บทที่ 303 ค่าความพึงพอใจมากขึ้น
บทที่ 303 ค่าความพึงพอใจมากขึ้น
“ข้าเคยเป็นจอมเวทที่อุทิศตนเองเพื่อค้นหาเวทมนตร์ที่แท้จริง และเพราะการที่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์แห่งแสง ข้าจึงได้เข้าร่วมกับวิหารแห่งแสงในฐานะบิชอป ทว่าเพราะความบังเอิญ มันก็ทำให้ข้าเผอิญค้นพบวิชาเล่นแร่แปรธาตุในตำนานของดินแดนแห่งนี้เข้า ถึงแม้ว่ามันจะเป็นวิชาต้องห้ามของวิหารแห่งแสง แต่ข้าก็ตัดสินใจเรียนรู้มันอย่างลับ ๆ จนกระทั่งไปเจอบางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาดเข้าวันหนึ่ง”
“ข้าเผอิญไปเจอศพของทูตสวรรค์ที่เสียชีวิตจากการต่อสู้กับพวกปีศาจแห่งความมืดที่บุกรุกเข้ามาราว ๆ พันปีก่อน จากนั้นข้าก็ได้รับหน้าที่ในการเคลื่อนย้ายศพของทูตสวรรค์ตนนั้นกลับสู่วิหารแห่งแสง ทว่าระหว่างที่กำลังกลับ พวกปีศาจแห่งความมืดเองก็เหมือนจะรู้เรื่องนี้ด้วย และพวกมันเองก็อยากจะได้ศพของทูตสวรรค์ตนนี้ด้วยเพื่อที่จะได้นำมาเพิ่มพลังและความแข็งแกร่งของพวกมันด้วยเวทมนตร์ของอันเดด”
“การต่อสู้เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น แต่เพราะพวกปีศาจแห่งความมืดที่เหลือยังคงแข็งแกร่งอยู่มาก เพราะงั้นเหล่าพาลาดินของข้าจึงพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาสำคัญและจนตรอกเช่นนี้ ข้าไม่สามารถหาทางอื่นได้จริง ๆ นอกจากใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุที่ถูกนับว่าเป็นวิชาต้องห้าม ทว่าตอนนั้น ข้าไม่คาดคิดเลยว่าศพของเทวทูตตนนั้นจะตอบสนองต่อวิชาเล่นแร่แปรธาตุ! ร่างนั้นขยับเหมือนหุ่นเชิดได้ชั่วขณะและปัดเป่าเหล่าปีศาจแห่งความมืดที่เหลืออยู่จนเกือบหมดและทำให้พวกที่เหลือต่างหนีตายกันอย่างอลม่าน”
พูดถึงตรงนี้ หนี่อู๋ผู้ทรยศก็แสดงความสับสนออกมา เขาดูหวาดกลัวและหวาดหวั่น
ได้ยินเช่นนั้นเองเซียวเฟิงก็ยังประหลาดใจ เขาเดาคร่าว ๆ “ท่านกำลังจะบอกว่า เทวทูตตนนั้นเป็นหุ่นเชิดที่เกิดจากวิชาเล่นแร่แปรธาตุงั้นเหรอ? นี่จึงเป็นเหตุผลที่ท่านบอกว่าเทพเจ้าแห่งแสงอาจจะเป็นของปลอมใช่หรือเปล่า?”
“ข้าไม่มั่นใจ ยังไงเสียสำหรับวิชานี้ ข้าก็ยังไม่ได้ชำนาญนักหรอก บางทีอาจจะเป็นเพราะเทวทูตตนนั้นยังไม่ได้ตายสนิทก็ได้ เจ้าเองก็น่าจะรู้ ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์น่ะ มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเวทมนตร์แห่งแสงและเวทมนตร์แห่งอันเดด รวมไปถึงการคืนชีพ ก็ถือเป็นความสามารถที่ทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งกว่าสิ่งใด”
“เหล่าปีศาจแห่งความมืดที่เหลือหนีไป ในขณะเดียวกันข่าวเรื่องที่ข้าเรียนรู้วิชาเล่นแร่แปรธาตุก็กระจายออกไปด้วย เพราะงั้นแล้วข้าทำได้เพียงหนีออกมาขณะที่คอยศึกษาศพของเทวทูตตนนี้ไปด้วย แต่โชคก็ไม่เข้าข้าง พวกปีศาจเจอตัวข้า ในขณะที่วิหารแห่งแสงก็ได้ประกาศออกมาว่าข้าเป็นผู้ทรยศ ข้าไม่สามารถกลับไปไหนได้ทั้งนั้น และท้ายสุดก็ต้องทำงานให้พวกนั้น ตอนนั้นข้าต่อรองไว้ว่า ข้าจะยอมยกศพของเทวทูตตนนี้ให้ หากข้าทำการศึกษาเสร็จแล้ว”
“อย่างไรก็ตาม พวกวิหารแห่งแสงน่ะมาเร็วเกินกว่าที่ข้าคิด การไล่ล่าของพวกนั้นแข็งแกร่งมาก ๆ แข็งแกร่งจนข้าและพวกปีศาจพวกนั้นเองยังต้องหนี ศพของเทวทูตถูกผนึกไว้ใต้ทะเลสาปลึกภายในป่าแห่งหนึ่งด้วยอาณาเขตเวทมนตร์ ตัวข้านั้นไม่สามารถหนีไปได้ไกลนักหลังจากที่ผนึกร่างนั้นสำเร็จ และเกือบตายเพราะพวกนักล่าที่มาจากเบื้องบนด้วย ท้ายสุดข้าจึงต้องหนีอย่างไม่มีแบบแผนจนกระทั่งเข้ามายังดินแดนแห่งนี้เพื่อซ่อนตัว”
หนี่อู๋ผู้ทรยศค่อย ๆ จบเรื่องเล่าของตัวเองลงช้า ๆ ในขณะที่เซียวเฟิงก็สามารถทำควาวมเข้าใจมันได้ทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รูปปั้นโคลนที่อยู่ใต้ทะเลสาปมู่กวางนั้นเกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง ๆ ด้วย นี่จึงไม่แปลกที่จะบอกว่าคนคนนี้อยู่ฝั่งเดียวกับเผ่าพันธุ์แห่งความมืด
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบเอากุญแจผนึก (ซ้าย) ออกมาจากกระเป๋าแล้วถามหนี่อู๋ “ท่านรู้ไหมว่าสิ่งนี้คืออะไร?”
“โอ้? นั่นมันกุญแจสำหรับคลายผนึกไม่ใช่หรือไง? นั่นมันของข้านี่ ทำไมเจ้าถึงมีมันได้?”
เห็นเช่นนั้นหนี่อู๋ก็ตกใจแล้วลูบคลำตามตนเองด้วยมือที่เลอะเทอะนั้นราวกับกำลังหามันอยู่
“ไม่ต้องหาหรอก มันไม่ได้อยู่บนตัวท่าน ผมได้มันมาจากพาลาดินเกิดใหม่ที่อยู่ด้านนอกนั่น” เซียวเฟิงรีบบอกอีกฝ่ายก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้
“ข้าไม่รู้ตัวเลยว่ามันหล่นหายไป เอาเถอะ ยังไงเสียข้าก็ออกจากที่นี่ไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นกุญแจนั่นก็ไร้ประโยชน์สำหรับข้า บางทีหัวหน้าพาลาดินอาจจะเก็บมันได้เมื่อตอนที่ข้าถูกตามล่าก็ได้ เจ้าคงไม่รู้สินะว่าผู้พิทักษ์ที่อยู่ด้านนอก คนหนึ่งเป็นหัวหน้าพาลาดิน ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นบิชอป เจ้าสองคนนั้นน่ะ คือพวกที่ตามล่าตัวข้าแม้ข้าจะมาอยู่ที่นี่แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าถูกข้าฆ่าตายแทน เพราะงั้นข้าเลยชุบชีวิตทั้งสองคนนั้นขึ้นมาด้วยเวทมนตร์ของอันเดดอันน้อยนิดของข้าเพื่อให้มาคอยปกป้องข้าเอาไว้อีกทีหนึ่ง”
หนี่อู๋ส่ายหน้าและพูดอย่างภาคภูมิใจ เวทมนตร์อันเดดของเขาได้มาจากตอนที่เขาต้องช่วยเหลือพวกปีศาจแห่งความมืด ยังไงเสียเขาก็เป็นคนที่อยากเรียนรู้เวทมนตร์ทุก ๆ อย่างอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีมนตร์ประเภทไหนที่ตัวเองไม่กล้าที่จะเรียนรู้มัน
“แล้วท่านพอจะรู้ไหมว่ากุญแจอีกดอกหนึ่งอยู่ไหน?”
เซียวเฟิงรีบถามต่อ การที่เขากลับมายังหมู่บ้านเริ่มต้น ก็เพื่อหากุญแจปลดผนึกทั้งหมดเนี่ยแหละ
“อีกดอกน่าจะอยู่กับลิชเค่อสู เพราะเมื่อตอนถอยกลับ พวกเราต่างกังวลกันว่าไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจจะผิดคำสัญญาและขโมยศพทูตสวรรค์นี้ไป เพราะงั้นพวกเราจึงแบ่งกุญแจกัน ต่างฝ่ายต่างเก็บไว้คนละหนึ่งดอก” หนี่อู๋พูดหลังจากเงียบคิดไปครู่หนึ่ง
“ลิช?” เซียวเฟิงแอบประหลาดใจ ทำไมเป็นไอ้เจ้านั่นอีกแล้ว?
เขากับลิชนั้นต้องประมือกันอยู่หลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่ป่ามู่กวางหรือในเมืองแห่งความโศกเศร้า เมื่อตอนที่อยู่ในมหาสุสานใต้พิภพก็เห็นเหมือนกัน ไอ้เจ้านี่ ชื่อเต็มคือ ลิชเค่อสูสินะ
เพราะรูปปั้นเทวทูตนี้เกี่ยวข้องกับมันด้วย ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้มันถึงไปกบดานอยู่ที่ป่ามู่กวาง แล้วก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีกด้วยว่าแผ่นหินสำหรับเคลื่อนย้ายที่เซียวเฟิงได้มานี่เป็นฝีมือของใคร มันต้องเป็นสิ่งที่ลิชเค่อสูเตรียมการไว้สำหรับเคลื่อนย้ายเทวทูตตนนั้นไปอย่างแน่นอน
“เช่นนั้นแล้วท่านรู้หรือเปล่าว่าลิชตนนั้นอยู่ที่ไหน?” เซียวเฟิงรีบถาม
“ข้าไม่ได้ออกจากที่นี่มาหลายสิบปีแล้ว จะให้ข้ารู้ได้อย่างไร? แต่ถ้าให้ข้าเดาล่ะก็ คงจะเป็นที่มหาสุสานใต้พิภพล่ะมั้ง เพราะที่นั่นมีซากศพที่ปลดปล่อยพลังมหาศาลเก็บซ่อนไว้อยู่ สิ่งนั้นเองก็เป็นเป้าหมายของมันด้วย น่าเสียดายที่ศพนั่นมีเจ้าของแล้ว ท้ายสุดพวกข้าก็เลยได้แค่ร่วมกันผนึกมันเอาไว้ และเช่นเดิม กุญแจสามารถปลดผนึกมันได้”
หนี่อู๋ผู้ทรยศคิดทบทวนว่าไม่มีอะไรต้องเล่าแล้ว เขาจึงหันไปมองเซียวเฟิงด้วยความรีบร้อนเล็กน้อย “เจ้าถามเสร็จหรือยัง? ถ้าเสร็จแล้วก็เชิญออกไป เลิกรบกวนข้าได้แล้ว วันนี้เจ้าทำลายวัตถุดิบของข้าไปมากมายเลยทีเดียว ข้าไม่เรียกร้องให้เจ้าชดใช้ก็ดีแค่ไหนแล้ว รู้ไหมว่าการหาวัตถุดิบสำหรับแปรธาตุในที่แห่งนี้มันยากเย็นขนาดไหน?”
เซียวเฟิงเห็นหนี่อู๋หันไปเริ่มซ่อมแซมหุ่นเชิดจักรกลหมายเลข 3 ต่อ เขาก็รู้สึกเห็นใจ ดูท่าหนี่อู๋จะขาดแคลนวัตถุดิบจริง ๆ เพราะต้องหลบซ่อนอยู่ในที่แบบนี้เป็นเวลานาน ด้วยเหตุนี้เขาถึงรีบยอมแพ้เมื่อเห็นว่าชั้นวางวัตถุดิบถูกถล่มเละเช่นนี้
แต่แล้วทันใดนั้น บางสิ่งบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของเซียวเฟิง เขาหาของออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดขึ้น “ผมพอจะมีวัตถุดิบอยู่บ้าง ของพวกนี้ค่อนข้างไร้ประโยชน์สำหรับผมเลย อยากจะเก็บไว้ไหมครับ?”
“อะไรล่ะนั่น? เจ้ามีวัตถุดิบเหรอ? เหล็กหรือว่าทองแดงล่ะ? เอามาให้หมดเลย!” เมื่อได้ยินเช่นนั้นหนี่อู๋ผู้ทรยศก็รีบเดินย่องเข้ามาหาเซียวเฟิงทันที
ในกระเป๋าของเซียวเฟิงมีวัตถุดิบที่ไร้ค่าในสายตาเขาค่อนข้างเยอะ ในระหว่างที่ชายหนุ่มพยายามเก็บเลเวลความชำนาญของทักษะหลอม สิ่งตอบแทนจากการทำพลาดนับครั้งไม่ถ้วนก็คือวัตถุดิบเหล่านี้ ตอนนี้เขาสะสมแร่เหล็กมาจนมาเป็นหมื่น ๆ ชิ้นแล้ว ซึ่งมันถึงระดับสูงสุดที่เขาสามารถเก็บได้แล้วด้วย ตอนนี้ชายหนุ่มสามารถทิ้งมันได้แล้วเพราะมันไม่จำเป็นอีกต่อไปเนื่องจากเขาได้อาร์ติแฟกต์มาครอบครองทั้งชุดเป็นที่เรียบร้อย
โครม!
พลันเมื่อเซียวเฟิงนำวัตถุดิบนับหมื่นชิ้นนั้นเทลงมา เสียงโครมครามก็ดังไปทั่วทั้งถ้ำ น้ำหนักของมันเยอะมากขนาดทำให้ชั้นหินภายในนี้เกิดความสั่นสะเทือนได้เลย ภูเขาแร่เหล็กตรงหน้านั้นสูงตระหง่านตา มันสูงยิ่งกว่าเซียวเฟิงซะอีก!
“อ๊าาา! วัตถุดิบ! วัตถุดิบเต็มไปหมดเลย! โอ้ ไม่…พระเจ้า ข้าไม่เคยมีความสุขแบบนี้มานานมากแล้ว! โอยยยยย”
หนี่อู๋ตกใจมาก ๆ กับกองภูเขาวัตถุดิบที่ตั้งอยู่ตรงหน้า แววตาที่จ้องมองไปยังแร่เหล็กปริมาณมหาศาลนั้นราวกับว่ากำลังมองมื้ออาหารที่ห่างหายไปนานหลายสิบปี เขาร้องไห้ออกมาเสียงดังขณะที่เดินมองวัตถุดิบเหล่านี้ด้วยความตื่นเต้น
“นะ…นี่มัน…สมบัติล้ำค่า! …ข้าสามารถเก็บมันทั้งหมดได้หรือไม่?”
เมื่อตระหนักได้ว่าในโพรงถ้ำนี้ยังมีเจ้าของวัตถุดิบอยู่ หนี่อู๋ก็พยายามสำรวมแล้วหันไปถามเซียวเฟิงอย่างระมัดระวังและทำหน้าเว้าวอน
“ท่านเก็บมันไปทั้งหมดนั่นแหละ”
เซียวเฟิงไม่ได้คิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว ยังไงเสียของเหล่านี้ชายหนุ่มก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว ทำได้เต็มที่ก็แค่เอาไปแลกเหรียญทองเล็ก ๆ น้อย ๆ จากร้านค้าระบบ ดังนั้นในเมื่อมันเปรียบได้ดั่งสมบัติในสายตาหนี่อู๋ และสามารถใช้ชดเชยความเสียหายที่ทำไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ได้ เขาก็ไม่ลังเลที่จะให้หรอก
“โอ้! ข้ามองเจ้าผิดไปจริง ๆ ! ข้าต้องขอโทษด้วยกับเรื่องที่ข้าได้พลั้งมือทำลงไปก่อนหน้า! เจ้าคือทูตสวรรค์ที่ถูกพระเจ้าส่งลงมาเพื่อช่วยเหลือข้า! ไม่สิ ไม่เอาพระเจ้า! ปีศาจ! ไม่ได้ เออ อะไรก็ได้ เจ้าคือผู้ช่วยชีวิตข้า! ข้าชอบเจ้ามาก ๆ!”
หนี่อู๋เลิกสนใจจากกองแร่เหล็กตรงหน้าแล้วหันมากล่าวขอโทษเซียวเฟิงด้วยความจริงใจทันที เขาดูเหมือนจะเข้ามากอดมาหอมเซียวเฟิงด้วย แต่เพราะมันดูน่ากลัวไม่น้อย เซียวเฟิงเลยรีบถอยออกก่อนอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้อยากจะสัมผัสตัวกับลิงสกปรกตัวนี้สักเท่าไหร่
[ค่าความพึงพอใจของหนี่อู๋ผู้ทรยศเพิ่มขึ้น 50 แต้ม! ตอนนี้ระดับความพึงพอใจอยู่ที่ พันธมิตร!]
ขณะเดียวกัน เซียวเฟิงก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ แล้วทันทีทันใดหลอดพลังชีวิตของหนี่อู๋ผู้ทรยศก็เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเหลือง นี่เป็นสิ่งที่ทำเอาเซียวเฟิงพูดไม่ออกอีกครั้ง เขาไม่คิดเลยว่ามันจะมีเหตุการณ์แบบนี้ด้วย
“เดี๋ยวก่อนนะ ท่านเป็นคนที่สร้างยาพวกนี้ขึ้นมาใช่ไหม?”
ชายหนุ่มรีบหยุดลิงแก่ที่วิ่งเข้ามาหาตนด้วยการหันไปถามเกี่ยวกับยาที่วางเกลื่อนกลาดไว้เสียก่อน
“ใช่แล้ว! นี่มันเป็นยาระดับทั่ว ๆ ไปที่วิชาเล่นแร่แปรธาตุสามารถสร้างได้เลย ข้าสามารถสร้างมันได้ง่าย ๆ ถ้ามีวัตถุดิบเพียงพอ หรือจะยาขั้นสูงกว่านี้ก็ยังได้ น่าเสียดายที่เจ้าไม่ใช่นักเวท มิเช่นนั้นข้าคงถ่ายทอดวิชาเล่นแร่แปรธาตุให้เจ้าได้”
หนี่อู๋ผู้ทรยศรีบพูด ท่าทีของเขาตอนนี้มันต่างกับก่อนหน้าราวกับฟ้าและเหว นอกจากนี้เขายังดูเหมือนพร้อมที่จะบอกทุกอย่างที่รู้ให้กับเซียวเฟิงด้วย
“ถ้างั้นท่านอยากได้วัตถุดิบอะไรอีกไหม? เดี๋ยวผมจะไปหามาให้”
ยาที่มีความสามารถในการเพิ่มค่าสถานะนั้นหายากมาก ๆ ดังนั้นเซียวเฟิงจะไม่พลาดโอกาสนี้แน่ ๆ
“วัตถุดิบน่ะมันไม่ได้หายากอะไรหรอก แต่ถ้าเจ้าออกไปแล้วเจ้าจะกลับมาด้านในไม่ได้อีกนะ” หนี่อู๋ลังเลก่อนจะพูด เขามองเซียวเฟิงด้วยความหนักใจ
“ทำไมผมถึงจะกลับมาไม่ได้? เกิดอะไรขึ้น?” ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฟิงก็ประหลาดใจ
“ที่แห่งนี้ถูกซ่อนจากสายตาของผู้ที่น่ากลัวที่สุดในวิหารแห่งแสงด้วยวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเข้ามาภายในนี้ได้อย่างไร แต่เจ้าคงกลับมาไม่ได้แน่หากเจ้าออกไปแล้ว” น้ำเสียงของหนี่อู๋แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังหวาดกลัว
“ผู้ที่น่ากลัวที่สุดในวิหารแห่งแสง?” เซียวเฟิงทวนคำพูด
“เทพธิดาแห่งแสง เธอคนนั้นสามารถบุกเข้ามาที่ไหนก็ได้แม้จะไม่ใช่นครศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ว่าเธอจะอ่อนแอลงหากอยู่นอกสถานที่ของตนเองตามกฏที่ผู้สร้างได้ตั้งไว้ แต่ถึงเธอจะอ่อนแอลงขนาดไหน เธอก็ยังสามารถฆ่าข้าได้ง่าย ๆ อยู่ดี เพราะงั้นแล้ว ข้าถึงได้ซ่อนตัวและปกปิดพลังของข้าเอาไว้ภายในถ้ำนี้ด้วยวิชาแปรธาตุเท่านั้น อย่างที่เห็น ข้าไม่ออกไปไหน และก็ไม่มีใครมาตามหาตัวข้าได้”
ยิ่งได้พูดถึงเรื่องนี้ หนี่อู๋ก็ยิ่งดูหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ภาพเมื่อครั้งที่ถูกเทพธิดาแห่งแสงไล่ล่านั้นยังฝังใจเขาเป็นอย่างมาก เธอคนนั้นไม่ลังเลเลยที่จะยอมลดเลเวลตัวเองเหลือ 10 เพื่อแลกกับการตามไล่ล่าเขา หากไม่ได้พลังที่แข็งแกร่งของวิชาเล่นแร่แปรธาตุนี้ เขาคงจะตายด้วยเงื้อมมือของเธอไปแล้ว
“ถ้าคนนั้นผมเองก็รู้สึกเหมือนกัน…” ชื่อนั้นกระตุ้นภาพฝังใจของเซียวเฟิงให้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งเช่นกัน ตัวเขาเองก็รู้ดีถึงความน่ากลัวของเธอคนนี้ เทพธิดาแห่งแสงผู้เลอโฉมคนนั้นเคยบอกเขาไว้ว่าตัวเธอสามารถลบบัญชีของเขาเลยก็ยังได้ตั้งแต่เมื่อตอนอยู่ในหมู่บ้านเริ่มต้น