บทที่ 404

บทที่ 404

ซ่งเทียนเฝ้าดูขณะที่ซ่งอู๋ถูกถังหยินบังคับให้ล่าถอยชนิดที่ว่าสถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤติ ดังนั้นเขาจึงคิดรีบเข้าไปช่วย

ทว่าก็เป็นจ้านอู่ตี้ที่ขี่ม้าและรีบวิ่งเข้ามาขวางไว้ ก่อนจะกล่าวกับซ่งเทียนที่ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างเป็นกังวลว่า “ฝ่าบาท กำลังเสริมจากด้านหน้าและด้านหลังของพวกมันมาถึงแล้ว กองกำลังของเราไม่สามารถต้านพวกมันเอาไว้ได้มากกว่านี้อีก”

“ล่าถอยอย่างนั้นเหรอ ?” ซ่งเทียนตกใจในตอนแรก จากนั้นจึงพูดอย่างรวดเร็ว “ลูกชายของข้ายังคงต่อสู้อยู่ เจ้าจะให้ข้าหนีเช่นนั้นหรือ ?!”

“ตอนนี้ไม่ทันแล้ว ถ้าเรายังคงล่าช้า พวกเราได้ตายกันอยู่ที่นี่แน่ !!!” ด้วยเหตุนี้ จ้านอู่ตี้จึงไม่รอให้ซ่งเทียนตอบกลับ เขาเข้าคว้าคอเสื้อของซ่งเทียน จากนั้นวางอีกฝ่ายไว้บนหลังม้า

แม้ว่าถังหยินกำลังต่อสู้กับซ่งอู๋ แต่เขาก็สังเกตความเคลื่อนไหวรอบตัวไว้ตลอด หลังจากได้ยินทุกอย่าง ชายหนุ่มก็ตระหนักได้ว่าเป้าหมายหลักอย่างซ่งเทียนกำลังหนี ดังนั้นถังหยินจึงไม่รอช้า คว้าจับเคียวตวัดฟันใส่ซ่งอู๋ ก่อนจะพุ่งไล่ตามซ่งเทียนกับจ้านอู่ตี้ไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า

แม้ว่าซ่งเทียนกับจ้านอู่ตี้จะขี่ม้าหลบหนี แต่ความเร็วในการเร่งฝีเท้าของถังหยินก็ไม่ช้าไปกว่าม้าศึก เขารีบวิ่งไปที่ด้านหน้าของม้ายกดาบขึ้นและสับไปที่ซ่งเทียนที่อยู่บนหลังม้าด้วยกำลังทั้งหมดของเขาในชั่วพริบตานั้น !!!

ซ่งเทียนหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะหลบ สายตามองไปยังคมเคียวที่พุ่งมาที่เขา ส่วนจ้านอู่ตี้ที่เห็นทุกอย่างชัดเจนก็เร่งใช้พลังปราณในกาย จัดแจงปัดป่ายดาบในมือเข้าขัดขวาง

ตอนนี้จ้านอู่ตี้ถึงขีดจำกัดแล้วก็จริง แต่ถังหยินก็ไม่กล้าที่จะประมาท ชายหนุ่มใช้สลับเงาถอยหลัง จากนั้นจึงมาปรากฏตัวใกล้ซ่งเทียนและกระโดดตั้งท่าเข้าตะครุบตัวอีกฝ่ายเอาไว้

ทว่าก่อนที่เขาจะเข้าถึงตัว หนามปราณจากซ่งอู๋ก็ได้เข้ามาถึงเสียก่อน ชายหนุ่มจึงได้แต่เลิกไล่ล่าซ่งเทียนอย่างไม่เต็มใจ ถอยหนีออกไปจั้งเศษ หลบซ้ายป่ายขวาปราณวายุคลั่งที่โจมตีเข้าใส่อย่างไม่ลดละ

แม้ว่าระดับพลังของถังหยินจะสูงส่ง แต่เขาก็ไม่ทรงพลังเท่าถ้าหากเป็นในเรื่องของการต่อสู้แบบซึ่งหน้า ทำให้ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้สลับเงาเพื่อหลบการโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว

เมื่อผู้ใช้ปราณแสงกำลังต่อสู้กับผู้ใช้ปราณมืด หากพวกเขาไม่มั่นใจในพลังของตัวเอง มันจะไม่มีการปะทะกันอย่างดุเดือดยาวนานเช่นนี้ เนื่องจากการปลดปล่อยทักษะต้องใช้พลังปราณอย่างมหาศาลทำให้เสียเปรียบได้ง่ายมาก และทักษะการโจมตี ๆ ของพลังปราณแสง ผู้ใช้ปราณมืดก็สามารถหลบได้อย่างง่ายดายด้วยสลับเงา

แต่ตอนนี้ความคิดเดียวของซ่งอู๋คือการปกป้องชีวิตผู้เป็นบิดา เขาเลยไม่สนใจชีวิตของตัวเองและไม่สนใจว่าพลังปราณของตนจะเพียงพอหรือไม่

หากมองจากภายนอกอาจมองได้ว่าเขากำลังได้เปรียบที่สามารถกดดันถังหยินให้หลบไปมาได้อย่างเดียว แต่ในสายตาผู้ที่มีระดับพลังสูง ๆ พวกเขาต่างรู้กันดีว่านี่เป็นการฆ่าตัวเองอย่างช้า ๆ และทรมานยิ่ง

พลังปราณของซ่งอู๋ถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็วราวกับน้ำซึมบ่อทราย ก่อนในที่สุดมันจะหมดลง จนเขาได้แต่หอบหายใจอย่างหนักด้วยอ่อนแรง ส่วนฝ่ายถังหยินกลับยังดูสบาย ๆ ตามร่างของชายหนุ่มไม่มีเหงื่อซักหยด และเมื่อซ่งอู๋ใช้กำลังทั้งหมดแล้ว เป้าหมายต่อไปของเขาก็คือจ้านอู่ตี้กับซ่งเทียน !!

ถังหยินไม่รอช้าแม้แต่น้อย กระโดดลอยตัวขึ้นสูง ทำการกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทว่าก็ไม่พบกับเป้าหมาย….

‘ไอ้พวกบัดซบ !’ ถังหยินโกรธจัด เขาร้องคำรามดังลั่น “ซ่งเทียน ! เจ้าหนีได้ แต่กับลูกชายของเจ้า… ข้าจะบั่นคอมัน ข้าจะฉีกมันให้เป็นชิ้น ๆ!!” จากนั้นถังหยินก็ลดศีรษะลง จับดาบวงพระจันทร์ด้วยมือทั้งสองข้าง เปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นเคียวและพูดออกมาว่า “ซ่งอู๋ ดูท่าว่าเจ้าอยากที่จะเอาชีวิตของตัวเองมาแลกกับผู้เป็นพ่อสินะ ได้ ! เจ้าจะได้สมหวังเดี๋ยวนี้ !!”

“ถ้าอย่างนั้นก็จัดการซะเลยสิ ถังหยิน !” ซ่งอู๋จ้องมองถังหยินและโต้ตอบกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมกระชับหอกในมือแน่น

ถังหยินไม่พูดมากความอีกต่อไป เขากระชับเคียวในมือพร้อมที่จะสนองคำพูดของคนที่กำลังจะตาย

ฝีเท้าที่เดินเข้าไปของเขาไม่เร็วนัก แต่ซ่งอู๋ที่ยืนอยู่ตรงข้ามสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่กำลังมาถึงอย่างชัดเจน เมื่อถังหยินเข้ามาใกล้มากขึ้น บรรยากาศรอบ ๆ ก็เหมือนถูกแช่แข็ง โดยเฉพาะเมื่อถังหยินอยู่ห่างออกไปเพียงแค่สามก้าว มันก็ราวกับว่าเวลาหยุดลง…

นั่นคือแรงกดดันปราณที่ถังหยินปล่อยออกมา

ซ่งอู๋พยายามใช้พละกำลังเกือบทั้งหมดเข้าต้าน เขาร้องตะโกนสุดเสียงและใช้พลังปราณฟาดเข้าที่หน้าอกของถังหยินอย่างรุนแรง

“แค่นั้นเองหรือ ? …ช้าเกินไป !” ถังหยินหัวเราะออกมาดัง ๆ เขายกเคียวขึ้นปัดหอกไปได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะวิ่งเข้าหาศัตรู จนพวกเขาสองคนอยู่ใกล้กันมากชนิดที่ว่าใบหน้าของพวกเขาแทบจะสัมผัสกัน

“อะ…อา…” ซ่งอู๋ร้องออกมาด้วยความกลัวโดยสัญชาตญาณ เขาอยากจะถอยหนี แต่ก่อนที่จะขยับเท้าได้ ถังหยินก็พลันยกขาซ้ายขึ้นแทงเข่าใส่ซ่งอู๋อย่างไร้ความปรานี !!!

มันเร็วเกินไปจนซ่งอู๋ไม่สามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงที เขาจึงต้องอาศัยการขยับหลบตามสัญชาตญาณเอา

พลั่กก !

เข่าของถังหยินไม่ได้กระแทกเข้ากับท้องของซ่งอู๋ แต่ไถลไปโดนซี่โครง ทำให้ซ่งอู๋ร้องอย่างเจ็บปวด ขณะที่ร่างเขากระเด็นไปไกลกว่าหนึ่งจั้งก่อนที่จะตกลงบนพื้น จนได้แต่คลานไปกับพื้น และกระอักเลือดออกมา

ถังหยินไม่ให้ซ่งอู๋มีโอกาสได้พักหายใจ เขารีบรุดไปข้างหน้าอีกครั้ง ทำการเข้าประชิดซ่งอู๋ ก่อนที่เคียวจะกลับกลายเป็นดาบและคมมีดทั้งสองในมือของชายหนุ่มจะแทงทะลุซี่โครงทั้งสองข้างของซ่งอู๋ ทำให้คนถูกแทงกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวดและกลิ้งไปบนพื้น

ซ่งอู๋คิดว่าเขาสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้และพลิกร่างลุกขึ้นจากพื้นพร้อมเข้าแทงหอกในมือไปที่คอของถังหยิน …ทว่าโดยไม่คาดคิด ถังหยินพลันขยับแขนไปด้านข้าง ก่อนทำการดึงใบมีดทั้งสองนั่นออก จากนั้นจึงเตะเศษดินและทรายเข้าขัดขวางการมองเห็นของซ่งอู๋

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คาดคิดว่าถังหยินผู้ซึ่งมีสถานะสูงจะทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้

“เห้ย !!”

ซ่งอู๋ร้องด้วยความตกใจ ดวงตาของเขาที่ไม่มีการปกป้องจากเกราะปราณได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจนทำให้มองไม่เห็นไปชั่วขณะ ….ได้แต่เพื่อตั้งหลัก

เมื่อซ่งอู๋สูญเสียการมองเห็นเช่นนี้ มันก็ทำให้ยากที่จะหลบเลี่ยงสิ่งที่ตามมา ทั้งน่องและท้องของเขาถูกแทงด้วยดาบวงพระจันทร์ทั้งสองของถังหยินจนล้มลงกับพื้น….

ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น หากแต่ซ่งอู่ก็ยังไม่คิดยอมสยบ กำหอกปราณไว้แน่น พร้อมกับร้องตะโกนออกมา “ถังหยิน เจ้ามันก็เป็นแค่คนชั่วช้าชั้นต่ำที่น่ารังเกียจ ถ้าเจ้ามีความกล้าก็จงต่อสู้กับข้าอย่างยุติธรรมแทนที่จะใช้กลอุบายที่น่ารังเกียจแบบนี้ นี่เจ้าเป็นวีรบุรุษแบบไหนกัน ?”

“ฮ่า !” เมื่อมองไปยังซ่งอู๋ที่เหมือนแมลงวันหัวขาด ถังหยินก็หัวเราะออกมา เขาพูดอย่างช้า ๆ “ประการแรกข้าไม่ใช่วีรบุรุษ ประการที่สองคนอ่อนแออย่างเจ้าไม่ใช่คนที่มีสิทธิ์จะเรียกร้องอะไรได้ …และวันนี้ มันก็เป็นวันตายของเจ้า !!”

คมมีดในมือของชายหนุ่มเฉือนออกอย่างง่ายดายเข้าที่ซี่โครงขวาของซ่งอู๋ !!

…มันคือการชำแหละเนื้อหนังของคนเป็น ๆ ออกมาจนเลือดไหลนองเต็มพื้นที่เป็นภาพที่ใครก็คงจะไม่อาจทนได้

“อ๊า !” ซ่งอู๋คำรามอย่างโกรธเกรี้ยวราวกับสัตว์ร้ายคลุ้มคลั่ง พยายามใช้หอกในมือแทงเข้าใส่ถังหยินสามคราด้วยกัน

ดวงตาของเขาไม่สามารถมองเห็นได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ ? ผลคือหอกทั้งสามแทงไม่สามารถแตะต้องถังหยินได้เลย…

ซ่งอู๋ได้แต่โกรธและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน ก่อนเป็นถังหยินที่ดึงดาบวงพระจันทร์ออกมา และทำการเสือกแทงดาบจนเกิดรูที่หน้าท้องของซ่งอู๋ !!!

นี่ไม่ใช่การประลองระหว่างทั้งสองฝ่ายอีกต่อไป แต่เป็นเกมหนูจบแมว ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ถังหยินก็จะหลบหลีกก่อนใช้ดาบตวัดคว้าฟันทิ้งบาดแผลเอาไว้ ทำให้ซ่งอู๋เกิดบาดแผลทั่วร่างเลือดไหลอาบ เช่นเดียวกับเกราะปราณที่แตกเป็นชิ้น ๆ

แม้ว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนี้ แต่ซ่งอู๋ก็กัดฟันแน่นและไม่ยอมล้มลง ในบางครั้งเขาจะหาโอกาสแทงถังหยินสองสามครั้ง ทว่าการตอบโต้ของเขาไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อถังหยินแต่อย่างใด

ถังหยินไม่ต้องการที่จะจบชีวิตของซ่งอู๋ง่าย ๆ ชายหนุ่มต้องการทรมานอีกฝ่าย จนทำให้ตอนนี้ไม่อาจนับได้แล้วว่าบนร่างของซ่งอู่มีบาดแผลอยู่กี่แห่ง

แคร้ง !

หอกในมือของเขาหล่นลงที่พื้นพร้อมร่างที่ทรุดลงไป เขาไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้อีก เช่นเดียวกับเลือดที่อาบทั่วร่างและเสียงที่แหบแห้ง “ถัง… ถังหยิน… ข้า… ข้าไม่ยอมรับหรอก !!”