บทที่ 324 เนตรสองลักษณ์หยินหยาง ชาตระหนักรู้ใจฟ้า

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 324 เนตรสองลักษณ์หยินหยาง ชาตระหนักรู้ใจฟ้า

หลังจากหนีตายมาจากใจกลางเกาะมังกร เสิ่นเทียนก็เงียบลงไปมาก

ถึงอย่างไรก็เป็นโลกฝึกบำเพ็ญปลาใหญ่กินปลาเล็ก อีกทั้งยังเป็นแดนลับเขตทะเลเบิกฟ้าที่มีอันตรายอยู่ทุกที่

ไม่มีใครรู้ว่าที่นี่ซ่อนความลับไว้เท่าไร หากลดความระวังลงก็อาจจะสิ้นชีพลงได้

ในตัวมีสมบัติที่ยังเก็บไม่เรียบร้อยมากขนาดนี้ เสิ่นเทียนจึงไม่อยากโยนเนื้อร้อยกว่าชั่งไว้ที่นี่

เขาเก็บกลิ่นอายพลังรอบตัวเข้าไปทั้งหมด ก่อนจะกางสองปีกข้างหลังบินกลับไปบึงน้ำอีกครั้ง

และตอนนี้เอง มังกรพิษเงาดำน่าสงสานั่นเพิ่งเอาชนะความกลัวในใจ อยากจะกลับบ้านมาดู

ปรากฏว่ามันเดินได้ครึ่งก้าวก็พบกับดินเลนบึงเหนียวนุ่ม ประกายแสงสีทองสว่างจ้าสายหนึ่งมาลงตรงหน้ามัน

เจ้ามนุษย์ชั่ว มันกลับมาอีกแล้ว!

บรู้ว~

ฮือๆๆ~

มังกรพิษเงาดำตกใจกระโดดขึ้นเหมือนกับฮัสกี้

จากนั้นมันก็วิ่งหนีไปอีกทางโดยไม่หันกลับมามองเลย เหมือนว่าถ้าช้าไปวินาทีเดียวจะถูกตุ๋น

“เจ้าคือมังกรพิษรุ่นที่ห่วยที่สุดที่ข้าเคยเจอมาเลย”

เสิ่นเทียนส่ายหน้า ร่างถูกหุ้มด้วยพลังฤทธิ์ ทั้งตัวเขาจมเข้าไปในดินบึงอีกครั้ง ไม่นานก็พบทางเข้าแดนลับเต่าดำอีกครั้ง จนถึงตอนนี้ เสิ่นเทียนถึงถอนหายใจโล่งอกจากใจจริง

“พี่เสิ่นเทียนกลับมาแล้ว!”

เอ๋าอูยิ้ม “หลายวันมานี้พี่เซ่าเสวียนจะออกไปตามท่านตลอดเลย พวกเราเป็นห่วงท่านมาก”

ฉีเซ่าเสวียนหันหน้าไปอีกทางอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “พูดไร้สาระ แซ่ฉีแค่อยากออกไปสำรวจเท่านั้น ดูว่าเผ่ามังกรพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

หวังเสินซวีนอนหมอบอยู่ด้านข้าง แบะปากพูด “หยุดเถอะ! ข้าว่าเจ้าอยากออกไปฝึกคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์อย่างเต็มที่มากกว่า!”

เจ้าคนโอหังนี่ เห็นๆ อยู่ว่ารังเกียจท่าทางการฝึกคัมภีร์วสันต์นิรันดร์ จึงอยากแอบออกไปฝึกคนเดียว

คนชั่วก็งอแงไร้เหตุผลเช่นนี้!

ฉีเซ่าเสวียนหน้าแดง “จะ…เจ้าอย่ามาใส่ร้ายโดยไม่มีหลักฐานเชียว!”

หวังเสินซวียิ้มเหยียดหยาม ขี้เกียจจะสนใจเจ้านี่แล้วจึงหดศีรษะดูดซับพลังต่อ เส้นผมขาวปลิวไสว

เห็นได้ชัดว่าหลังถูกความตายคุกคาม หวังเสินซวีก็ยกระดับความเข้าใจในคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์อย่างรวดเร็ว ลึกถึงระดับแก่นแท้แล้ว

ตอนนี้เขานอนกางสี่ขาหน้าศิลาหินอมตะ ท่าทางเหมือนกับเต่าดำขนสีขาวอย่างยิ่ง มองไกลๆ เหมือนกับเต่ามังกรแบกศิลา

แน่นอน แม้ท่านี้จะไม่ค่อยงดงาม แต่ให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมมาก

เสิ่นเทียนสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณมหาศาลไหลรวมไปทางหวังเสินซวี กำลังเติมเต็มความว่างเปล่าของกายเนื้อเขา

แม้เทียบกับอายุขัยที่หวังเสินซวีเสียไปแล้ว พลังวิญญาณพวกนี้จะเหมือนน้ำน้อยแพ้ไฟ แต่ก็ถือว่าก้าวหน้าค่อนข้างชัดเจน

อย่างน้อยถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ในสองสามปีนี้หวังเสินซวีจะมีหวังฟื้นอายุขัยทั้งหมดที่เสียไปได้

ต้องรู้ว่าสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญแล้ว หลายปีสั้นๆ ไม่ถือว่าเท่าไรเลย

บางทีการปิดด่านบำเพ็ญระดับลึกล้ำครั้งหนึ่งก็กินเวลาไปหลายปีแล้ว ฟื้นอายุขัยหลายร้อยปีได้ในเวลาหลายปี นี่เรียกว่ากำไรอย่างงาม

แน่นอนว่าเงื่อนไขของทุกอย่างคือหวังเสินซวีต้องขายผ้าเอาหน้ารอดต่อไป อย่าตัดอายุขัยตามใจอีก ไม่เช่นนั้นอายุขัยของเขาจะมีแต่เดี๋ยวเพิ่มเดี๋ยวลด

อืม เหมือนกับกองทุนหุ้นในโลกก่อนทุกประการ

……

“เอาละ ทุกคนอย่าก่อเรื่องเลย”

เสิ่นเทียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “แซ่เสิ่นออกไปครั้งนี้ ได้พามังกรยักษ์พวกนั้นวิ่งเป็นวงกลมใหญ่หลายรอบ ตอนนี้พวกมันคงจะเลิกตามล่าพวกเราแล้ว ทุกคนออกไปผจญภัยกันได้เต็มที่เลย”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้สามคนตาเป็นประกาย

เหตุใดสามคนถึงคุดคู้อยู่ในมิติเต่าดำแห่งนี้หลายวันไม่กล้าออกไป ไม่ใช่เพราะมังกรยักษ์พวกนั้นกำลังปิดล้อมอยู่หรอกรึ!

ไม่นึกเลยว่าสหายเสิ่นจะรับมือกับมังกรยักษ์พวกนั้นทั้งหมด น่าเหลือเชื่อจริงๆ

เอ๋าอูมองเสิ่นเทียน สมกับเป็นสหายทำสัญญากับท่านย่า

แกร่งกว่าพี่เซ่าเสวียนมากจริงๆ

ทุกคนเก็บของตนเองแล้วเดินออกจากมิติเต่าดำ แน่นอนว่าก่อนไปยังไม่ลืมแสดงความเคารพศิลาหิน ถึงอย่างไรก็รับมรดกของมหาจักรพรรดิอมตะมาแล้ว ไม่ว่าจะด้านน้ำใจหรือเหตุผลก็ควรเคารพนอบน้อม

กระทั่งเสิ่นเทียนยังตัดสินใจว่าจะถ่ายทอดคัมภีร์วสันต์นิรันดร์ให้กับอู่อู๋ตี๋

ถึงอย่างไรอู่อู๋ตี๋ก็เป็นเต่าดำเพียงตัวเดียวที่หายากในตลอดช่วงหลายปีมานี้ของเผ่าเทพเต่าดำทะเลอุดร มีคุณสมบัติรับมรดกของมหาจักรพรรดิอมตะ

ตอนที่เสิ่นเทียนพาทุกคนออกมาบนเกาะมังกรอีกครั้ง ฟ้าก็ค่อยๆ มืดลงแล้ว

แสงดาวสาดส่องบนเกาะมังกร แสงจันทร์ใสสะอาดเป็นพิเศษ

หากมีผู้ฝึกบำเพ็ญที่ฝึกฝนวิชาสายหยินอยู่ ตอนนี้จะต้องตื่นเต้นมากแน่

เพราะแก่นบริสุทธิ์ตะวันและจันทราธาตุหยินบริสุทธิ์เช่นนี้บริสุทธิ์มากจริงๆ มีประโยชน์กับผู้ฝึกบำเพ็ญภูตผีและผู้ฝึกมารอย่างมาก

เมื่อเห็นดวงจันทร์สุกสกาวดั่งถาดหยกนั้นแล้ว เสิ่นเทียนก็เผยสีหน้าเฝ้ารอคอย

ตามภาพโชคลิขิตแล้ว คือวันนี้!

ฉีเซ่าเสวียนถือง้าวมังกรสวรรค์ ดวงตาตั้งตรงสีม่วงตรงระหว่างคิ้วมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง

แม้รอบๆ จะไม่มีมังกรยักษ์ปิดล้อมแล้ว แต่ฉีเซ่าเสวียนก็ยังตื่นตัวนิดๆ “สหายเสิ่น ตอนนี้เราจะไปที่ใด”

เสิ่นเทียนยิ้ม “ขอไม่ปิดบังแล้วกัน หลายวันมานี้แซ่เสิ่นเดินทางบนเกาะมังกร พบแดนลับอีกแห่ง ในนั้นน่าจะมีมหาโชคลิขิต”

เสิ่นเทียนพูดจบ อีกสามคนก็อึ้งไป

พบแดนลับอีกแล้วรึ

สหายเสิ่น นี่เจ้ากำลังล้อเราเล่นอยู่รึ

อะไรคือแดนลับ แดนลับก็คือสถานที่ที่ซ่อนอยู่ลึกลับมาก

แดนลับบ้านเจ้าเจอกันบ่อยเช่นนี้เลยหรือ สหายเสิ่น เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าเจ้าไม่ใช่บุตรแห่งโชคอีก!

ฉีเซ่าเสวียนมองเสิ่นเทียนด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ “สหายเสิ่นคิดว่าแดนลับนั่นเทียบกับมิติเต่าดำแล้วเป็นอย่างไร”

เสิ่นเทียนยิ้ม “แซ่เสิ่นก็ไม่รู้ เพราะแซ่เสิ่นยังไม่ได้เข้าไปสำรวจเลย”

……

สามคนมองหน้ากัน เวลานี้รู้สึกแค่ตื่นตกใจอย่างยิ่ง

ทุกคนรู้ว่าแดนลับนี่ ปกติจะซ่อนทรัพย์สมบัติและโชคลิขิตยิ่งใหญ่ไว้

คนที่เข้าไปในแดนลับคนแรกสุดจะมีโอกาสครอบครองก่อน กระทั่งอาจจะกวาดผลประโยชน์ไปได้มากกว่าเก้าส่วน ส่วนคนที่เข้าไปทีหลัง คงไม่ได้ดื่มแม้แต่น้ำแกง

สหายเสิ่นพบแดนลับใหม่แล้วเห็นๆ แต่กลับมาบอกพวกเราว่าจะเข้าไปสำรวจด้วยกัน นี่ต้องมีจิตใจระดับใดกัน นี่มันเสี่ยวเมิ่งฉางแห่งเทพสวรรค์ชัดๆ!

ทุกคนไม่คิดว่าเสิ่นเทียนจะไม่มีความมั่นใจว่าจะรับมือกับอันตรายในแดนลับได้ถึงได้ลากพวกเขามา เพราะพวกเขารู้ดีว่าศักยภาพของเสิ่นเทียนอยู่เหนือกว่าพวกเขา

หากเสิ่นเทียนรับมือกับอันตรายพวกนี้ไม่ได้ ต่อให้ลากพวกเขามาก็เท่ากับส่งไปตายเท่านั้น กระทั่งหากเจออันตรายใหญ่หลวงที่แท้จริง เสิ่นเทียนก็อาจจะต้องช่วยพวกเขาด้วยซ้ำ

“สหายเสิ่น ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว จากนี้เจ้าคือพี่น้องแท้ๆ ของแซ่หวัง”

หวังเสินซวีสะบัดเส้นผมขาวทั้งศีรษะ เบิกเบ้าตาดำพลางพูดขึ้น “ถ้าต้องการอะไร ข้าแซ่หวังจะขึ้นภูเขาดาบลงหม้อน้ำมัน ตัดอายุขัยทั้งหมดก็จะไม่ปฏิเสธ”

ฉีเซ่าเสวียนชำเลืองตามองหวังเสินซวี “อายุขัยอันน้อยนิดที่เหลือของเจ้า อย่าเอาออกมาเลยดีกว่า”

หวังเสินซวีพูดไม่ออก

เมื่อเห็นฉีเซ่าเสวียนกับหวังเสินซวีปะทะคารมกัน เสิ่นเทียนก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

เจ้าสองคนนี้ไม่รู้ว่าเป็นปฏิปักษ์กันหรือไม่ เห็นๆ อยู่ว่าถ้าไม่สู้ก็จะไม่เป็นสหายสนิทกัน แต่ฝีปากกลับไม่มีความเห็นใจกันเลย

ไม่รู้ว่าจะเถียงอะไรกัน จะทะเลาะอะไรกัน

………

สองคนกับหนึ่งมังกรตามเสิ่นเทียนไปไม่นานก็ออกจากบึงพิษร้ายแรง บินออกไปไกลหลายร้อยลี้

เกาะมังกรในคืนนี้เหมือนจะต่างไปเล็กน้อย มังกรยักษ์ทั้งหมดเก็บตัวเงียบอยู่ในรังของตน

ทั้งเกาะมังกรสั่นไหวเบาๆ มีเสียงดังมาจากใต้ดิน เหมือนกับเสียงฟ้าร้อง และยังเหมือนมีคลื่นลูกใหญ่โหมซัดสาดไม่พัก

ในฟ้าดินอัดแน่นไปด้วยอำนาจคุกคามแข็งแกร่ง เหมือนว่ามีบางสิ่งที่อยู่สูงสุดกำลังมาเยือน

“พี่เสิ่นเทียน พี่เซ่าเสวียน ข้ารู้สึกว่าสายเลือดกำลังสั่นกลัว”

เอ๋าอูมีสีหน้าย่ำแย่เล็กน้อย กระทั่งยังไม่อาจคงร่างมนุษย์ไว้ได้ เผยร่างจริงออกมา

ฉีเซ่าเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนมองเสิ่นเทียน “สหายเสิ่น นี่…”

เสิ่นเทียนส่ายหน้า “ไม่ต้องกังวล นี่น่าจะเป็นตัวแปรพิเศษบางอย่างบนเกาะมังกร ยืนหยัดไว้ก็พอ”

กลุ่มคนต้านอำนาจมังกรรุนแรงยืนหยัดเดินหน้าต่อไป

โชคดีที่นอกจากเอ๋าอูแล้ว คนอื่นๆ สามคนก็ยังเป็นเผ่ามนุษย์ ไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดันเหนือกว่าของเผ่ามังกรชัดเจนเท่าเอ๋าอู

ทุกคนอ้อมเกาะเทพมังกรเดินเข้าไปรอบนอกในราวพันกว่าลี้ ในที่สุดก็มาอยู่หน้าแอ่งกระทะยักษ์แห่งหนึ่ง

แอ่งกระทะนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายหมื่นจั้ง มีพลังวิญญาณหนาแน่นวนเวียนอยู่ทุกที่

และที่แปลกและมหัศจรรย์กว่านั้นคือแอ่งกระทะยักษ์นี่เหมือนจะแฝงไว้ด้วยเขตแดนสูงสุดบางอย่าง แบ่งแยกหยินหยางกันโดยธรรมชาติ

ครึ่งทางซ้ายของแอ่งกระทะเป็นหินหนืดเปลวไฟไร้ที่สิ้นสุดหมุนม้วนไม่หยุดหย่อน แผ่พลังงานความร้อนน่าสะพรึงที่ทำให้คนหายใจติดขัดออกมา

ครึ่งทางขวาของแอ่งกระทะกลับเป็นน้ำแข็งสีดำหมื่นปีที่หนาวเยือกเข้ากระดูก เหมือนมองทีเดียว สายตายังเป็นน้ำแข็ง

พื้นที่เขตหนาวและร้อนสุดขั้วในฟ้าดินเช่นนี้ กลับรวมอยู่ด้วยกันอย่างน่าประหลาด

เห็นได้ชัดว่าเขตแดนแอ่งกระทะนี้ไม่ธรรมดาเลย

…….

เสิ่นเทียนพูดเนิบนาบ “แซ่เสิ่นเคยได้รับมรดกบันทึกมองลอดวิญญาณสวรรค์มา ในนั้นบันทึกเขตแดนมรดกห้าอย่าง หากแซ่เสิ่นเดาไม่ผิด เขตแดนในแอ่งกระทะนี้น่าจะเป็นเนตรสองลักษณ์หยินหยาง”

เนตรสองลักษณ์หยินหยาง คือหนึ่งในเขตแดนสูงสุดในห้าดินแดน ซ่อนโชควาสนาไว้มากมาย

โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งที่ฝึกวิชาหยินและหยางสุดขั้ว ถ้าเจอเขตแดนเช่นนี้ นี่คือแดนล้ำค่าในการฝึกบำเพ็ญ

แน่นอน เทียบกับสมบัติสุดยอดที่เนตรสองลักษณ์หยินหยางบ่มเพาะแล้ว ตัวเขตแดนต่างกันลิบลับ

ก่อนจะเห็นว่ากลางเขตแดนปลาหยางที่มีหินหนืดเปลวไฟนั้นมีตาปลาหยินเย็นเยือกก้อนหนึ่งปลูกต้นไม้ต้นหนึ่งบนนั้น

ต้นไม้นั้นคือต้นชา มีความสูงหลายพันจั้ง ทุกส่วนแผ่ท่วงทำนองมรรคเข้มข้น บนใบชายังมีลวดลายลึกลับอย่างลายสลักบนภาชนะทองเหลืองโบราณและหงส์มังกรเป็นต้น

สายลมเบาพัดผ่านต้นชาสีม่วงนี้ ใบชาพวกนั้นแกว่งไกวเบาๆ ส่งเสียงแห่งมรรคไพเราะเหมือนกับกระดิ่งลม

เมื่อเสียงแห่งมรรคดังแว่วมา พวกเสิ่นเทียนรู้สึกว่าในใจใสสะอาดอย่างยิ่ง เหมือนได้สัมผัสอิทธิฤทธิ์ลึกลับ

“หนึ่งใบชาหนึ่งเส้นทาง หนึ่งต้นชาตระหนักใจฟ้า”

ฉีเซ่าเสวียนเหม่อมองต้นชานี้พลางพึมพำกับตัวเอง “หรือว่านี่จะเป็นต้นชาตระหนักรู้ในตำนาน”

ต้นชาตระหนักรู้นั่นคือพืชวิญญาณสูงสุดของลัทธิเต๋า มีชื่อเสียงทัดเทียมกับต้นโพธิ์ของพุทธศาสนา

ความสามารถของมันคล้ายๆ กัน นั่นคือช่วยผู้ฝึกบำเพ็ญตระหนักมรรค

เท่าที่ฉีเซ่าเสวียนรู้มา สำนักศึกษาจี้เซี่ยในดินแดนกลางก็ปลูกต้นชาตระหนักรู้โบราณต้นหนึ่ง

จักรพรรดิฮวงสือเป็นคนปลูกด้วยตนเอง ใช้ของเหลววิญญาณสูงสุดต่างๆ รดมัน ก็ยังมีความสูงแค่หลายร้อยจั้ง

…….

ทว่าชาตระหนักรู้ต้นนี้ กลับมีความสูงหลายพันจั้ง

ต้องรู้ว่าไม่ว่าจะต้นชาตระหนักรู้หรือต้นพุทธะโพธิ์ ยิ่งอายุมากเท่าไรก็ยิ่งมีประสิทธิผลมากเท่านั้น

ต้นชาตระหนักรู้เช่นนี้ ประสิทธิภาพของใบชามัน…จะน่ากลัวเพียงใด!

โชคลิขิตนี้ ยิ่งใหญ่ที่สุด!

…………………..