๆด้วย!”
เย่เทียนต้องการคัดลอกพรสวรรค์ด้านดาบระดับสูงเพราะเขาได้คัดลอก
พรสวรรค์ด้านดาบระดับสูงมาสองครั้งแล้ว ถ้าเขาคัดลอกอีกครั้งเขาก็จะสามารถหลอมรวมเป็นพรสวรรค์ด้านดาบระดับสูงสุดได้
น่าเสียดายที่เขาไม่พบพรสวรรค์ด้านดาบระดับสูงอื่น ๆ ที่ฐานทัพทะเลมาร
เลย แต่ตอนนี้เขากลับได้พบกับราชาคนนี้ ซึ่งราชาคนนี้ไม่ใช่คนของฐานทะเล มาร แต่เป็นยอดฝีมือระดับราชาหนึ่งในสองฐานใหญ่
ก่อนหน้านี้คนจากฐานทั้งสามได้อยู่ห่างกันกว่าพันเมตร เย่เทียนจึงไม่อาจ
ตรวจสอบพรสวรรค์ของอีกฝ่ายได้ หากไม่ใช่เพราะครั้งนี้ราชาคนนั้นเข้าใกล้เขาในระยะหนึ่งพันเมตร เขาคงพลาดไปแน่
“ยังมีโอกาสคัดลอกอีกรอบ ต้องคัดลอกแล้ว!”
เย่เทียนไม่ลังเลที่จะคัดลอกพรสวรรค์ด้านดาบระดับสูงของอีกฝ่าย
เมื่อคัดลอกสําเร็จเขาก็ลงมือฆ่าสัตว์อสูรต่อไป
ราวกับว่าเหล่าสัตว์อสูรรู้ดีว่าพวกมันไม่อาจทําอะไรได้แล้ว รอยแยกมิติใน
ตอนนี้ไม่ปรากฏสัตว์อสูรอีกต่อไป สัตว์อสูรจํานวนไม่น้อยเริ่มค่อยๆถอยกลับไปยังอีกด้านหนึ่งของรอยแยกมิติ
เพียงไม่นานหลังจากนั้น
ผู้ฝึกยุทธระดับราชาจํานวนมากก็รวมตัวกันที่รอยแยกของมิติเพื่อฆ่าสัตว์อสูรตัวสุดท้าย ในขณะที่สัตว์อสูรกําลังจะถูกฆ่า การเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็เกิดขึ้น
กลิ่นอายอันน่าหวาดกลัวที่ไม่อาจจินตนาการได้แผ่กระจายออกมาจากอีกฟากหนึ่งของรอยแยกมิติ
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนี้ แม้แต่ระดับราชาก็ยังถูกกดทับจนไม่อาจ
เคลื่อนไหว
มีเพียงสามราชาไร้เทียมทานเท่านั้นที่สามารถต้านทานกลิ่นอายนี้ได้!
“ไม่ดีแล้ว…”
เย่เทียนมองผ่านรอยแยกของมิติและเห็นดวงตาสีทองคู่หนึ่ง ราวกับว่ามันเป็นดวงตาศักดิ์สิทธิ์ที่เปี่ยมไปด้วยบารมีอันไร้ที่เปรียบ นัยน์ตาของมันเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ฮ่ม ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน เจ้าก็ไม่สามารถก้าวเข้าสู่โลกของเราได้!” หยุนเมิ่งหลี่ตะโกนอย่างเย็นชา
“ฮ่ม!”
เสียงที่เบาบางสะท้อนอยู่ในอากาศ มันเป็นเสียงที่ดังออกมาจากข้างในรอยแยกของมิติ
สัตว์อสูรตัวนี้พูดได้
นี่คือปฏิกิริยาจิตใต้สํานึกของระดับราชาทั้งหมด
ไม่นานดวงตาสีทองก็หายวับไป และทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อต้องเผชิญกับตัวตนที่น่ากลัวเช่นนี้ ใครบ้างจะไม่กลัว?
“สัตว์อสูรตัวนั้นอยู่ในระดับไหนกันแน่? มันสามารถแผ่กลิ่นอายทะลุผ่านมิติ
และพุ่งมายังโลกของเราได้ มันน่าจะเป็นระดับราชาหรือสูงกว่าใช่ไหม?” มีผู้ฝึกยุทธระดับราชาคนหนึ่งกล่าวด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ใช่แค่ระดับที่สูงกว่าระดับราชา มันน่าจะสูงกว่านั้นอย่างน้อยสอง
ขอบเขต!”
หยุนเมิ่งหลี่กล่าวอย่างจริงจัง
ถึงแม้จะได้ยินเช่นนั้น แต่ทุกคนก็นึกไม่ออกว่าระดับนั้นคืออะไร มันยังห่างไกลเกินไปสําหรับพวกเขา
ค่ายกลระดับสูงสุดถูกจัดวางเรียบร้อยแต่รอยแยกมิติไม่ได้หายไป มันเพียง
เค่อยๆหดเล็กลง
รอยแยกมิติที่เดิมทีสูงหลายร้อยเมตรกําลังหดเล็กลง เมื่อเล็กจนยาวประมาณ20 เมตร การเปลี่ยนแปลงก็หยุดลง
“ค่ายกลระดับสูงสุดสามารถยับยั้งรอยแยกของมิติได้เท่านั้น ไม่มีทางที่รอยแยกมิติจะหายไปอย่างสมบูรณ์ แต่ในตอนนี้รอยแยกมิตินี้น่าจะอยู่ในระดับหนึ่งดาว อย่างมากก็มีแค่ส่งสัตว์อสูรระดับสูงออกมาเท่านั้น แต่ต่อจากนี้ข้าคงต้องส่ง จอมเวทย์ค่ายกลและระดับราชามาประจําการที่นี่ เพื่อรักษาค่ายกลระดับสูงนี้ไว้ใครอยากรับหน้าที่บ้าง?” หยุนเมิ่งหลี่ถาม
เย่เทียนก้าวออกมาและกล่าวว่า “ราชาหยุนเมิ่งหลี่ ข้ายินดีที่จะปกป้องสถาน ที่แห่งนี้สักระยะหนึ่ง ข้าไม่เพียงแต่มีพลังการต่อสู้ระดับราชาเท่านั้น แต่ยังเป็น จอมเวทย์ค่ายกลขั้นกลางอีกด้วย ข้าน่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง”
หยุนเมิ่งหลี่มองมายังเย่เทียนและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“ดีมาก งั้นมันก็เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว!”
แม้ราชาคนอื่นๆจะคิดว่าเย่เทียนนั้นมีความรับผิดชอบสูง แต่เย่เทียนกลับมี
แผนการของตัวเอง
เขามองไปที่รอยแตกในมิติอย่างเฉยเมย มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
และ….