ซูเสี่ยวมั่วมองไปรอบๆ ก็เห็นมนุษย์ผู้ชายเพียงแค่สองคนที่อยู่ใกล้ๆ นั่นคือเซิ่งอี่เจ๋อกับคังเจี้ยน
เอ… คงไม่ใช่กัปตันอี่เจ๋อหรอกมั้งที่จ้องมองเธอแบบนั้น ใช่ไหมนะ ไม่ใช่ว่าเขาจะชอบอันซย่าซย่าจริงๆ หรอกนะ!
ซูเสี่ยวมั่วจึงหันหลังกลับและเป็นอย่างที่คาดไว้เลย สีหน้าของคังเจี้ยนดูถมึงทึงมาก เขาดูเหมือนกับจะมีหญ้างอกออกมาจากบนหัวขณะคำรามบอก “ซูเสี่ยวมั่ว! เธอแนะนำหนุ่มๆ ให้ซย่าซย่าลับหลังฉันอีกแล้วนะ! ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือไงว่าซย่าซย่าเขาเป็นหวานใจวัยเด็กของฉันและจะเป็นภรรยาในอนาคตของฉันด้วย!”
ซูเสี่ยวมั่วกลอกตา “ฉันไม่คุยกับคนซื่อบื้อหรอกนะ มันฉุดไอคิวฉัน”
คังเจี้ยนร้องว้ากขณะเดียวกันก็พุ่งเข้าใส่ ซูเสี่ยวมั่วหลบอย่างว่องไว แล้วทั้งสองก็เริ่มตะลุมบอนกัน
อันซย่าซย่าพยายามไกล่เกลี่ยอย่างเบื่อหน่าย “เฮ้ๆ คังเพี้ยน นายทำร้ายผู้หญิงได้ยังไง! ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งฮะว่าฉันไม่ใช่ภรรยานาย! อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นอีก โอเคมั้ย!”
คังเจี้ยนร้องออกมาอย่างน่าสงสาร “เฮอะ ซูเสี่ยวมั่วเนี่ยนะผู้หญิง! โอ๊ย! หน้าฉัน เจ้มั่ว เจ้มั่ว ยกโทษให้ฉันนะ ฉันรู้ว่าเจ้ได้เทควันโดสายดำ… ได้โปรดไว้ชีวิตฉันเถอะ! แล้วก็ซย่าซย่า ฉันสัญญาว่าสักวันหนึ่งฉันจะแต่งงานกับเธอ!”
ระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังติดอยู่ในเงื้อมมือปีศาจและดิ้นรนอย่างเต็มกำลังอยู่นั้น เขาก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ
มีใครบางคน… กำลังจ้องมองเขาอยู่หรือ
ช่วงครึ่งเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็วและเมื่อเสียงกริ่งโรงเรียนดังขึ้น อันซย่าซย่าก็หยิบลิปสติกออกมาจากกระเป๋านักเรียน ก่อนจะใช้หน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นกระจกและทาลิปอย่างบรรจง
เธอไม่ได้แต่งหน้าอะไรมากมาย แค่ติดลิปสติกมาเพียงแท่งเดียวเพื่อไม่ให้ริมฝีปากแห้งเท่านั้น
เซิ่งอี่เจ๋ออารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่เช้าแล้ว และสีหน้าท่าทางก็ดูถมึงทึงยิ่งขึ้นไปอีก
ก็แค่จะไปกินมื้อเที่ยงกับผู้ชายคนหนึ่ง ทำไมต้องเตรียมตัวขนาดนั้นด้วย! เขาอยู่บ้านเดียวกับเธอมาสักพักแล้ว ยังไม่เคยเห็นยัยนั่นแต่งหน้าเลยสักครั้งเดียว!
หลังจากอันซย่าซย่าทาลิปสติกเสร็จแล้วก็คล้องแขนซูเสี่ยวมั่วแล้วก็พากันเดินมุ่งหน้าไปยังโรงอาหาร คังเจี้ยนแผดเสียงอ้อนวอนตามหลังพวกเธอไป “ซย่าซย่าอย่าไปเลยนะ อย่าทิ้งฉันเลย…”
เซิ่งอี่เจ๋อเตะโต๊ะของเขาอย่างขุ่นเคืองขณะเฝ้าดูทั้งสามเดินออกไป
ฉือหยวนเฟิงและเหอจยาอวี๋หันมาพร้อมกัน ฉือหยวนเฟิงถามอย่างหวาดๆ “พี่ เป็นอะไรหรือเปล่า”
เอ่อ เขาไม่ได้ไปทำอะไรให้เซิ่งอี่เจ๋อโกรธใช่ไหม เขารับผลที่ตามมาจากการที่เซิ่งอี่เจ๋อโมโหไม่ไหวหรอกนะ!
“ไปเถอะ พักเที่ยงแล้ว” เซิ่งอี่เจ๋อตอบเสียงเย็นเยียมขณะลุกขึ้นยืน มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง
เหอจยาอวี๋พยักหน้า ด้วยสถานะพิเศษอย่างพวกเขา ทั้งสามเกรงว่าจะเป็นต้นเหตุให้เกิดความโกลาหลถ้าพวกเขาไปทานข้าวในโรงอาหารของโรงเรียน โดยปกติแล้ว คนขับรถจะนำมื้อเที่ยงมาส่งที่โรงเรียนและพวกเขาก็จะกินที่เลานจ์ซึ่งโรงเรียนจัดเตรียมเอาไว้เป็นพิเศษสำหรับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ทิศทางที่เซิ่งอี่เจ๋อมุ่งหน้าไปในวันนี้กลับไม่ใช่ทางไปเลานจ์!
เหอจยาอวี๋เอ่ยถามเสียงดัง “อี่เจ๋อ นายจะไปไหนน่ะ”
เขาตอบเพียงแค่สามคำ “โรงอาหาร”
ที่โรงอาหารของโรงเรียนฉีซย่า
ซูเสี่ยวมั่วพาอันซย่าซย่าไปยังที่ืที่นัดกันเอาไว้ซึ่งนักเรียนชายคนหนึ่งกำลังยืนรอทั้งสองอยู่ก่อนแล้ว
ห่างไปไม่ไกลนักคังเจี้ยนผู้ชอกช้ำยืนร่ำไห้อยู่อย่างเงียบๆ
เมื่อนักเรียนชายคนนั้นเห็นอันซย่าซย่า ใบหน้าเขาก็แดงก่ำพลางทักทายสองสาวขณะที่นั่งลง จากนั้นก็สอบถามอาหารที่ทั้งสองชอบอย่างพิถีพิถันแล้วก็ลุกขึ้นไปสั่งให้
“ว้าว เขาไม่เลวเลยนะซ้ำยังหน้าตาดี๊ดี…” ซูเสี่ยวมั่วออกความเห็น
อันซย่าซย่าไม่ได้รู้สึกอะไรเลย บางทีคงเป็นเพราะการได้ใช้ชีวิตกับทั้งสามคนในวงสตาร์รี่ไนต์ละมั้ง เธอเลยเคยชินกับหน้าตาของพวกเขา และมาตรฐานความหล่อของเธอจึงสูงขึ้น
สองสาวพูดคุยกันเมื่อมีเสียงกรีดร้องเป็นระลอกต่อเนื่องดังมาแต่ไกล
อันซย่าซย่าเหลือมองไปทางเสียงต้นทางอย่างสนอกสนใจและเห็นร่างสูงโปร่งสามร่างที่ทางเข้าโรงอาหาร ทั้งสามก้าวยาวๆ เข้ามาราวกับถูกห้อมล้อมด้วยรัศมีเรืองรอง
หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเบิกตาโต เกิดอะไรขึ้น สามคนในวงสตาร์รี่ไนต์มากินมื้อเที่ยงที่โรงอาหารจริงๆ น่ะหรือ