ตอนที่ 665 งานเลี้ยง! พลิกล็อกกันน่าดู (5) / ตอนที่ 666 งานเลี้ยง! พลิกล็อกกันน่าดู (6)

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 665 งานเลี้ยง! พลิกล็อกกันน่าดู (5)

งานเลี้ยงของกู้เชินในวันนี้ นอกจากเชิญเพื่อนและญาติสนิทแล้วยังมีการเชิญคนรู้จักที่มีชื่อเสียงระดับโลกและหุ้นส่วนทางธุรกิจ เรียกได้ว่าชวนคนในแวดวงบนของปักกิ่งมาเกือบหมดแล้ว

เขาไม่ได้ชื่นชอบความหรูหราสูงส่งแบบนี้เลย แต่คราวนี้เขาอยากให้ทุกคนรู้ว่าอวี๋กานกานก็คือกู้

เหยียนอวี๋ลูกสาวของเขา

ทุกอย่างเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว สิ่งเดียวที่กังวลอยู่คืออวี๋กานกานไม่มาปรากฏตัว

โดยเฉพาะวันนี้ ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้เขาก็มีความไม่สบายใจตลอดเวลา

คิดเสมอว่าหากอวี๋กานกานไม่มา นั่นหมายความว่าเธอไม่ยอมรับเขาคนนี้เป็นพ่อ

จนเมื่อครู่นี้เห็นเธอเดินควงแขนฟังจือหันเข้ามาปรากฏตรงประตูโถงงานเลี้ยง จิตใจที่ไม่สงบในที่สุดก็วางใจได้

หลายปีแล้วที่พึ่งจะกลับมารู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง ทำตัวไม่ถูกแล้วไม่รู้ว่าจะพูดกับเธออย่างไรดี

ในขณะที่กำลังลังเล เขาก็เห็นว่ากู้ซูหลิงเดินเข้าไป เขาดูก็รู้ว่าต้องไปก่อเรื่องวุ่นวายแน่ๆ ทันใดนั้นเขาจึงไม่คิดอะไรมากแล้วรีบเดินฝ่าวงล้อมเข้าไปทันที

ฟังจือหันคบกับเสี่ยวอวี๋แล้ว ทำไมกู้ซูหลิงถึงยังไม่ตัดใจอีก หรือว่าอยากจะตีท้ายครัวลูกสาวของเขา

ความอดทนและเห็นแก่ความเป็นพ่อลูกในใจของกู้เชินเหลือเพียงเพราะพฤติกรรมต่างๆ ของกู้ซูหลิงแค่นั้น

งานเลี้ยงเริ่มแล้ว เมื่อพิธีกรกล่าวจบ กู้เชินจึงเดินขึ้นเวที

กู้เชินสูดหายใจเข้าลึกๆ มองทุกคนในงานก่อนจะกล่าวขึ้น “ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้นะครับ”

เสียงปรบมือดังขึ้น

“วันนี้นอกจากจะเป็นงานวันเกิดผมแล้ว ก็อยากจะถือโอกาสนี้บอกให้ทุกคนได้ทราบว่าผมตามหากู้

เหยียนอวี๋ลูกสาวของผมที่หายตัวไปหลายปีเจอแล้ว”

คำพูดนี้ไม่ได้กระตุ้นให้เกิดพายุลูกใหญ่

ถึงอย่างไรทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่ากู้เชินพยายามตามหาลูกสาวที่หายตัวไปตลอด แล้วพวกเขาก็รู้ว่ากู้เชินตามหาลูกสาวเจอแล้ว

หญิงสาวที่อยู่กับกู้เหยียนอวี๋เมื่อครู่นี้ ถึงไม่ต้องแนะนำแต่ทุกคนก็สามารถเดาได้ว่านั่นคือกู้เหยียนอวี๋

“ต้องโทษแต่ผมที่ตอนนั้นไม่ได้ดูแลลูกสาวอย่างที่ควรถึงทำร้ายลูกจนไปเกิดอุบัติเหตุ…” กู้เชินพูดอย่างเจ็บปวด มีความรู้สึกมากมายอัดแน่น แม้จะกำลังยิ้มอยู่แต่น้ำเสียงกลับแหบพร่า

“หลายปีมานี้เธอต้องระหกระเหินและได้รับความลำบากมาก ผมรู้สึกผิดในฐานะพ่อจริงๆ แต่โชคดีที่ใจผมไม่ยอมแพ้ ในที่สุดก็ตามหาเธอจนเจอ”

กู้เชินพูดเจือรอยยิ้ม “วันนี้นอกจากจะแนะนำเธอแล้ว ก็หวังว่าทุกคนจะช่วยเป็นพยานให้ผม กู้เหยียนอวี๋ลูกสาวของผมจะเป็นทายาทเพียงคนเดียวของกู้กรุ๊ป ส่วนหุ้นทั้งหมดของผมนามกู้เชินก็จะเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว”

คำพูดนี้สร้างความตื่นเต้นราวกับระเบิดความประหลาดใจถูกทิ้งลงทะเลลึก

ทุกคนในงานตะลึงเบิกตาโตอ้าปากค้าง

หลังจากเงียบไปหลายวินาทีก็เกิดความโกลาหลขึ้นในหมู่คนที่มางาน ทุกคนไม่อยากเชื่อและไม่เข้าใจว่าทำไมกู้เชินถึงโพล่งออกมาเช่นนี้

ให้ลูกสาวกลับมาก็ดีแล้ว แต่ทำไมเขาถึงประกาศว่ากู้เหยียนอวี๋คือทายาทเพียงคนเดียวของกู้กรุ๊ป

เขายังมีลูกชายอีกคนไม่ใช่เหรอ

ไม่มอบให้ลูกติดยังพอเข้าใจได้ แต่จะไม่ให้ลูกชายได้อย่างไรล่ะ

นี่ทำให้คุณผู้หญิงกู้ในตอนนี้เกิดความรู้สึก

นี่มันเป็นไปไม่ได้!

กู้ซูหลิงและจูอวี้ลู่เป็นคนที่ตกใจมากที่สุดในบรรดาทุกคน พวกเธอเบิกตามองไปที่กู้เชินราวกับกำลังฟังเรื่องล้อเล่น

จูอวี้ลู่กำหมัดแน่น เธอบอกแล้วกูช่วงนี้กู้เชินมีท่าทีแปลกไป ที่แท้ก็มีเจตนาเช่นนี้เอง

ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าลูกสาวตัวปลอมคนที่ใช่ลูกจริงหรือเปล่า

กู้ซูหลิงไม่สงบสุขอีกต่อไป ทำไมคุณพ่อถึงเอาสมบัติทุกอย่างไปให้นังตัวปลอมคนนั้น!

ตอนที่ 666 งานเลี้ยง! พลิกล็อกกันน่าดู (6)

อย่างไรก็ตามยังมีอีกเรื่องที่ต้องคำนึงถึง ของปลอมยังไงก็คือของปลอม เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะสืบทอดมรดกของกู้เชิน

แต่ก็ยังโมโหอยู่ดี!

กู้เชินชักจะลำเอียงเกินไปแล้ว!

หลิงนีอดหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้ ฉากหลังเงียบเสียงลง เธอจึงไม่สามารถส่งเสียงได้จึงหันไปยิ้มกับจางอี๋เสวี่ยด้วยสีหน้ามีความสุข

“ลูกเลี้ยงก็คือลูกเลี้ยง สตางค์แดงเดียวก็ไม่ได้ ไม่เลวๆ” หลิงนีพูดอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น

“แต่ว่าคุณกู้เชินยังมีลูกชายแท้ๆ อีกหนึ่งคนนี่นา ไม่ให้ลูกชายสืบทอดแต่กลับให้ลูกสาวเป็นคนสืบทอดแทน คุณพระ จู่ๆ ฉันก็นึกอิจฉากู้เหยียนอวี๋ขึ้นมา ฉันก็อยากจะเป็นลูกสาวของคุณกู้เชินเหมือนกัน” จางอี๋เสวี่ยมีสีหน้าริษยา ต่อให้ตระกูลจางต้องสืบทอดมรดกก็คงไม่ยกให้ลูกสาวหรอก

“ถ้าอย่างนั้นเธอลองหายตัวไปสักสิบปีสิ”

“งั้นก็ช่างมันเถอะ”

กู้เชินยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียงลง หลังจากทุกคนเงียบเสียงแล้ว เขาก็ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “พูดไปตั้งมากมาย ดูสิผมลืมแนะนำลูกสาวให้ทุกคนได้รู้จักเลย…”

เมื่อพูดได้เพียงครึ่งประโยค จู่ๆ เขาก็เดินลงเวทีด้วยรอยยิ้มแห่งความรักความเอ็นดูเปื้อนใบหน้า ดวงตาจ้องมองไปข้างหน้าแน่วแน่

กู้ซูหลิงมองกู้เชินที่เดินมาทางตัวเอง เธอพยายามจะไม่คิดถึงเรื่องผู้สืบทอดมรดก เธอฝืนยิ้มบังคับสายตาให้มองไป๋เสวี่ยที่อยู่ข้างๆ ใจดีให้เธอได้ใจชั่วคราว รอหลังจากนี้ค่อยกระชากหน้ากากจอมปลอม สุดท้ายกู้กรุ๊ปก็ต้องคืนมาเป็นของตัวเองอยู่ดี

เมื่อเห็นกู้เชินเดินตรงมาที่ตัวเอง ในขณะกำลังจะยิ้มแล้วเอ่ยเรียกคุณพ่ออยู่นั้น

แต่กลับเห็นว่ากู้เชินเดินผ่านเธอและไป๋เสวี่ยไปแล้ว

ใช่!

เดินผ่านไปแล้ว

ไม่มองเธอและไป่เสวี่ยแม้แต่หางตา

รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ซูหลิงแข็งกระด้าง ไป๋เสวี่ยและจูอวี้ลู่ที่อยู่ด้านข้างก็เช่นกัน

เขาต้องการแนะนำกู้เหยียนอวี๋ไม่ใช่เหรอ

ทำไมถึงเดินผ่านไปแล้วล่ะ…

ทุกคนมองไปที่กู้เชินด้วยความประหลาดใจ ถึงอย่างไรเมื่อครู่นี้ทุกคนต่างคิดว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างกู้เหยียนวอี๋คือลูกสาวที่กู้เชินตามกลับบ้าน

แต่ผลกลับเห็นเขาเดินไปยังข้างหน้าฟังจือหันและอวี๋กานกาน…แล้วเอื้อมมือไปหาอวี๋กานกาน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น “เสี่ยวอวี๋ พ่อขอยินดีต้อนรับลูกกลับบ้านนะ”

ในที่สุดอวี๋กานกานก็เผยรอยยิ้มเจือจาง แต่จริงๆ กลับรู้สึกประหม่ามากจึงหันไปมองฟังจือหันอย่างอดไม่ได้

จูอวี้ลู่และกู้ซูหลิงตะลึงเบิกตาอ้าปากค้าง

เสี่ยวอวี๋?

คืออวี๋กานกานอย่างนั้นเหรอ

นี่จะเป็นไปได้ยังไง

ทุกคนในงานฮือฮาอีกครั้ง

นี่เกิดอะไรขึ้น

ผู้หญิงที่คุณหญิงกู้พามาไม่ใช่กู้เหยียนอวี๋ คู่หมั้นของฟังจือหันถึงจะเป็นกู้เหยียนอวี๋ตัวจริงอย่างนั้นเหรอ

พวกเขาเบิกตากว้าง คิดว่าอาจจะฟังผิดหรือดูผิดไป แต่กลับเห็นอวี๋กานกานเอื้อมมือไปวางไว้บนมือของกู้เชิน ทันใดนั้นเองลูกตาก็แทบถลนตกลงมา

ภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคน กู้เชินควงแขนอวี๋กานกานเดินขึ้นเวที

หลิงนีที่พึ่งหัวเราะก็หยุดหัวเราะ ส่วนจางอี๋เสวี่ยมองอวี๋กานกานที่อยู่บนเวทีอย่างไม่อยากเชื่อ

นี่ไม่ใช่เรื่องจริง ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ

หลิงนีกระตุกแขนจางอี๋เสวี่ยแล้วถามอย่างไม่แน่ใจ “เอบอกฉันทีสิว่าฉันตาฝาดไป คนที่คุณกู้เชินควงขึ้นเวทีใช่อวี๋กานกานหรือเปล่า”

จางอี๋เสวี่ยตกตะลึงไม่แพ้กัน พยักหน้าให้อย่างอึ้งๆ “คืออวี๋กานกาน”

หลิงนี “…”

จูอวี้ลู่รู้สึกราวกับเลือดทั้งร่างขึ้นสมอง หายใจไม่ออกจนแทบจะเป็นลม

อวี๋กานกานจะเป็นกู้เหยียนอวี๋ได้ยังไง…กู้เชินรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่

เขารู้แล้วยังไม่บอกให้คนอื่น แล้ววันนี้ประกาศกะทันหันแบบนี้ในงานเลี้ยง

ไม่

นี่คือฝัน

ต้องฝันไปแน่ๆ