บทที่ 1268 – ความเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ

 

“มาเถอะ ข้าจะแนะนำนี่คือภรรยาของข้า  ติ๊เฉิน   ส่วนนี่คือลูกบุญธรรมของข้า นางชื่อชิงซา!” ชิงสุ่ยยิ้มและจับมือของชิงซา ขณะที่เขาพาเธอเดินไปทางติ๊เฉิน

 

“ท่านพ่อ นี่คือ หญิงในภาพที่ท่านตามหาอย่างนั้นรึ? ” ชิงซาถามขณะที่มองไปที่ติ๊เฉิน

 

ในขณะนี้เธอยิ้มออกมา รอยยิ้มของเธอนั้นเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างมาก นอกจากชิงสุ่ยแล้ว ไม่มีใครที่เคนเห็นมัน

 

ในขณะนั้นชิงสุ่ยส่งมือของเธอให้กับติ๊เฉิน”สวัสดี ชิงซา ข้าคือติ๊เฉิน  ยินดีที่ได้รู้จักนะ หากเจ้ามีสิ่งขาดเหลืออะไร หรือเรื่องอะไรที่ต้องการให้ข้าช่วย เจ้าสามารถบอกข้าได้ตลอกเวลา”

 

“ข้าขอบคุณมากๆท่านหญิง ท่านใจดีจริงๆ  นอกจากนี้ท่านยังงดงามมากๆ  ข้าเขาใจแล้วทำไมท่านพ่อถึงได้ไม่ยอมปล่อยท่านไป” ชิงซากล่าวและยิ้มออกมา

 

 

“เอาล่ะเข้าไปข้างในกันเถอะ วันนี้ข้าจะเป็นเจ้ามือเอง” ชิงสุ่ยยิ้มและบอกให้ทุกๆคนเข้ามา

 

“เยี่ยมยอด วันนี้เจ้าจะต้องเป็นทำอาหารเลี้ยงพวกเรานะ”

 

 

ในตอนนั้นติ๊เฉินต้องการที่จะช่วยเขา  แต่ก็ถูกปฏิเสธเอาไว้  เขาบอกให้เธอนั้นไปคุยกับคนอื่นๆ และบอกว่าเขาจะเป็นทำมันเองทั้งหมด

 

“สถาบันสวรรค์เร้นลับ เป็นยังไงบ้างตอนที่ข้าไม่อยู่?”

 

“ดูเหมือนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆมากนัก ในช่วงนี้  ” องค์หญิง ยิ้มและพูดว่า

 

“แล้วมีอะไรบ้างละที่เปลี่ยนไป?” ชิงสุ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

“ตอนนี้อำนาจของกลุ่มบุตรแห่งสวรรค์ได้พังทลายลงไป  ส่วนนิกายนิกายโลกานฤเบศนั้นก็ถูกดูแลด้วยเทียน เจียงเซียน แต่ส่วนมากจะเป็นเทียน เจียงที่ดูแลเรื่องต่างๆ” องค์หญิงใหญ่กล่าวกับชิงสุ่ย

 

 

“แล้วพาไลหิมะหวนเป็นไงบ้าง?” ชิงสุ่ยมองไปที่องค์หญิงใหญ่และถาม

 

“พาไลหิมะหวน ในตอนนี้แข็งแกร่งอย่างมาก มีคนกว่าสามพันคนที่ร่วมกับเรา  นอกจากนี้พวกเขายังเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง และเป็นคนที่มีชื่อเสียงอย่างมาก”เมื่อพูดถึง พาไลหิมะหวนดูองค์หญิงใหญ่จะมีความสุขอย่างมาก

 

“อืม ตอนนี้ดูเหมือนว่าการบ่มเพาะของเจ้าจะก้าวหน้าขึ้นช้ามากนะ  แล้วตอนนี้เฉินเอ๋อก็ต้องการออกจากนิกายบงกชเทวะ จะเป็นไรมั้ยหากข้าให้นางเข้าร่วมกับท่าน?” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด

 

“เจ้าคนโง่ ข้าจะปฏิเสธได้ไงถ้าพี่เฉินต้องการเข้าร่วมกับพาไลหิมะหวน” องค์หญิงใหญ่กล่าวออกมา

 

 

“แต่ชิงสุ่ย  เจ้ายังจำสิ่งที่ ข้าเคยบอกเจ้าไว้ในอดีตได้รึไม่ ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้” องค์หญิงใหญ่กล่าวออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ

 

ตอนนี้เองชิงสุ่ยเริ่มตระหนักว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและองค์หญิงใหญ่กลับไปเป็นเหมือนเดิมในอดีต มัน ทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก  “ทำไมหัวใจของผู้หญิง ถึงได้เปลี่ยนไปได้รวดเร็วเช่นนี้  นางหึงอย่างนั้นรึ?…”

 

ความไว้วางใจอย่างนั้นรึ?

 

ชิงสุ่ยรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่คงเข้าใจผิดที่เขาพาติ๊เฉินเข้าร่วมกับพาไลหิมะหวน ชิงสุ่ยตบหัวตัวเองเบา “นี่ข้าทำอะไรลงไป ตอนนี้เจ้าคงคิดว่า ข้าพาติ๊เฉินมาแทนที่เจ้าสินะ”

 

 

“ข้า ขอโทษจริงๆ ข้าไม่ได้มีเจตนาดังกล่าว”

 

 

ตอนนี้องค์หญิงใหญ่รู้แล้วว่าชิงสุ่ยไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น อย่างไรก็ตามเธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกเสียใจเช่นนี้  ราวกับหัวใจที่แตกสลาย  เธอเริ่มตระหนักได้ว่าตอนนี้ตัวตนของชิงสุ่ยได้เข้ามาอยู่ในหัวใจของเธอแล้ว

 

“ไม่ต้องขอโทษนะ เป็นข้าเองที่ใจแคบไป” องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจและกล่าวว่า

 

เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงถอนหายใจ แต่มันทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าเธอกำลังแย่มากๆ

 

“เจ้าไม่ได้ใจแคบ และข้าก็หวังว่าเจ้าจะไม่มีความคิดแบบนั้นอีก ข้าไม่ได้ยกกองทัพของเราให้กับใครมันยังคงเป็นของเราเสมอ เพียงแค่ข้างหวังว่าวันใดที่ข้าไม่อยู่ช่วยเจ้าจะมีคนที่สามารถช่วยเหลือเจ้าได้ ” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง ขณะมองไปรอบๆ

 

“หยุด เจ้าไม่ต้องกล่าวอะไรอีกแล้ว” องค์หญิงใหญ่กล่าวออกมา

 

ติ๊เฉินที่นั่งอยู่ด้านข้างและมองไปทีชิงสุ่ย ขณะที่เธอยิ้ม แต่เธอไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่กลับด่าเขาในใจว่า เขา  “เจ้าช่างเป็นคนโง่จริงๆ”

 

ชิงสุ่ยรู้สึกอึดอัดอย่างมาก จากการสนทนาก่อนหน้านี้ระหว่างทั้งคู่

 

ไม่ใช่ว่าคำพูดก่อนหน้าของชิงสุ่ยเป็นคำโกหกทั้งหมด บางครั้งมันก็ยังสำคัญอย่างมากที่จะต้องพูดถึงสิ่งเหล่านั้นแม้จะต้องโกหกก็ตาม บางครั้งการโกหกก็จำเป็นต่อคนเรา

 

ในตอนนี้ข้างๆกายเขาเต็มไปด้วยสาวงามที่ไม่มีใครอาจเทียบได้ นอกจากนี้ยังมีสองคนที่เป็นหญิงงามล้มเมือง และ หนึ่งในนั้นมีกลิ่นอายที่สดใสดังท้องฟ้าราวกับว่าเธอไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลก แต่มาจากฟ้าสวรรค์

 

 

ทุกครั้งที่เขาอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่ามันไม่สมจริงอย่างมาก  ผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างๆเขาคือหญิงงามในรอบพันปีจะมีสักคน  ในอดีตเขายังคงกังวลว่าจะไม่สามารถหาคู่ชีวิตได้ เนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอของตน เมื่อมองกลับไปชีวิตของเขานั้นมาไกลอย่างมากในตลอดหลายปีมานี้

 

 

“แล้วเจ้าจะยกโทษให้ข้าได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่องค์หญิงใหญ่

 

“ข้าไม่มีความสัมพันธ์กับเจ้าเลยแม้แต่น้อย  นอกจากนี้มันก็ไม่มีสำคัญอะไรกับเจ้า มันสำคัญด้วยรึที่ข้าจะให้อภัยหรือไม่ให้ก็ตาม?” องค์หญิงใหญ่ ยิ้มและพูดว่า

 

ชิงสุ่ย จับมือเธอและกระพริบตาอย่างไร้เดียงสาขณะที่เขามองไปที่ องค์หญิงใหญ่  ด้วยการจ้องมองที่เธอจะเข้าใจเท่านั้น  ในตอนนี้ไม่มีใครกล้ามองสิ่งที่เกิดระหว่างทั้งสอง

 

“รู้มั้ยเฉินเอ๋อใจดีกับข้ามากๆ มากจนเจ้าไม่รู้หรอก  ข้าถามหน่อยสิ เจ้าจะยอมเป็นภรรยาของข้าได้รึไม่ ข้าไม่สามารถทนดูเจ้าอยู่ในอ้อมแขนของชายอื่นได้” ชิงสุ่ย ยิ้มและคว้ามือขององค์หญิงใหญ่เอาไว้

“เจ้าไม่ต้องกังวลไป  แม้ข้าจะไม่แต่งงานกับเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องกังวลไปข้าจะไม่แต่งงานกับชายใด นอกจากนี้เจ้าคิดจริงๆรึ ว่าผู้หญิงทุกๆคนนั้นชอบผู้ชายที่แข็งแกร่ง”

 

“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่ข้ากำลังหมายถึงว่าหากมีคนต้องการที่จะฆ่าข้าและต้องการที่จะตัดแขนของข้า เจ้าจะยอมมันได้หรือ?”

 

องค์หญิงใหญ่ “… “

 

เป็นตามที่เขาพูดเธอไม่สามารถยอมรับมันได้หากใครต้องการที่จะทำร้ายเขา แต่ถึงอย่างไร แต่สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นก็เป็นเรื่องเกินจริงเสียทั้งหมด เธอได้แต่มองไปที่ชายหนุ่มที่รูปหล่อและจริงจัง แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

 

 

“พวกเจ้าสองคนคุยกันก่อนแล้วกัน   ข้าขอตัวกลับก่อน เดี๋ยวข้ากลับมา” ชิงสุ่ยกล่าวกับติ๊เฉินและองค์หญิงใหญ่

 

หญิงสาวทั้งสองพยักหน้าให้เขา  พวกเธอทั้งสองนั้นรู้ดีว่าชิงสุ่ยนั้นเป็นคนยังไง เขานั้นมีผู้หญิงมากมายรอบๆตัวของเขา แต่ถึงอย่างไรก็ตามแม้จะรู้มันแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้  ไม่ใช่ว่าพวกเธอไม่ได้คิดถึงสถานการณ์แบบนี้มาก่อน แต่พวกเธอไม่คาดหวังว่าจะเป็นเช่นนี้

 

ในตอนนี้ ชิงสุ่ยได้เดินทางไปที่สำนักสวรรค์เร้นลับ เข้าไปในอาคารขนาด  เมื่อไปถึงข้างหน้าของเขามี ชายชราที่สวมชุดมังกรทองและชายชราที่สวมชุดสิงโตสีม่วง  พวกเขาดูเป็นร่าเริงและมีความสุขอย่างมาก ในตอนนี้พวกเขากำลังดื่มชา และเล่นหมากรุกอยู่  หลังจากที่เห็นชิงสุ่ย พวกเขาหันมายิ้ม และทักทายเขาอย่างมีความสุข

 

ชายชราคนหนึ่งเก็บชุดหมากรุกลงมา และเทชาลงในถ้วยให้กับชิงสุ่ย ที่พึ่งมาถึง

 

“ท่านลองดูชาของข้าดูหน่อยมั้ย ไม่รู้ว่ามันจะรถชาติดีรึไม่ ?”

 

ชิงสุ่ยหยิบใบชาออกมา และหยิบขวดที่บรรจุน้ำทะเลสาบในดินแดนหยกออกมา  ถึงแม้จะเป็นน้ำจากทะเลสาบ แต่มันกลับริสุทธ์ดังน้ำแร่จากภูเขา  เมื่อชิงสุ่ยนั้นได้พบเรื่องนี้เข้า เขาจึงได้ใช้น้ำจากที่แห่งนี้ตลอด

 

 

แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่มีความสามารถในการชงชามากนัก แต่ด้วยวัตถุดิบชั้นยอดทำให้เขาสามารถทำชาที่ยอดเยี่ยมออกมาได้  ในขณะนี้ชายชราทั้งสองคนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณในชาของชิงสุ่ย  เมื่อพวกเขาดื่มมันลงไปมันทำให้พวกเขานั้นสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าอย่างมา

 

ถึงแม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ใช่ปรมาจารย์ในการชงชา  แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถบอกได้ว่าชานั้นมีรสชาดีหรือไม่ดี

 

ชายชราทั้งสองคนนี้มีอายุที่ยื่นยาวมากนานแล้ว นอกจากนี้พวกเขานั้นยังชงชาดื่มอย่างนี้ในทุกๆวัน ด้วยประการที่พวกเขามีอาจกล่าวได้ว่าทั้งคู่นั้นเป็นปรมาจารย์ในการชงชาอย่างแท้จริง

 

“หญิงสาวคนนั้นมีกลิ่นอาจที่คล้ายกับคนของนิกายบงกชเทวะอย่างมาก” ชายชราที่สวมชุดคลุมมังกรทองกล่าวขณะที่มองไปที่ชิงสุ่ยและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“ใช่นางเป็นสาวกศักดิ์สิทธิ์ของนิกายบงกชเทวะ และยังเป็นภรรยาของข้า หลังจากปีใหม่ข้าจะพาเธอไปนิกายบงกชเทวะ และจัดการเกี่ยวกับกฎระเบียบเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระที่ห้ามคนในนิกายแต่งงาน สักหน่อย” ชิงสุ่ยพูดติดตลกออกมา

 

“ฮ่าๆ  หญิงชราคนนั้นคงเป็นบ้าแน่ ๆ หากนางต้องต่อต่อสู้กับเจ้า” ชายชราที่สวมชุดคลุมมังกรทองตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาและพูด

 

“โอ้ นี่ท่านรู้จักคนในนิกายบงกชเทวะรึ?”

 

“แน่นอนว่าข้าต้องรู้จักนาง  ตอนสมัยนางสาวๆนางเคยโดนผู้ชายคนหนึ่งหักอก  จึงทำให้เธอเกลียดผู้ชายอย่างมาก เธอจึงได้ตามล่าเขาและจัดการเขาในท้ายที่สุด  และหลังจากเหตุการณ์นั้นนางก็กลายเป็นบ้าและไม่ไว้วางใจผู้ชายอีกต่อไป”