ทิศเหนือของเมือง คลังอาวุธ
พูดให้ถูกต้องคือตำแหน่งของคลังอาวุธอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง
อาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากของกองทัพถูกเก็บรักษาอยู่ที่นี่ มีเพียงตอนเคลื่อนพลใหญ่เท่านั้นจึงจะเปิดคลัง
ที่นี่ป้องกันแน่นหนา ไม่ว่าเมื่อไรล้วนมีกองกำลังทหารหนึ่งร้อยคนประจำการเสมอ กองกำลังทหารหนึ่งร้อยคนนี้แบ่งเป็นสิบกลุ่มย่อย แต่ละกลุ่มย่อยต้องมีผู้บำเพ็ญเป็นผู้นำหนึ่งคน
แน่นอน นี่ไม่ใช่ว่าอัตราส่วนของผู้บำเพ็ญในกองทัพเมืองเฟิงหลินมากขนาดนั้น แต่เป็นเพราะคลังอาวุธมีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งขุนพลที่ดูแลป้องกันตั้งใจเพิ่มอัตราส่วนของบุคคลชั้นเยี่ยมขึ้นอีก
เมื่อเทียบกันแล้ว จวนเจ้าเมืองกลับมีองครักษ์ผู้บำเพ็ญไม่มากนัก เพราะเว่ยชวี่จี๋ผู้เป็นเจ้าเมืองก็เป็นกำลังรบที่มีพลังสยบมากที่สุดในเมืองเฟิงหลินอยู่แล้ว
ในขณะเดียวกัน การผลัดเวรมาเฝ้าคลังอาวุธก็เป็นหนึ่งในภารกิจประจำวันของศิษย์สำนักเต๋า ทุกวันจะมีลูกศิษย์สำนักเต๋าสองคนมาคุ้มกันที่นี่ คะแนนแต้มเต๋าน้อยนัก แต่ดีที่ได้สม่ำเสมอ อีกทั้งโดยพื้นฐานแล้วไม่มีอะไร ไม่กระทบต่อการนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญ ภารกิจนี้อันที่จริงมีคนมากมายแย่งชิงกัน นับได้ว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอา
คลังอาวุธแบ่งเป็นคลังในและคลังนอก การป้องกันระดับสูงเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เพื่อคุ้มกันเสื้อเกราะดาษดื่นทั่วไปที่กองเป็นภูเขาในคลังนอกพวกนั้น
ดูจากขนาดพื้นที่ คลังในมีพื้นที่เล็กมาก กินอาณาเขตเพียงหนึ่งห้องเล็กๆ ของทั้งคลังอาวุธเท่านั้น
แต่จากกำแพงจนถึงยอดหลังคาลงมาจรดพื้น ล้วนมีค่ายกลสลักเอาไว้โดยเฉพาะ ป้องกันไม่ให้ใครใช้กำลังบุกเข้ามา หากมีการโจมตีที่ค่ายกลพวกนี้ไม่อาจต้านทานได้ ค่ายกลทำลายตัวเองในคลังในก็จะทำงาน
ด้วยมาตรการควบคุมต่างๆ ไม่ว่าใครก็ต้องใช้ตราคำสั่งเฉพาะเข้าไปในคลังในจากประตูหน้าเท่านั้น
และศิษย์สำนักเต๋าสองคนกับกลุ่มย่อยสิบคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกองกำลังทหารหนึ่งร้อยคนก็จะคุ้มกันอยู่หน้าคลังใน นอกจากผลัดเวรป้องกันแล้วจะไม่ก้าวไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว
การคุ้มกันเช่นนี้แทบไม่เกิดข้อผิดพลาดเลย โดยเฉพาะวันนี้ที่เป็นวันสำคัญอย่างงานสามเมืองเสวนาเต๋า กองทัพประจำเมืองจำนวนมากเข้ามาประจำการในเมือง ยิ่งไม่มีใครเซ่อซ่ารนหาที่ตายเข้าไปใหญ่
เช่นนี้เอง เมื่อมีคนสองคนสวมเครื่องแบบทหารประจำเมืองเดินมา อีกทั้งตราคำสั่งที่แสดงก็ไม่มีอะไรผิดปกติ กองกำลังกลุ่มย่อยที่เฝ้าอยู่จึงไม่คิดอะไรมาก ประสานปางมือเปิดประตูคลังในให้
“เดี๋ยวก่อน” ศิษย์สำนักเต๋าประจำเมืองที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะเยื้องไปทางขวาของประตูพลันเอ่ยขึ้น
เดิมทีเขาไม่ได้สงสัยสองคนนี้ แต่รู้สึกว่าเขาต้องตรวจดูตราคำสั่งด้วยสักหน่อย เช่นนี้ถึงจะนับว่าทำหน้าที่ได้สมบูรณ์
สองคนนั้นที่ก้าวเข้าไปในคลังในแล้วพลันหันกลับมา
คนหนึ่งผมยาวสยายราวเข็มแหลมสีดำพุ่งขึ้นฟ้า คนหนึ่งอ้าปากกว้างแดงฉานพ่นงูโลหิตพิษตัวหนึ่งออกมา!
ศิษย์สำนักเต๋าที่บอกให้หยุดคนนั้นถูกผมดำแทงเต็มหน้าทันใด สิ้นใจล้มไปกองอยู่กับพื้น ส่วนผู้บำเพ็ญหัวหน้ากลุ่มย่อยของกองทัพประจำเมืองถูกงูโลหิตพิษพันรัด เหลือเพียงกระดูกขาวในชั่วพริบตา!
ประมือกันเพียงหนึ่งรอบ นอกประตูคลังในก็เหลือกำลังรบแค่ผู้บำเพ็ญหนึ่งคน กองทัพประจำเมืองเก้าคนที่เหลือแม้จะเป็นระดับหัวกะทิ แต่ก็เป็นเพียงกำลังรบมนุษย์ธรรมดา
“ข้าก็แค่อยากแอบอู้เท่านั้น…” ศิษย์สำนักเต๋าที่เหลือเพียงคนเดียวเอามือกุมขมับ พริบตาต่อมาก็ทะยานขึ้นกลางอากาศ แล้วงอนิ้วดีดลูกธนูแสงสีทองแหวกอากาศพุ่งไปหาศัตรู
วิชาเต๋าชั้นสี่ระดับบน ลูกศรแสงทอง
นี่เป็นวิชาที่สำแดงในชั่วพริบตา บ่งบอกว่าคนผู้นี้อย่างน้อยก็สำเร็จวงจรจักรวาลเล็ก พลังบำเพ็ญอยู่ระดับแปดขึ้นไป
เขาโจมตีไปด้วยบัญชาการไปด้วยว่า “กระจายตัวไปรายงานข่าว ทางนี้ข้าจะตรึงกำลังเอาไว้เอง”
ถึงแม้เขาไม่มั่นใจว่าเอาชนะสองคนที่กล้ามาจู่โจมคลังอาวุธเมืองเฟิงหลินได้ แต่ในเมืองเฟิงหลินขณะนี้ กำลังของทางการได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย ขอเพียงส่งข่าวออกไป ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะมาเท่าไร ก็มีจุดจบแค่ถูกล้อมสังหารเท่านั้น
ทหารเชื่อฟังคำสั่งจนเป็นนิสัย แน่นอนว่าไม่มีทางรอช้า ทหารเก้าคนแยกย้ายกันหนีไปทันที
ในเวลานี้ นอกจากสนามประลองที่ผู้แข็งแกร่งรวมตัวอยู่มากมาย ทั่วทั้งเมืองเฟิงหลินก็แทบจะโกลาหลกันหมด
บ้างวางเพลิง บ้างเกิดการเข่นฆ่า ชุลมุนวุ่นวายไปทั่ว
ในคลังอาวุธ ผู้บุกรุกสองคนนั้นก็ไม่ลังเล ให้ผู้บุกรุกที่ใช้ผมดำเป็นอาวุธอยู่ต่อสู้ ส่วนผู้บุกรุกที่พ่นโลหิตพิษตรงดิ่งเข้าไปในคลังใน
พวกมันมีเป้าหมายที่ชัดเจนยิ่ง! ศิษย์สำนักเต๋าที่เหลืออยู่ตรงนั้นเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นในใจ งอนิ้วดีดออกไปติดๆ กัน ประกายคมปรากฏอย่างต่อเนื่อง เขาสำแดงลูกศรแสงทองเป็นฝนธนูท่วมฟ้า!
ลูกศรแสงทองและธนูผมดำเข้าปะทะกัน ฝั่งหนึ่งคมกริบ อีกฝั่งหนึ่งแปลกพิสดาร
ในขณะที่ประจันหน้ากันอยู่ก็พลันมีดาบยาวเล่มหนึ่งวาดผ่านมา ผู้บุกรุกผมดำล้มลงกระแทกพื้น ศีรษะขาดออกจากตัว
เว่ยเหยี่ยนถือดาบยาวพุ่งตัดเข้าไปในคลังใน
งูโลหิตพิษกระโจนเข้ามาเผชิญหน้า เขาไม่หลบไม่หลีก ฟันดาบยาวออกไปในแนวตั้ง จัดการตัดมันออกเป็นสองท่อน ในพริบตาที่เขาฟันงูโลหิตขาด ก็ประชิดถึงตัวผู้บุกรุกที่ใช้โลหิตพิษแล้วแทงดาบเข้าไปในหัวใจจนมิด!
แต่ผู้บุกรุกกลับหัวเราะแปลกประหลาด เสียงของเขาแหบแห้ง ใช้พลังเฮือกสุดท้ายกล่าวอย่างยินดีว่า “ข้าส่งเทียนยมโลกออกไปแล้ว!”
ด้านหลังเว่ยเหยี่ยน งูโลหิตพิษที่ถูกฟันขาดเป็นสองท่อนพลันบิดตัว ครึ่งหนึ่งพุ่งไปยังศิษย์สำนักเต๋าที่ใช้วิชาชั่วพริบตาลูกศรแสงทอง ขัดขวางการเคลื่อนไหวของเขา ส่วนอีกครึ่งหนึ่งบิดเลื้อยหนีไปเหมือนงูจริงๆ!
ไม่ต้องสงสัยเลย ของวิเศษที่ชื่อว่าเทียนยมโลกนั่นอยู่ในงูโลหิตครึ่งท่อนนี้
“เทียนยมโลกจะให้พวกเจ้าก็ได้” เว่ยเหยี่ยนดึงดาบออกจากหัวใจของคนผู้นี้ น้ำเสียงเย็นเยือกราวน้ำค้างแข็ง “แต่คนของพวกเจ้าที่มาในวันนี้ ข้าจะฆ่าให้สิ้นซาก!”
ในขณะเดียวกัน สถานที่ต่างๆ ในเมืองเฟิงหลินมียอดฝีมือที่ดักซุ่มอยู่นานแล้วปรากฏตัวขึ้น
ผู้ลอบโจมตีคนหนึ่งเพิ่งวางเพลิงเสร็จ พริบตาต่อมาก็ถูกยิงกลายเป็นเม่น ไฟก็ถูกดับลงทันที
อีกด้านหนึ่ง วิชาเต๋าโหดเหี้ยมเพิ่งพุ่งเข้าหาคนบนถนน ก็เห็นคลื่นน้ำม้วนซัด ท่อนซุงกลิ้งลงมาเสียงดังเลื่อนลั่น…วิชาเต๋าเป็นชุดโจมตีจนผู้ลอบโจมตีกลายเป็นเศษเนื้อ
เมืองหลินเฟิงเตรียมการป้องกันเอาไว้แล้ว ยอดฝีมือเกือบทุกคนลงมือ ภัยร้ายถูกควบคุมไว้ได้ในทันที
……
“เกิดอะไรขึ้น” พอได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังมาจากที่ไกลๆ เจียงวั่งอุ้มอันอันขึ้นมาทันที
ชายชราหลังค่อมแซ่กุ้ยคนนั้นก็จูงมือชิงจื่อไว้ทันใดเช่นกัน
“ไม่ต้องแตกตื่น” เว่ยชวี่จี๋บนแท่นผู้ชมยื่นมือกดลง “การต่อสู้ดำเนินต่อไป!”
ด้านนอกสนามประลอง นอกจากทหารที่รักษาความเรียบร้อย กองทัพประจำเมืองแต่ละกองก็กระจายกันไปทุกทิศ
เหล่าประชาชนที่ล้อมดูการแข่งขันอยู่ไม่ตกใจกลัว หากเว่ยชวี่จี๋และต่งเอออยู่ด้วยแล้วพวกเขายังมีอันตรายได้ เช่นนั้นอยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น
อีกอย่างเห็นได้ชัดว่ากองทัพประจำเมืองเหล่านี้กำลังปฏิบัติภารกิจทางทหาร พวกเขาไม่กล้าออกไปรบกวน
……
ในคลังอาวุธ เว่ยเหยี่ยนก้าวยาวๆ ออกมา ตวาดด้วยความโมโหว่า “เสิ่นหนานชี เมื่อครู่ทำไมเจ้าจึงไม่ขวางงูโลหิตท่อนนั้นเอาไว้ อย่าพูดนะว่าเจ้าทำไม่ได้!”
งูโลหิตเอาเทียนยมโลกหนีไป ขอเพียงส่งต่อไม่กี่ครั้ง ของชิ้นเล็กที่ประณีตวิจิตรชิ้นนั้นก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นี่ก็หมายความว่า ‘เหยื่อ’ ที่เว่ยชวี่จี๋เอาออกมาถูกฮุบกินไปแล้ว พวกเขาจะต้องฆ่า ‘ปลา’ ทุกตัวทิ้ง
ศิษย์สำนักเต๋าชื่อเสิ่นหนานชีใช้เสียงเดือดดาลเหมือนกันตวาดกลับ “ข้าจะไปรู้หรือว่าเทียนยมโลกคืออะไร ใครเคยบอกข้าบ้าง ในเมื่อเจ้ามีแผนอยู่แล้ส เตรียมการไว้ตั้งแต่แรก ทำไมจึงไม่บอกพวกข้าบ้าง ศิษย์น้องสำนักเดียวกับข้าตายแล้ว ตายต่อหน้าต่อตาข้านี่!”
แสงทองบนมือเขาทอประกายรางเลือน หากไม่ใช่เวลาแบบนี้ เขาคงแทบอดไม่ไหวส่งลูกศรแสงทองใส่หน้าเว่ยเหยี่ยนแล้ว
“พี่น้องกองทัพประจำเมืองของเราตายมากยิ่งกว่า” เว่ยหยี่ยนสีหน้าเคร่งขรึม
เขาคงไม่อยากจะอธิบาย แต่ก่อนที่จะหมุนตัวไปจากที่นี่ยังเอ่ยเสริมอีกประโยคว่า “พวกเราไม่รู้แผนการดักซุ่มของคนพวกนั้น หากไม่ปิดเป็นความลับ พวกมันไม่มีทางปรากฏตัว”
‘คนพวกไหน’ เสิ่นหนานชีอยากจะถามอีก แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป เขารู้ว่าไม่มีทางที่จะได้คำตอบ
ตอนนี้เขาคิดจนเข้าใจแล้ว วันนี้ถึงตาตนเองมาแอบอู้ที่นี่ได้ บางทีก็อาจเป็นการจัดแจงของเว่ยเหยี่ยน ไม่ได้ขึ้นเวทีต่อสู้และยัง ‘ว่าง’ พอดี อีกทั้งในบรรดาศิษย์สำนักเต๋าที่จะสามารถตรึงกำลังคู่ต่อสู้ระดับนี้ได้ ก็ไม่มีใครเหมาะไปกว่าเขาเสิ่นหนานชีแล้ว
อันดับห้าบนกระดานแต้มเต๋าเมืองเฟิงหลิน เสิ่นหนานชี
คนที่ชอบที่สุดไม่มี คนที่เกลียดที่สุดคือเว่ยเหยี่ยน
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ทั้งที่เชี่ยวชาญวิชาเต๋าธาตุทองเหมือนกัน แต่เขากลับไม่ใช่คู่มือของเว่ยเหยี่ยน
………………………………………………………