“จวินหาว สิ่งที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือนี่” หมิงเยี่ยได้รับข่าวสั้นๆจากผู้เป็นหลาน เขาแทบจะไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง เขาย่อมรู้เรื่องเมล็ดพันธุ์แห่งเทพนี้อยู่แล้ว แต่เพราะเขาไม่มีเมล็ดพันธุ์นั้น ทำให้จวินหาวกลายเป็นความหวังของเขา หลายปีมานี้เขาใช้วิธีการมากมายแต่เมล็ดพันธุ์นั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่หลานของเขาได้รับบาดเจ็บสองครั้งก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน
“ท่านลุง เรื่องนี้สำคัญอย่างยิ่ง ข้าจะเอามาล้อเล่นได้อย่างไร” จวินหาวออกตัวว่าที่ตนเองพูดเป็นเรื่องจริง ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเจ้าเมล็ดพันธุ์นี่เติบโตอย่างไร แต่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเขา
“นี่ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเจ้า ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตามเมล็ดพันธุ์ของเจ้ามีการพัฒนา นั่นเป็นสิ่งยืนยันว่าเจ้าใกล้ขั้นเทพที่แท้จริงขึ้นอีกขั้นแล้ว ข้ามีบางอย่างจะบอกกับเจ้า เจ้าต้องจำทุกตัวอักษรให้ขึ้นใจ” หมิงเยี่ยกล่าวด้วยท่าทีจริงจังเป็นพิเศษ
“ท่านลุงว่ามาเถอะ” จวินหาวรู้สึกว่าคำพูดต่อจากนี้ของท่านลุงจะต้องเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่มาก
“ผู้สืบทอดตำแหน่งมหาเทพสูงสุดปรากฏตัวขึ้นแล้วแต่เป็นใครนั้นยังไม่แน่ชัด ถึงจะรู้ว่าเขายังไม่ได้รับตำแหน่งเทพผู้สืบทอด แต่ต้องมีวิธีการที่พิเศษบางอย่างแน่ อย่างเช่นเพียงห้วงความคิดหนึ่งของนางสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของคนที่มีพลังบำเพ็ญเพียนในขั้นที่ต่ำกว่านางได้ และส่งผลกระทบต่อคนที่มีขอบเขตพลังบำเพ็ญเพียรที่สูงกว่าด้วยเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้มากนัก และขจัดทิ้งได้” เดิมทีหมิงเยี่ยไม่ได้อยากบอกหลานของตนนัก แต่ในเมื่อเมล็ดพันธุ์แห่งเทพของอีกฝ่ายเจริญเติบโตขึ้น นั่นยืนยันได้ว่าหลานของเขาถูกผู้สืบทอดที่เป็นมหาเทพสูงสุดผู้นั้นยอมรับแล้ว
“มีมหาเทพสูงสุดอยู่จริงหรือนี่ ท่านลุง” จวินหาวคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องนี้ ข้อมูลเรื่องนี้ออกจะสำคัญทีเดียว มหาเทพสูงสุดที่มีตัวตนอยู่จริงๆ เป็นใครกันแน่
“ท่านลุง ท่านรู้ไหมว่าใคร?” จวินหาวถามอย่างตื่นเต้น
“ไม่รู้หรอก ไม่มีใครรู้ว่าเป็นชายหรือเป็นหญิง เป็นเทพหรือเป็นมาร หรือเป็นอสูรเทพไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่จวินหาวเจ้ามีเมล็ดพันธุ์แห่งเทพ เจ้าลองสัมผัสดูสิ” หมิงเยี่ยบอกวิธีของตนออกมา
“ข้าเข้าใจแล้วท่านลุง” มหาเทพสูงสุดถือได้ว่าสูงส่งยิ่งกว่าเทพมารเสียอีก แค่ได้ยินก็ทำให้ตื่นเต้นแล้ว
ทางฟากหลิวหลีก็ได้ยืนยันความคิดของตนเอง เช่นนั้นแล้วศิษย์ระดับพิเศษเหล่านี้ต่างก็มีเมล็ดพันธุ์แบบนี้อยู่ในร่างกายหรือเปล่า หลิวหลีตั้งข้อสันนิษฐานที่เหลวไหลออกมา
“น้องหญิง ข้ามีอะไรผิดปกติหรือ?” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกได้ว่าหลิวหลีมีท่าทีแปลกไป
“เปล่า เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น ท่านพี่เคยได้สังเกตไหมเจ้าคะว่าในร่างกายของท่านพี่มีเมล็ดพันธุ์สีฟ้าเหมันต์เม็ดหนึ่งอยู่” หลิวหลีถาม
“ไม่เคยสังเกตเห็นเลย” หนานกงเวิ่นเทียนเพิ่งรู้ว่าหลิวหลีต้องการจะตรวจสอบภายในร่างกายเขา เขาใช้จิตเทพดำดิ่งเข้าไปในร่างกาย และเห็นเห็นเมล็ดพันธุ์สีฟ้าเหมันต์เม็ดหนึ่ง ต่อมาเขาตั้งใจจะดูภายในร่างกายของหลิวหลีแต่ก็ไม่เห็นอะไร
“น้องหญิง เหตุใดข้าถึงไม่เห็นของเจ้า?”
“มองไม่เห็นหรือ” หลิวหลีใช้จิตเซียนเข้าไปในร่างกายตน ทั้งที่มีเมล็ดพันธุ์หลากสีเม็ดหนึ่งและด้านข้างมีวงจรหมุนเวียนที่เกื้อหนุนกัน หรือว่าวงจรนี้จะบังเอาไว้ พอคิดเช่นนั้นหลิวหลีก็ลองสร้างเมล็ดพันธุ์สีแดงปลอมขึ้นในร่างกายเม็ดหนึ่ง ตอนนี้นางค่อนข้างอ่อนไหวกับสีรุ้ง
“ท่านพี่ ท่านลองดูอีกรอบสิ” หลิวหลีเอ่ย
“ได้” คราวนี้หนานกงเวิ่นเทียนเห็นเมล็ดพันธุ์สีแดงเม็ดหนึ่งแล้ว
“เห็นแล้ว สีแดง”
จริง ๆด้วย เมล็ดพันธุ์สีรุ้งในร่างกายตนเองไม่มีใครมองเห็น ก็ดี แบบนี้อันตรายของตนก็จะได้ลดลงไปเล็กน้อย
“ท่านพี่ ข้าคิดว่าที่เป็นศิษย์ระดับพิเศษได้น่าจะเกี่ยวข้องกับเมล็ดพันธุ์ในร่างกายนี้แน่” หลิวหลีเอ่ยความคิดเห็นของตนออกมา
“ลองดูสักหน่อยก็ได้” หนานกงเวิ่นเทียนเอ่ย
“ฮะ?” สามีของนางพูดอะไรกัน ทำไมถึงรู้สึกว่าตามความคิดของเขาไม่ทัน
“น้องหญิง เจ้าลองดูสิว่าเจ้าเห็นเมล็ดพันธุ์ในร่างกายข้าจากด้านนอกได้หรือไม่” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว
หลิวหลีจึงลองทำตาม นางรวบรวมสมาธิก็สามารถมองเห็นแสงประกายระยิบระยับสีฟ้าเหมันต์ในร่างกายของหนานกงเวิ่นเทียนได้ แต่กลับมองไม่เห็นเมล็ดพันธุ์แห่งเทพ
“เห็นแสงประกายแต่ไม่เห็นเมล็ดพันธุ์”
ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงตัดสินใจทดลองดู หลิวหลีจึงไปหาสวีโจวก่อนเพื่อขอโทษและทดสอบดู
“ศิษย์พี่สวี ขอโทษด้วย เพราะตอนแรกรู้สึกว่าออกจะพิลึกเกินไปเลยเปลี่ยนเองโดยพลการ” หลิวหลีกล่าวขอโทษ จากนั้นหลิวหลีก็รวบรวมสมาธิแต่กลับไม่เห็นอะไรเลย น่าเสียดาย แต่พอความคิดนี้ผุดขึ้นมา นางก็พบว่าในร่างกายสวีโจวเหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง นี่มันเกิดอะไรขึ้น
“คำว่าศิษย์พี่ข้าคงรับไม่ไหว บัดนี้เจ้าเป็นศิษย์พี่หลง ทางสำนักชดเชยข้าแล้ว” สวีโจวส่ายศีรษะ นี่เป็นถึงต้นแบบของใครหลายคน ปกปิดแนบเนียนไร้ช่องโหว่ เขานึกว่าเป็นเพียงแมวน้อยแต่ไม่ใช่ เป็นเสือยักษ์ แถมยังเป็นเสือยักษ์ที่โหดร้าย มาพูดจาเป็นกันเองกับตนเช่นนี้ทำให้ออกจะรับไม่ได้อยู่บ้าง
หลังจากทักทายกันแล้ว
“ไม่เลย” หลิวหลีส่ายหน้า แต่ไม่ได้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้น นางก็แค่มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาเองทำไมถึงเป็นเช่นนั้นไปได้
“เช่นนั้นไปหาศิษย์ระดับพิเศษพวกนั้นดู” หนานกงเวิ่นเทียนเสนอความเห็น
ผลสุดท้าย สองสามีภรรยาก็ค้นพบว่าแววตาที่ทุกคนมองที่พวกเขาช่างประหลาดนัก
“ท่านพี่ ข้ารู้สึกว่าสายตาที่พวกเขามองข้าเหมือนมองสัตว์ประหลาดเลย” หรือก็เหมือนสัตว์ประหลาดที่แสนดุร้ายอะไรทำนองนั้น
สุดท้ายหลิวหลีไปเจอเข้ากับหลัวหลาน นางรวบรวมประสาทเซียนมองออกไป ก็เห็นตรงหน้าหลัวหลานมีแสงสีม่วง การคาดเดาของนางเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
“ศิษย์น้องหลง ศิษย์น้องหนานกง ศิษย์พี่จวินเชิญ” หลัวหลานเอ่ยขึ้น บัดนี้ศิษย์พี่จวินหาวพ่ายแพ้แล้ว จวินหาวจึงให้เรียกว่าศิษย์พี่เท่านั้น
“นำทางสิ”
“ขอบใจศิษย์น้องหลงสำหรับบุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้” จวินหาวขอบคุณหลิวหลีจากใจจริง มิเช่นนั้นพวกเขาจะมีจุดจบเช่นไรก็ไม่รู้แน่ชัด
“หากอยากขอบคุณข้าจริง ๆก็แนะนำเพื่อของพวกเจ้าหน่อย” หลิวหลีไม่เข้าใจ ต่างก็บรรลุเป็นเทพกันแล้ว ทำไมถึงต้องขัดแข้งขัดขากันมากมายขนาดนี้ เพราะตำแหน่งเทพที่ว่างเปล่าหรือ?
“ก็ดี อันที่จริงต้องดูพวกศิษย์ระดับพิเศษเป็นหลัก ส่วนศิษย์ที่เหลือมองข้ามได้เลย พวกเขาล้วนดูแต่พฤติกรรมของศิษย์ระดับพิเศษ โดยไม่ไปคุกคามศิษย์ระดับพิเศษ กลุ่มหนึ่งมีข้าอยู่ ส่วนอีกกลุ่มมีเหยียนซวี่อยู่ ฝั่งเหยียนซวี่ขอแค่พลังบำเพ็ญเพียรเลื่อนขั้นได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม หรือจะพูดว่าทำได้ทุกหนทางเพื่อบรรลุเป้าหมาย แต่ข้าไม่ได้เห็นด้วย ขอแค่ไม่ทำเช่นนั้นก็จะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของข้า” จวินหาวกล่าว
“การปรากฏตัวของศิษย์น้องทำให้ธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้ถูกทำลายไป” จวินหาวมองหลิวหลีที่มีสีหน้างุนงง ใครจะไปรู้ว่าเด็กหญิงผู้นี้จะมีพลังต่อสู้ที่สุดยอดถึงขนาดนี้ ทำให้ตกใจกันหมด
“ข้าไม่ได้ทำลายธรรมเนียมปฏิบัติของพวกเจ้าสักหน่อย พวกเจ้าจะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับข้า ขอแค่อย่ามารบกวนเราสองสามีภรรยาก็พอ” หลิวหลีออกตัวว่าพวกเขาจะแก่งแย่งกันอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับนาง ขอแค่ไม่ทำให้นางเดือดร้อนก็พอ
“ศิษย์น้อง เจ้าได้ทำลายมันไปแล้ว เจ้าคิดว่าคราวก่อนที่เจ้าช่วยข้า ไว้ เหยียนซวี่จะปล่อยไปเช่นนี้หรือ” จวินหาวเอ่ยพลางส่ายศีรษะ เขาหวังว่าหลิวหลีจะเข้าร่วมกับกลุ่มของเขาจากใจจริง ไม่แน่ว่าบรรยากาศของศิษย์ระดับพิเศษอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา
“นั่นเป็นเรื่องของเขา ข้าว่าเขาคงไม่มาหาเรื่องข้าแล้วล่ะ” นอกเสียจากเขาจะเป็นคนโง่ คอยหาเรื่องรังแกคนที่เก่งกว่าอย่างนางอยู่เรื่อย
“ศิษย์น้อง ข้ากลับหวังว่าเจ้าจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ตอนนี้ศิษย์น้องจะเก่งกาจ แต่พลังบำเพ็ญเพียรยังต่ำนัก” จวินหาวย่อมมองเห็นพลังบำเพ็ญเพียรของหลิวหลี เขารู้สึกแสบหน้านักเพราะถูกเทพสวรรค์คนหนึ่งซัดเสียน่วม
“เรื่องพลังบำเพ็ญเพียรค่อยเป็นค่อยไปเถิด” กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวเสียหน่อย