ภายในพระราชวังที่สร้างใหม่หยางชูลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน “พวกเจ้าเลยทิ้งนางแล้วหนีกลับมากันเองหรือ” ขุนพลทั้งห้าที่กลับมาพร้อมกับกองคาราวานคุกเข่าลงโดยไม่พูดไม่จา
อาสวนเห็นท่าไม่ดีจึงพูดโน้มน้าว “คุณชาย พวกเขากล้ากลับมาคงเป็นเพราะแม่นางหมิงออกคำสั่งท่านถามพวกเขาให้แน่ใจก่อนเถอะขอรับ”
หยางชูรู้ดีว่าตนเองด่วนสรุปเกินไปจึงผ่อนคลายลงแล้วถามไปว่า “ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
หนึ่งในขุนพลทั้งห้าที่เป็นหัวหน้ามองอาสวนด้วยแววตาขอบคุณ และตอบออกไปว่า “ก่อนเดินทางไปเขาเทียนเสิน แม่นางตัวฝูบอกว่าเมื่อขบวนของหัวหน้าเผ่าออกจากประตูเมืองเมื่อไรให้พวกเราเก็บของกลับทันที ห้ามหยุดพักตลอดการเดินทางรีบจากไปให้ไวที่สุด ข้าน้อยเดาว่าพวกนางคิดจะทำอะไรบางอย่างจึงอยากอยู่ต่อเพื่อช่วยเหลือ แต่แม่นางตัวฝูบอกว่าอยู่ไปก็ไม่ช่วยอะไร การพาทุกคนกลับเป็นงานที่สำคัญที่สุดของพวกเรา พวกเราเกรงว่าจะไปทำลายแผนของแม่นางหมิงจึงไม่ได้ยืนกราน…”
นี่เป็นเรื่องที่หมิงเวยจะต้องทำในเมื่อเป็นแผนของนาง หมายความว่านี่เป็นความตั้งใจของนาง
“หลังจากนั้นล่ะ”
“พวกเราใช้เส้นทางลัดพากองคาราวานไปที่ทางเขาในเส้นทางเก่าบนเขาเหยียนซาน แต่เมื่อมาคิดดูอีกทีก็รู้สึกไม่วางใจ พวกเราปรึกษากันจากนั้นจึงตัดสินใจกลับไปสืบข่าวดู พวกเราบังเอิญไปเจอคนเลี้ยงสัตว์บนถนน และได้ยินว่าเกิดความวุ่นวายที่เขาเทียนเสินเผ่าทั้งแปดเกิดเข่นฆ่ากันเอง…”
หยางชูสูดหายใจเข้าลึกๆ และบ่นว่า “ไปที่ไหนก็เกิดเรื่องวุ่นวายจริงๆ…”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่หนิงซิวพูดเขาจึงถามออกไปเสียงขรึม “เหล่าฟางยังไม่กลับมาเขาไปสืบข่าวอยู่หรือ”
“ขอรับ” ขุนพลผู้นั้นตอบ “พี่ฟางบอกว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับแม่นางหมิง เขาต้องกลับไปดูไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็ต้องให้คุณชายได้รับรู้”
หยางชูเงียบไปครู่หนึ่งและตบไหล่เขา “พวกเจ้าทำได้ดีมาก”
ขุนพลรีบตอบ “ข้าน้อยไม่สมควร”
หยางชูหมุนตัวแล้วตะโกนขึ้น “อาสวน เรียกรวมพลเดี๋ยวนี้!”
อาสวนรีบบอกว่า “คุณชาย! เหล่าฟางยังไม่กลับมาพวกเราไม่รู้ข่าวที่แน่นอนเกี่ยวกับแม่นางหมิงในตอนนี้ไม่รอสักหน่อยหรือขอรับ หากท่านไปก็ไม่มีผู้ใดอยู่…”
หยางชูตอบ “เหล่าฟางเป็นหน่วยสอดแนมรีบร้อนเดินทางเพื่อไปถึงที่หมายให้เร็วกว่าเดิมเป็นเรื่องที่เขาถนัด หากคำนวณเวลาดูแล้วอีกสองสามวันเขาก็กลับมา รีบเตรียมคนไว้ก่อนเราจะออกเดินทางทันทีที่ได้รับข่าว!” อาสวนได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
คุณชายคิดอย่างรอบคอบเช่นนี้หมายความว่าเขาสงบนิ่งมากไม่หุนหันพลันแล่น
“ขอรับ”
“พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ” หยางชูพูดกับขุนศึกทั้งหลาย “ลำบากมาตลอดทางแล้วไปรักษาสุขภาพก่อนเถอะ!”
เหล่าขุนศึกพูดพร้อมเพรียงกัน “คุณชาย พวกเราต้องการไปช่วยแม่นางหมิงขอรับ!”
“งานของพวกเจ้าเสร็จสิ้นแล้วควรพักผ่อนเมื่อถึงเวลาพักผ่อน ตอนนี้กำลังคนของพวกเราเพียงพอแล้วไม่ต้องกังวลไป”
เหล่าขุนพลสงสัยว่ามีกำลังคนเพียงพอหรือ คนเลี้ยงม้าที่ตกลงทำสัญญากันในสนามเลี้ยงม้ามีไม่น้อย แต่พวกเขาต่อสู้ไม่ได้! เป็นไปได้หรือไม่ว่าพอจากที่นี่ไปครึ่งปี คุณชายได้รับสมัครคนเพิ่มอีก เหล่าฟางไม่ปล่อยให้พวกเขารอนาน และกลับมาที่เกาถางในวันรุ่งขึ้น
ในตอนที่อาสวนพยุงเขามาเขามีอาการหายใจแทบไม่ทัน
หลังจากพักหายใจสักพักหนึ่งเขาก็รีบรายงานว่า “คุณชาย แม่นางหมิงตกอยู่ในอันตรายมากขอรับ! หลังจากเกิดความวุ่นวายที่เขาเทียนเสิน องค์ชายเจ็ดซูถูแห่งเผ่าหมาป่าหิมะใช้เวลาจัดระเบียบเรียบร้อยเพียงสองวันก็มอบหมายหน้าที่ให้องค์ชายสิบน่าซูเป็นคนจัดการ ส่วนตนเองได้นำทหารคนสนิทออกเดินทางหลังจากข้าน้อยตรวจสอบอยู่หลายครั้งคิดว่าเขากำลังไล่ตามล่าแม่นางหมิงขอรับ!”
หยางชูพยักหน้าแล้วถาม “เกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองฝ่าย เดินทางเมื่อไร เส้นทางไหน”
เหล่าฟางตอบ “แม่นางตัวฝูกับท่านโหวก็อยู่ด้วย พวกเขาสามคนเดินทางด้วยกันขอรับ ซูถูนำทหารคนสนิทประมาณสิบกว่าคน ทหารม้าอยู่บนเส้นทาง ส่วนเวลา…”
หยางชูคำนวณเงียบๆ “สี่สิบกว่าวันแล้ว…”
น้ำเสียงของเหล่าฟางดูค่อนข้างละอายใจ “ส่วนเรื่องเส้นทางข้าน้อยรู้เพียงว่าซูถูกำลังมุ่งหน้าไปทางเหนือ แต่คาดเดาละเอียดกว่านั้นไม่ได้”
หยางชูหันหลังกลับไปตะโกนว่า “ไปเอาแผนที่มา!”
อาสวนตอบรับแล้วเคลื่อนย้ายแผนที่ขนาดใหญ่ออกจากห้องหนังสือมาแขวนที่ห้องโถงด้วยตนเอง
แผนที่นี้เป็นมรดกของตระกูลหยางดินแดนที่องค์หญิงใหญ่ และผู้เฒ่าโหวเคยเหยียบย่ำจะถูกทำเครื่องหมายไว้อย่างละเอียด
หยางชูพบที่ตั้งของเขาเทียนเสินเขาค่อยๆ ไล่นิ้วค้นหาทิศเหนือและคาดการณ์ในใจ จากนั้นก็ไปทางทิศตะวันออก และหยุดลงที่ทะเลสาบขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
อาสวนตกใจ “แม่นางหมิงพาแม่นางตัวฝูกับท่านโหวไปด้วยไม่น่าไปไกลเช่นนั้น”
น้ำเสียงของหยางชูเคร่งขรึม “ก็เพราะพาพวกเขาสองคนไปด้วยจึงมีแนวโน้มที่จะใช้เส้นทางนี้มากที่สุด”
“ทำไมหรือขอรับ”
นิ้วของเขาเลื่อนไปตามแผนที่ “ดูสิ เส้นทางกลับมีอยู่สามทาง หนึ่งคือเส้นทางเก่าบนเขาเหยียนซานที่อยู่ทางใต้ นางคงไม่เลือกทางนี้เพื่อหลบหนีเพราะกองคาราวานใช้เส้นทางนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะเข้าไปพัวพันด้วย เส้นทางที่สองทางทิศตะวันตกต้องข้ามทะเลทรายจากช่องแคบไป๋เหมินแล้วเข้าประตูด่าน เส้นทางที่สามไปทางตะวันออกเฉียงใต้เดินทางผ่านเป่ยเทียนเหมิน ตัวฝูไม่เป็นไร แต่โหวเหลียงที่ไม่เป็นวรยุทธ์การใช้เส้นทางที่เป็นทะเลทรายนั้นดูลำบากเกินไป เขาอาจจะไม่สามารถผ่านมันไปได้มีเพียงต้องไปเป่ยเทียนเหมินเท่านั้น เส้นทางนี้เต็มไปด้วยหญ้าเขียวชอุ่มไม่มีปัญหาเรื่องอาวุธหรือเสบียงอาหาร”
อาสวนคำนวณ “หากใช้เส้นทางนี้ก็ควรเดินทางมาถึงแล้ว!”
“ยัง” หยางชูส่ายหน้า “นางคงไม่ไปทางนี้ตรงๆ หากทำเช่นนั้นหนีพวกหูเหรินไม่พ้นแน่ เส้นทางที่ดีที่สุดคือเดินทางไปรอบๆ ทะเลสาบนั่วเจียเดินทางไปในขณะเดียวกันก็จงใจสร้างความสับสนให้ศัตรูถึงจะสามารถหนีออกมาได้”
อาสวนนึกภาพตามแล้วก็ขนลุก “แม่นางหมิงกล้าหาญเกินไปแล้ว! ใช้เส้นทางนี้หากพลาดขึ้นมาก็คง…”
หยางชูเอื้อมมือไปปิดตานิ้วของเขาเย็นเล็กน้อย สัมผัสที่เย็นนั้นทำให้เขาตื่นตัวมากขึ้น
เขาวางมืออย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “เตรียมตัว บ่ายนี้เราจะออกเดินทาง”
อาสวนตกใจ “คุณชาย พวกเราจะไปที่ใดหรือขอรับ”
“เป่ยเทียนเหมิน!”
…………
หูเหรินผู้เติบโตบนหลังม้าขว้างเชือกคล้องไปอย่างแม่นยำ
เมื่อเห็นเชือกคล้องหมิงเวยจากหัวลงไป หัวหน้าทหารก็ดึงอย่างแรง ปมมัดเข้ากันอย่างแน่นหนาและมัดแน่นกับหน้าอกของนาง
“ฮ่าๆ!” เขาตะโกนเสียงดังแล้วดึงหมิงเวยเข้ามา
ผู้ใดจะรู้ว่าเมื่อตัวนางลอยจากพื้นน้ำหนักก็หายไปในทันทีทันใด หัวหน้าทหารก็ล้มลงเนื่องจากแรงเฉื่อยกว่าจะกลับมาทรงตัวได้ก็ไม่ง่ายเลย อีกทั้งเชือกยังตกลงมาที่หัวของเขาพร้อมกับยันต์รูปคนอันเบาบาง ทุกคนรีบควบม้าเข้าไป
“คนจงหยวนน่ารังเกียจ!” หัวหน้าทหารโยนยันต์ออกไปแล้วตะโกนด้วยความโกรธ
เขาหันกลับไปขอคำแนะนำ “องค์ชายขอรับ”
สีหน้าของซูถูขุ่นมัวเขากำลังจะอ้าปากทันใดนั้นก็รู้สึกถึงอันตรายจึงรีบกระโดดลงจากหลังม้า และในขณะเดียวกันก็ตะโกนว่า “หลบเร็ว!”
ปฏิกิริยาตอบสนองของทหารเรียกว่าเร็ว แต่ก็ยังช้าไป
ทันใดนั้นมีอาวุธมีคมออกมาจากพื้นใต้ฝ่าเท้าของเขาและแทงออกไป
เสียงกรีดร้องของม้าและเสียงกรีดร้องของผู้คนดังขึ้นปะปนกันไป
เมื่อบริเวณโดยรอบสงบลงม้าทุกตัวที่พวกเขาขี่ล้วนเลือดตกยางออก ส่วนตัวคนนั้นดีกว่านิดหน่อย แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ซูถูกลิ้งหลบได้ทันและไม่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเห็นภาพนั้นเขาก็คว้ากระบี่เล่มใหญ่จากด้านหลัง เหมือนมีประกายไฟปะทุขึ้นในดวงตาของเขา “ออกมา!”
เสียงของหมิงเวยดังขึ้นแผ่วเบา “น่าเสียดายที่ข้ามีคู่หมั้นแล้วองค์ชายเจ็ดอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากกันเช่นนี้ทำให้ข้าลำบากใจจริงๆ…”