บทที่ 337 การกลับมาขององค์กรอสรพิษ

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 337 การกลับมาขององค์กรอสรพิษ
บทที่ 337 การกลับมาขององค์กรอสรพิษ

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่อีกฝ่ายและถามขึ้นด้วยท่าทางสบาย ๆ

“ช่วงนี้คุณเป็นยังไงบ้าง? เดือดร้อนเรื่องอะไรบ้างรึเปล่า?”

“ไม่…ไม่มีอะไรอีกแล้ว เรื่องเดียวที่ฉันไม่สบายใจคือการเห็นพ่อของฉันนั่งกังวลอยู่ที่บ้านทุกวันแค่นั้น ฉันขอบคุณคุณมากจริง ๆ”

สวีรุ่ยเอ่ยขอบคุณเขาอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้วว่าเขารวย แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเมื่อเห็นความใหญ่โตของบริษัทของอีกฝ่าย

ที่นี่น่าจะมีคนทำงานเป็นพันคน ซึ่งเมื่อเทียบกับโรงเรียนอนุบาลเธอที่มีคนทำงานยังไม่ถึงยี่สิบคน มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

“ไม่เป็นไร สำหรับผมเรื่องนี้มันเล็กน้อยมาก ไปกันเถอะ เดี๋ยวผมขับรถไปส่งคุณที่บ้านเอง พ่อของคุณจำเป็นต้องทำความคุ้นเคยกับงานจนถึงช่วงเย็น คุณรอเขาไม่ไหวหรอก”

เมื่อเห็นการขอบคุณที่จริงใจของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าเล็กน้อยและเริ่มพูด

“ฉ…ฉันกลับเองดีกว่า”

ถึงแม้ว่าเธอจะปฏิเสธ แต่สีหน้าของเธอกลับดูมีความสุข

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก เช้า ๆ แบบนี้ผมไม่มีงานอยู่แล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานไม่พูดอะไรต่ออีก เขาก็เดินไปเปิดประตูออฟฟิศของตัวเองแล้วผายมือเชิญอีกฝ่ายให้ออกไปกับเขา ซึ่งทำให้สวีรุ่ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินตามออกไป

อวี้ฮ่าวหรานให้อีกฝ่ายไปรอเขาที่หน้าประตูตึกสำนักงาน ส่วนตัวเขานั้นลงไปที่ลานจอดรถใต้ดินเพื่อขับรถขึ้นมารับ

สวีรุ่ยรออยู่ที่บริเวณแถวหน้าประตูทางเข้าตึก แต่ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงแมวร้อง

“หืม? เสียงแมวนี่นา”

จากนั้นจู่ ๆ แมวสีขาวตัวน้อยก็โผล่ออกมาจากกอหญ้าในสวนหน้าตึก

ทันทีที่เธอเห็นแมวน้อยน่ารักตัวนี้ สวีรุ่ยก็ย่อตัวลงไปลูบไล้มัน

แมวสีขาวตัวนี้ไม่กลัวคนเลย หางของมันปัดป่ายไปมาและมันเอาหัวของมันถูมือของสวีรุ่ยอย่างเป็นมิตร

ในขณะเดียวกันนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถมาจอดที่หน้าประตูตึก

จากระยะไกล เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่า สวีรุ่ยกำลังลูบแมวขาวด้วยสีหน้ามีความสุข เขาจึงลงจากรถและเดินเข้าไปถาม

“คุณชอบแมวงั้นเหรอ?”

“ใช่ ฉันอยากเลี้ยงมันมาก่อน แต่พ่อของฉันไม่เคยหางานที่มั่นคงทำได้เลย ดังนั้นฉันเลยไม่กล้าเลี้ยงเพราะกลัวว่ามันจะอดอยาก…”

สวีรุ่ยเงยหน้าขึ้นมองอวี้ฮ่าวหราน แม้ว่าในใจของเธอจะรู้สึกไม่เต็มใจ แต่เธอก็พร้อมที่จะจากไป

“ถ้าชอบก็เก็บไว้ แมวตัวนี้มันคือแมวจรจัดที่ชอบแอบเข้ามาในบริษัท”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางสบาย ๆ

“หืม? ฉัน…ฉันเลี้ยงมันได้งั้นเหรอ?”

สวีรุ่ยไม่แน่ใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้

“แน่นอน ตอนนี้พ่อของคุณมีงานที่มั่นคงทำแล้ว ดังนั้นอนาคตของคุณมันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ แค่เลี้ยงแมวตัวเดียวไม่มีปัญหาหรอก!”

หลังจากที่อวี้ฮ่าวหรานพูดให้ความมั่นใจ สวีรุ่ยก็ก้มลงอุ้มแมวขึ้นมาด้วยสีหน้าเบิกบาน

จากนั้นทั้งสองก็ออกจากบริษัทไป

อีกด้านหนึ่ง ภายในบริษัทชิวเฮิง

บรรยากาศในชั้นบนสุดของบริษัทเวลานี้มีบางอย่างผิดปกติ!

ทั้งชั้นเงียบเชียบอย่างไม่น่าเชื่อ!

อย่างไรก็ตาม หากมองดี ๆ พนักงานทุกคนในชั้นนี้ต่างผล็อยหลับกันทุกคนโดยไม่ทราบสาเหตุ!

ภายในห้องประธานบริษัท

“พ…พวกนายกล้าบุกเข้ามาที่นี่ได้ยังไง!?”

เฉิงกัวอันมองดูสามคนข้างหน้าเขาด้วยความโกรธ

“น่าตลกสิ้นดี! แกคิดว่าแกเป็นใคร? ถ้าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มคนนั้นปกป้องแก สาขาของเราในเมืองนี้ก็สามารถลบแกออกไปจากโลกได้อย่างง่ายดาย!”

ชายร่างผอมราวกับกิ่งไม้เอ่ยขึ้นอย่างถากถาง

ชายใส่สูทดำทั้งสามคนยืนขวางอยู่ที่ประตูห้อง กลิ่นอายที่พวกเขาปลดปล่อยออกมาทำให้ผู้คนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นพิษ

“อสรพิษเงิน! ฉันรู้ว่าแกไม่พอใจกับการที่ฉันถอนตัวออกมาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ฉันเองก็ทำลายจุดตันเถียนของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ทำไมแกถึงยังตามล่าฉันอยู่อีก!?”

เฉิงกัวอันจ้องมองไปที่อีกฝ่ายอย่างดุเดือด

ชายที่ถูกเรียกว่า ‘อสรพิษเงิน’ หัวเราะเบา ๆ

“หึหึ ทำไมฉันถึงต้องตามล่าแกงั้นเหรอ? การที่แกถอนตัวออกจากองค์กรของเราไปแบบนั้น มันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อสมาชิกขององค์กรคนอื่น ๆ ยังไงล่ะ! หากสมาชิกทุกคนต้องการทำแบบแกบ้าง พวกเราจะเป็นยังไง? องค์กรอันทรงเกียรติของเรามันจะเละเทะขนาดไหนหากมีคนทำแบบแกสักสิบหรือยี่สิบคน?”

ขณะนี้สายตาของอสรพิษเงินเย็นชาเป็นอย่างมาก

“วันนี้ฉันตั้งใจว่าจะยังไม่ฆ่าแกกับลูกสาวที่นี่ และถ้าหากแกให้ความร่วมมือและนำตัวอวี้ฮ่าวหรานมาให้ฉัน บางทีฉันอาจจะปล่อยพวกแกพ่อลูกไปก็ได้!”

“แก! ทำไมแกถึงยังตามจองเวรฉันแบบนี้! ฉันลาออกมาตั้งนานแล้ว! แถมฉันก็ยอมทำลายความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อให้ได้ออกมา!”

เฉิงกัวอันตะโกนอย่างเศร้าโศกและโกรธเคือง

เขาเคยเป็นหัวหน้าสาขาขององค์กรอสรพิษ ดังนั้นเขาจึงรู้จักชายตรงหน้าเขาเป็นอย่างดี

ไม่มีใครรู้จักชื่อจริงของชายผู้นี้ ผู้คนต่างเรียกเพียงชื่อเล่นเท่านั้นซึ่งก็คือ อสรพิษเงิน เขาคือหนึ่งในปรมาจารย์ของตำหนักคุมกฎภายในองค์กรอสรพิษ

เขาคือปรมาจารย์ที่อยู่ในขั้นจุดสูงสุดของพลังภายใน!

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ เฉิงกัวอันจะไม่ทำลายจุดตันเถียนของตัวเอง เขาก็ยังไม่สามารถเป็นศัตรูกับชายคนนี้ได้อยู่ดี

“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว! มากับพวกฉันแต่โดยดี! ไม่งั้นฉันจะกรอกยาพิษใส่ปากลูกสาวของแก!”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยินยอมที่จะร่วมมือด้วย อสรพิษเงินจึงข่มขู่อย่างเย็นชา

ในเวลานี้ เฉิงชิวอวี้กำลังนอนสลบไสลอยู่บนโซฟา โดยไม่สามารถปกป้องตัวเองได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อเฉิงกัวอันเห็นเช่นนี้ เขาก็ตื่นตระหนกอย่างมาก เขาไม่ต้องการให้ลูกสาวของตัวเองต้องมารับเคราะห์จากอดีตอันมืดมนของเขา!

“ได้! ฉันจะไปกับแก!”

เขาตกลงอย่างรวดเร็ว

“แต่แกต้องสาบานว่าแกจะไม่ทำร้ายลูกสาวของฉัน แล้วฉัน…แล้วฉันจะเต็มใจทำทุกอย่างตามที่แกสั่ง”

เมื่อเห็นฉากนี้ อสรพิษเงินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ

“ตกลงง่าย ๆ แบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบแล้ว ทำไมต้องให้ฉันขู่แกอยู่เรื่อยเลย?”

เขาเหลือบมองเฉิงชิวอวี้ซึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ เขาบนโซฟา

“แต่… ลูกสาวของแกนี่ช่างร้อนแรงจริง ๆ! จิ๊ จิ๊ ฉันล่ะไม่อยากจะปล่อยไปเลย”

“แกกำลังจะทำบ้าอะไร!!”

เฉิงกัวอันตะโกนสุดเสียงด้วยความโกรธเมื่อเห็นแววตาหื่นกระหายของอีกฝ่าย!

เขาอุตส่าห์ยอมตกลงด้วยแล้ว อีกฝ่ายยังจ้องจะเล่นงานลูกสาวของเขาแบบนี้ได้ไง!

“เออ ๆ ฉันยังไม่ทำอะไรลูกสาวของแกหรอก ตราบใดที่แกว่านอนสอนง่าย! แต่หลังจากนี้เมื่อไหร่ที่ฉันบอกให้แกเรียกไอ้อวี้ฮ่าวหรานมา แกต้องทำตามแต่โดยดี ไม่งั้นแล้วล่ะก็…หึหึ”

อสรพิษเงินมองอย่างดูถูกเหยียดหยาม ชะตากรรมของคู่พ่อลูกนี้ถูกกำหนดไว้นานแล้วก่อนที่พวกเขาจะมาถึง เมื่อไหร่ที่อวี้ฮ่าวหรานถูกฆ่าเรียบร้อย พ่อลูกคู่นี้ก็จะถูกตัดสินโทษให้ตายอย่างอนาถเช่นกัน!

คนที่ถอนตัวจากองค์กรอสรพิษได้มีแต่คนตายเท่านั้น!

“พาพวกมันออกไป!”

หลังจากหยอกล้อเสร็จแล้ว เขาก็สั่งหัวหน้าสาขาอีกสองคนที่มาด้วยกันนำตัวคู่พ่อลูกตระกูลเฉิงออกไป

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่อวี้ฮ่าวหรานส่งสวีรุ่ยกลับบ้านเรียบร้อย เขาก็หยุดแวะดูโกดังที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่

เขาไม่ได้อยากจะให้ความสำคัญกับสวีเซี่ยงจวินมากนัก แต่เมื่อพิจารณาถึงชีวิตในอนาคตของสวีรุ่ย เขาจึงจำเป็นต้องให้ความสนใจสักหน่อย

ในไม่ช้ารถสปอร์ตก็หยุดลงใกล้ ๆ กับโกดัง

“งานก็จะมีประมาณนี้ เวลาตอนกลางวันนายต้องคอยเดินตรวจตราทุกระยะ…ตระเวนไปให้ทั่ว…”

ทันทีที่เขามาถึงประตูโกดัง เสียงของผู้จัดการหวังก็ดังขึ้นจากด้านใน

เมื่อผลักประตูเข้าไป อวี้ฮ่าวหรานก็เห็นว่าสวีเซี่ยงจวินกำลังฟังอย่างตั้งอกตั้งใจเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าทัศนคติของคน ๆ นี้ยังพอใช้ได้อยู่

ทางด้านของผู้จัดการหวังเมื่อเห็นประธานของตัวเองเข้ามา เขาก็รีบเอ่ยทักขึ้นทันที

“ท่านประธาน สวีเซี่ยงจวินเรียนรู้งานได้รวดเร็วพอสมควร ผมคิดว่าเขามีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับงานที่นี่”

“ผมให้สัญญาว่าผมจะตั้งใจทำงาน ไม่ทำให้ท่านประธานผิดหวังแน่นอน!”

สวีเซี่ยงจวินรีบโค้งตัวรับรองทันที มันไม่ง่ายเลยที่จะได้งานดี ๆ แบบนี้

อวี้ฮ่าวหราน พยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูไม่เสแสร้ง สิ่งต่าง ๆ ดูเหมือนจะราบรื่นกว่าที่เขาคิด