บทที่ 406

บทที่ 406

ถังหยินแทงดาบเข้าใส่ปิงโปเจียน และไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีความเก่งกาจแค่ไหน เขาก็คงไม่อาจทนต่อพิษบาดแผลได้

ปิงโปเจียนถอยหลังกลับมาแล้วก้มหัวมองบาดแผลที่หน้าอกก่อนที่จะเงยหน้ากลับไปมองศัตรูอีกครั้ง แล้วเขาก็กระอักเลือดตายไป

ร่างของปิงโปเจียนล้มลงบนพื้น ทำให้ผู้เป็นสหายอย่างจุยเฟิงเจียนที่เห็นทุกอย่างโกรธจัดจนพุ่งเข้าใส่หยวนยู่ที่กำลังขัดขวางอยู่ตรงหน้า

…แม้ว่าชื่อของพวกเขาจะแตกต่างกัน แต่ก็อยู่ด้วยกันมานาน ทำให้มีความรู้สึกผูกพันกันมากกว่าใคร จึงทำให้เขาไม่อาจทนได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น

และเมื่อเห็นแบบนั้น หยวนยู่ก็พลันเอ่ยวาจาเย้ยหยั่นออกมา “สหายเจ้าตายไปแล้ว และเดี๋ยวเจ้าเองก็จะตามเขาไปติด ๆ!” ว่าแล้วชายเลือดร้อนก็ฟาดฟันดาบลงมาพร้อมกับปล่อยคลื่นปราณ 3 คลื่นออกมาจนเกิดรอยแยกบนพื้น

จุยเฟิงเจียนสามารถหลบการโจมตีนั้นได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนดาบในมือให้กลายเป็นลำแสงที่พุ่งไปข้างหน้า

วิชาไล่ล่าโลหิตถือได้ว่าเป็นวิชาขั้นสูงที่ทรงพลัง หนามปราณสีแดงปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าและพื้นดินดูน่าหวาดกลัว ทว่าหยวนยู่กลับไม่คิดจะหลบ เขาเพียงถอยหลังกลับมาสองก้าวแล้วแทงดาบสวนกลับไป

ดาบปราณเข้าปะทะกับหนามปราณจำนวนนับไม่ถ้วนก่อนที่หนามจะสลายหายไป ในขณะที่ดาบในมือของหยวนยู่ยังคงมุ่งหน้าต่อ

นี่คือความแตกต่างกันของพลัง

เห็นแบบนั้นสีหน้าของจุยเฟิงเจียนก็เปลี่ยนไป เขาก้มตัวหลบดาบที่พุ่งเข้ามา ทว่าหยวนยู่ก็ปล่อยคมเขี้ยวหมาป่าออกมาติด ๆ กันอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว

จุยเฟิงเจียนมองเห็นก้อนปราณจำนวนมากลอยอยู่บนอากาศก่อนที่มันจะกลายเป็นหนามแทงเข้าใส่ร่างตนจนเป็นรู

มันไม่ง่ายเลยที่จะมองเห็นสิ่งเหล่านี้ …ดังนั้นเมื่อรู้ตัวมันก็สายเกินไปที่จะหลบเสียแล้ว

ดาบของหยวนยู่นั้นทรงพลังและไร้เทียมทาน โดยมีคมเขี้ยวหมาป่าเป็นไพ่ตาย

ในเวลานี้จุยเฟิงเจียนที่นอนอยู่บนพื้นก็ได้แต่ปลดปล่อยพลังเฮือกสุดท้ายออกมา พร้อมกับใช้ปราณกดดันหยุดยั้งหนามปราณเอาไว้

ทว่า หยวนยู่ก็อยู่เหนือกว่าที่เขาคาดเดาเอาไว้

ภายใต้ปราณกดดันนี้ หนามปราณของหยวนยู่พลันพุ่งเข้ามาก่อนช้าลงแล้วหยุดไป ทว่ากลับเป็นดาบของหยวนยู่ที่พุ่งเข้าใส่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว

จุยเฟิงเจียนที่เห็นแบบนั้นก็ระลึกได้ว่าเขาติดกับเสียแล้ว

ในตอนนี้เขาใช้พลังทั้งหมดในการหยุดหนามปราณไปแล้ว ทำให้เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย ทว่ามันก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก เพราะถ้าไม่งั้นหนามปราณจะต้องเสียบแทงเขาเป็นแน่

ว่าแล้วดาบปราณจากหยวนยู่ก็พลันพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วยิ่งจนทะลุผ่านหัวของจุยเฟิงเจียนเข้าไปทันที

ระดับของพลังจะยิ่งส่งผลกับดาบปราณในมือ แล้วระดับพลังของหยวนยู่เองก็สูงมาก ดังนั้นแล้วดาบของเขาจึงคมกริบจนสามารถตัดผ่านได้ทุกสิ่งที่ขวางทาง

จุยเฟิงเจียนตายอย่างอนาถโดยที่ยังไม่ทันได้กรีดร้องสักคำ

มันเกิดขึ้นเร็วมาก หยวนยู่จัดการจุยเฟิงเจียนได้อย่างง่ายดายเพียงแค่แทงดาบเข้าไป …จนแม้แต่ถังหยินก็เริ่มหวั่นเกรงต่อเขา

หลังจากนั้น หยวนยู่ก็จัดการหั่นศพของจุยเฟิงเจียนออกเป็นสองท่อนแล้วพูดขึ้น “นี่แหละคือสิ่งที่เจ้าจะได้รับจากการดูหมิ่นข้า”

เขาถูกจัดการจนเกือบเสียท่าเพราะทั้งสามคนนี้ โชคยังดีที่ปิงโปเจียนหนีไปได้ทันและถังหยินเองก็ช่วย จึงพอทำให้เขามีโอกาสพักหายใจบ้าง

ถังหยินที่เห็นหยวนยู่ทำลายศพอยู่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร เพราะเขาคิดว่าอีกฝ่ายเก่งกาจจนสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ …คนประเภทนี้ถือว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ และชายหนุ่มก็ไม่คิดจะทำตัวเป็นศัตรูกับอีกฝ่ายแน่นอน !

วู่บ !

หยวนยู่มองศพที่เละเทะบนพื้นด้วยน้ำมือของเขาอย่างตะลึง พลางคิดว่าครานี้ตนเองทำเกินไปแล้ว ก่อนจะหันไปยิ้มแห้ง ๆ ให้กับถังหยิน “นายท่าน หมอนี่มันเป็นคนชั่วช้า ดังนั้นข้าจึงต้องทำลายศพมัน”

ถังหยินหัวเราะออกมา “เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก”

เมื่อเห็นว่าไม่ได้ถูกด่า ทั้งยังได้รับคำชมอีก หยวนยู่ก็ยิ่งไม่รู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น เขาเกาหัวตัวเองแล้วหัวเราะออกมาด้วยเช่นกัน “ซ่งเทียนหนีไปได้อีกแล้วหรือ ?”

ชายหนุ่มยักไหล่ “แน่อยู่แล้วล่ะ แต่ไม่นานเดี๋ยวมันก็ตายด้วยน้ำมือของเราเอง !!”

ทางผ่านบาเป็นของพวกเขาแล้ว ตราบเท่าที่พวกเขายังควบคุมที่นี่อยู่ มันก็ไม่มีทางที่ซ่งเทียนจะหนีไปไหนได้

ในการต่อสู้ครั้งนี้ ความเสียหายของเทียนหยวนมีเพียงน้อยนิดถ้าเทียบกับพวกหนิง ที่ทหารจำนวน 2 หมื่นนายล้มหายตายจาก จนมีเพียงแค่จ้านอู่ตี้ จ้านอู่ฉาง และซ่งเทียนพร้อมกับทหารอีกเล็กน้อยเท่านั้นที่หลบหนีไปได้

เมื่อมาถึงส่วนของการเก็บกวาดสถานที่ จีหยิงก็รีบเข้าไปรายงานถังหยินทันทีว่า “นายท่าน ข้าไม่คิดว่าพวกศัตรูจะอยู่ที่นี่”

หยวนยู่ที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับบ่นพึมพำออกมา “ก่อนหน้านี้เจ้าทำเป็นมั่นใจ สุดท้ายแล้วก็เป็นไงล่ะ ดีนะที่นายท่านของเราเก่งกาจไม่งั้นแล้วพวกเจ้าคงจะตายห่ากันหมดแล้ว”

จีหยิงรู้สึกผิดในใจ แม้ว่าคำพูดนั้นจะไม่น่าฟังแต่มันก็เต็มไปด้วยข้อคิดที่ต้องนำไปใช้ต่อในอนาคต เพราะถึงแม้ศัตรูจะมีกำลังทหารไม่มากนัก แต่ถ้าหากมีผู้ที่ใช้ปราณได้อยู่ท่ามกลางพวกเขาด้วย งั้นแล้วมันก็ถือเป็นการต่อสู้ที่ยากพอตัว “ท่านหยวนยู่พูดถูก ข้าประมาทพวกมันมากเกินไป”

จีหยิงมั่นใจมากว่าจะไม่มีใครซุ่มอยู่ที่หุบเขาใกล้กับเขา ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาประมาทศัตรูจนกลายมาเป็นแบบนี้ “แม่ทัพจีหยิงลุกขึ้นเถอะ ยังไงเสียคนเราก็ต้องมีพลาดกันบ้าง ไม่มีใครรู้ไปหมดทุกอย่างหรอก”

จีหยิงถอนหายใจ แม้ว่าถังหยินจะไม่ใช่คนใจดีนัก แต่กับลูกน้องของชายหนุ่มแล้ว พวกเขาก็จะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ “เป็นพระคุณอย่างยิ่งนายท่าน !”

ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเปลี่ยนหัวข้อทันที “ข้าจัดการซ่งอู๋ได้แล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจงเอาศพของมันไปแห่ประจานในเมืองเสีย เพื่อให้ทุกคนได้รู้กันว่าซ่งเทียนไม่มีทายาทอีกต่อไป”

“รับทราบ” จีหยิงตอบกลับแล้วมองศพซ่งอู๋ที่อยู่ไม่ไกลออกไป

…ร่างของเขาถูกแทงด้วยหอกเข้าที่ลำคอ ลูกชายที่มากไปด้วยฝีมือของซ่งเทียนอย่างซ่งอู๋ ในวันนี้เขาได้ตายลงในการต่อสู้แล้ว !!!