ตอนที่ 313 คนหน้าไม่อายมันคือพ่อคุณ

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

ตอนที่ 313 คนหน้าไม่อายมันคือพ่อคุณ!
ด้วยความน่าสะพรึงกลัวของเย่เฉินและหลิวเจิ้งคุน บวกกับที่หลิวเจิ้งคุนเลิกแขนเสื้อขึ้นอวดรอยสักหรา

ทุกคนล้วนแต่คิดว่าอีกเดี๋ยวคงต้องเกิดการนองเลือดแน่นอน

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าการตบโต๊ะเสียงดังของเย่เฉินจะแค่เร่งอาหารที่สั่งไปเท่านั้น…

หลิวเจิ้งคุนที่เป็นลูกพี่ในวงการนักเลงก็เก้อเขินไม่น้อย

แต่เขาก็ยังคงรับคำนายน้อยของตนเองอย่างแข็งขัน “ครับ!”

จากนั้นเขาก็เดินไปหาพนักงานแล้วเอ่ยถาม “ทำไมเยลลี่พีชของเรายังไม่เสร็จอีกล่ะ?”

พนักงานคนนั้นก็ตกใจ เขารีบร้อนเสิร์ฟเยลลี่ให้หลิวเจิ้งคุน “เอาไปๆ เสร็จแล้วไม่ใช่หรือไง”

หลิวเจิ้งคุนส่งจานให้เย่เฉิน “คุณชายเย่ เยลลี่พีชของคุณชายครับ!”

“อ่อ”

คราวนี้สวี่โม่โม่ถอนหายใจยาวหล่อนกล่าวเป็นภาษาอังกฤษ “สองคนนี้เป็นบ้าแน่เลย แค่เร่งอาหารทำเหมือนจะฆ่าใครตาย ตกใจหมดเลย คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายตัวใหญ่ๆ สองคนจะสั่งอาหารเหมือนเด็กผู้หญิงเลย ประหลาดจัง”

ลูกค้าส่วนมากของร้านอาหารแห่งนี้เป็นคู่รัก ส่วนลูกค้าผู้ชายที่มากันสองคนอย่างเย่เฉินกับหลิวเจิ้งคุนนั้นค่อนข้างเป็นเป้าสายตามากทีเดียว

สวี่โม่โม่คิดว่าหลิวเจิ้งคุนและเย่เฉินที่ดูเป็นคนหยาบคายไร้มารยาท จะต้องไม่เข้าใจภาษาอังกฤษแน่นอน 100% ดังนั้นจึงไม่ระวังตัวอะไร

ที่จริงแล้วเมื่อครู่ตอนที่เย่เฉินได้ยินว่าสวี่โม่โม่จะหาคนไปอ่อยฉินหงเหยียน ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออยากจะสั่งสอนสวี่โม่โม่ทันที!

ทว่าพอย้อนคิดถ้าหากจะจัดการสวี่โม่โม่ที่นี่ตอนนี้ ก็ไม่ช่วยทำให้การแต่งงานระหว่างสองคนนั้นหยุดลง

ไม่สู้ให้สวี่โม่โม่ไปทำร้ายฉินหงเหยียน พอถึงตอนนั้นเย่เฉินก็จะไปปรากฏตัวแล้วช่วยเหลือหญิงสาวเป็นฮีโร่ เรียกคะแนนจากหล่อน

เพื่อให้หญิงสาวได้รู้ว่าการเข้าตระกูลสวี่มีอันตรายขนาดไหน ไม่แน่ว่าเจ้าหล่อนอาจจะถอดใจไปเอง

พอถึงตอนนั้นไม่แน่ว่าฉินหงเหยียนอาจจะยอมโผกลับมาสู่อ้อมกอดของตนเอง

ฉินหงเหยียนในตอนนี้เฉยชาใส่เขาอย่างมาก เขาต้องการโอกาสดีๆ ไปช่วยเหลือหล่อน เพื่อให้หญิงสาวซาบซึ้งใจ แล้วยอมกลับมาคืนดีกับเขา!

ส่วนสวี่โม่โม่เถือเป็นโอกาสอันดีที่ว่านี้!

“เราไปกันเถอะ ไม่กินข้าวที่นี่แล้ว มีแต่คนบ้าทั้งนั้น”

สวี่โม่โม่จูงมือแฟนหนุ่มของหล่อนลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้าน

หลังจากที่สวี่โม่โม่เดินออกจากร้านไปแล้ว เย่เฉินก็หันไปกล่าวกับหลิวเจิ้งคุน “ส่งคนตามพวกเขาไป ฉันอยากจะรู้ทุกการเคลื่อนไหวของหล่อน”

“ครับคุณชาย!” หลิวเจิ้งคุนส่งคนสะกดรอยตาพวกเขานานแล้ว “คุณชายเย่ เมื่อครู่ทำไมจู่ๆ คุณชายก็โมโหแบบนั้นล่ะครับ?”

เย่เฉินเองก็ลุกขึ้นยืน “กลับไปคุยกันบนรถเถอะ”

เมื่อกลับมาที่รถ หลิวเจิ้งคุนก็ได้ยินคำพูดทั้งหมดจากปากเย่เฉินก็หัวเสีย “อะไรนะ? นังแพศยาสวี่โม่โม่คนนั้น จะหาผู้ชายไปข่มขืนคุณฉินหงเหยียนเหรอครับ? เราต้องขัดขวางหล่อนไหมครับคุณชาย?”

เย่เฉินจึงกล่าว “ไอ้ขวางน่ะก็ต้องขวางอยู่แล้ว แต่ว่าต้องทำในจังหวะที่เหมาะสม รอให้สวี่โม่โม่ทำผิดเสียก่อน เราลงมือก็ยังไม่สาย”

หลิวเจิ้งคุนหัวเราะพลางพยักหน้า “อ้อ ดีนี่ครับคุณชาย พอตอนนั้นคุณชายก็ทำตัวเป็นฮีโร่ไปช่วยสาวงาม คุณฉินหงเหยียนจะต้องซาบซึ้งใจมากแน่ พอตอนนั้นหล่อนคงไม่อยากจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง แล้วหันกลับมาซบอกคุณชายแทน! คุณชายกับคุณฉินหงเหยียนมีปัญหากันตอนนี้พอดี สวี่โม่โม่คนนี้หาโอกาสเหมาะๆ เก่งจริงๆ”

เย่เฉินเชื่อมั่นว่า สวี่โม่โม่จะต้องช่วยตนเองให้ได้คืนดีกับฉินหงเหยียนแน่นอน!

……

เวลาสองทุ่ม ณ วิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวง

และในเวลานี้เอง เย่เฉิน หลิวเจิ้งคุนและซีกวาก็อยู่ที่วิลล่าแห่งนี้เช่นกัน ทว่าไม่ใช่หลังที่ฉินหงเหยียนอยู่ แต่เป็นวิลล่าที่เขาใช้เงินแสนซื้อมา

พวกเขาต่างกำลังจ้องจอภาพตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนภาพที่ปรากฏบนหน้าจอนั้นเป็นภาพเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในแต่ละห้องของวิลล่าที่ฉินหงเหยียนพักอาศัยอยู่!

ตอนกลางวัน เย่เฉินให้คนตัดไฟวิลล่าที่หญิงสาวอาศัย แล้วก็ส่งคนสวมรอยเป็นช่างไฟฟ้าแสร้งว่าไปซ่อมไฟให้หล่อน

ซึ่งที่จริงแล้วพวกเขาฉวยโอกาสนี้ไปติดกล้องเพื่อคอยดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เพราะเย่เฉินรู้ว่าอีกไม่นานสวี่โม่โม่จะต้องส่งคนมาทำร้ายหญิงสาวแน่นอน!

และในเวลานี้เอง หวังเอ้อร์เชอที่คอยเฝ้าสถานการณ์ด้านนอกวิลล่าก็รีบร้อนวิ่งมารายงานเขา “คุณชายเย่ครับ สวี่โม่โม่พาฝรั่งสองคนมาหาคุณฉินแล้ว!”

และในเวลาเดียวกันนั้นเอง ณ ประตูวิลล่าของฉินหงเหยียน

ฉินหงเหยียนเปิดประตูก็เจอพวกสวี่โม่โม่ ก็ส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “โม่โม่ มาหาฉันเหรอ ทำไมโทรมาบอกก่อนล่ะ”

ฉินหงเหยียนและสวี่โม่โม่อายุเท่ากัน และเป็นเพื่อนในโรงเรียนเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ห้องเดียวกัน ตอนเด็กๆ ก็ไม่ค่อยสนิทกัน แต่ทั้งสองคนพอจะรู้จักกันอยู่บ้าง

ดังนั้นเมื่อฉินหงเหยียนเห็นเพื่อนในอดีต ก็พลันดีใจอย่างมาก

ทว่าสวี่โม่โม่กลับมีท่าทีไม่เหมือนอีกฝ่าย “ทำไม ฉันมาบ้านพ่อตัวเองต้องขอนัดล่วงหน้าหรือไง?”

ฉินหงเหยียนกล่าว “ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ฉันแค่จะบอกว่าฉันไม่รู้ว่าเธอกลับมา ถ้าเธอบอกฉันก่อน ฉันจะได้ไปรับที่สนามบิน”

สวี่โม่โม่แค่นเสียงแล้วสาวเท้าเดินเข้าในตัววิลล่า “ฉันไม่กล้าลำบากให้เธอมารับหรอก เธอจะเป็นแม่เลี้ยงฉันอยู่แล้วนี่! ไม่กล้าหรอกจ้ะ!”

ฉินหงเหยียนที่เดินตามเข้ามาก็กล่าว “โม่โม่ อย่าพูดแบบนี้เลย ยังไงเราก็เพื่อนกันนะ”

สวี่โม่โม่หันหน้ามาแล้วตะโกนใส่หล่อน “เธอยังพอรู้ตัวอยู่เหรอว่าเราเป็นเพื่อนกัน! ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อน แต่เธอดันอยากจะเป็นแม่ฉัน! ฉินหงเหยียน เธอเห็นแก่เงินจนหน้าไม่อายเกินไปแล้วล่ะมั้ง?”

ในเวลานี้เอง ฉินเสี่ยวตั่วก็เดินลงมาจากชั้นสอง เห็นสวี่โม่โม่ด่าพี่สาวก็หัวเสีย

ฉินเสี่ยวตั่วสาวเท้าเดินมาแล้วกล่าว “สวี่โม่โม่เธอด่าใคร! ทำไมไม่ด่าพ่อตัวเองหน้าไม่อายมั่งล่ะ! เมียก็เพิ่งตายก็แต่งงานกับคนอายุน้อยกว่าขนาดนี้น่ะ? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายังจะมั่นหน้าหาว่าพี่สาวฉันแต่งงานกับพ่อเธอเพราะเงิน? รู้ไหมคนตามจีบพี่สาวฉันไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่!”

“เสี่ยวตั่ว อย่าพูดเหลวไหล!” ฉินหงเหยียนกลับตำหนิน้องสาว

สวี่โม่โม่ก็ไม่ยอมลดละ “แหมนังเด็กเมื่อวานซืน อยู่บ้านพ่อฉันยังกล้าด่ากันอีกเหรอ? ปากเก่งขนาดนี้ เก่งกล้าสามารถมากนักจะมาอยู่บ้านพ่อฉันทำไมล่ะ ซื้อเองไปเลยสิ!”

ฉินเสี่ยวตั่วลมออกหูทันที หล่อนเกลียดที่สุดเวลาที่คนอื่นพูดว่าตนเองแย่งของๆ คนอื่น

ด้วยโทสะทำให้หญิงสาวพูดออกมา “ใครอยากอยู่บ้านเน่าๆ ของเธอไม่ทราบ!”

พูดพลางเปลี่ยนรองเท้าแล้วจะเดินออกจากบ้าน

“เสี่ยวตั่ว”

ไม่ว่าฉินหงเหยียนจะเรียกน้องสาวอย่างไร แต่หล่อนก็ไม่เดินกลับมา

สวี่โม่โม่ยิ้มอย่างได้ใจ หล่อนอยากให้ให้อีกฝ่ายหัวเสียแล้วทิ้งพี่สาวไว้ที่นี่คนเดียว ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมไปหล่อนจะดำเนินแผนชั่วของตนเองได้ยังไง?

สวี่โม่โม่ถึงได้เริ่มพยายามทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง “หงเหยียน เธออย่าโกรธที่ฉันพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้เลยนะ ถ้าเป็นเธอ แม่เพิ่งตายพ่อจะแต่งงานใหม่ แล้วแม่ใหม่ยังเป็นเพื่อนเธออีก เธอคงรู้สึกไม่ดีเหมือนกันใช่ไหม?”

ฉินหงเหยียนเข้าใจอารมณ์อีกฝ่ายเป็นอย่างดี จึงกล่าวเสียงอ่อนหวาน “โม่โม่ฉันเข้าใจเธอ”

“อื้ม” สวี่โม่โม่พยักหน้ารับ จากนั้นก็ชี้ไปที่ฝรั่งสองคนด้านหลังแล้วกล่าว “ยังไม่ได้แนะนำพวกเขาให้เธอรู้จักเลย นี่แฟนฉันJack แล้วก็เพื่อนเขา Bale”

“ยินดีที่ได้รู้จัก”

“ยินดีที่ได้รู้จัก”

ทั้งสองคนจับมือกับฉินหงเหยียน

ทว่าตอนที่ Bale จับมือฉินหงเหยียน เขากลับมีท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง แล้วอ้อยอิ่งจับมือหญิงสาวอยู่นานกว่าจะปล่อยมือ