บทที่ 273
ชายวัยกลางคนสีหน้าซีดๆ สายตานิ่งขรึมค่อยๆ เดินขึ้นเวทีมา

เหลือบมองว่านฉางหรู แล้วก็พูดน้ำเสียงเย็นชาว่า “เรื่องมันกะทันหัน ไม่โทษคุณหรอก แม้แต่ผมเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าไอ้หนุ่มนั่นมันจะมีความสามารถมากขนาดนี้!”

ถึงแม้จะเป็นการพูดปลอบใจ แต่ใครๆ ก็ฟังออกว่านี่เป็นการต่อว่า

สิ่งที่ยิ่งทำให้ทุกคนตกใจก็คือ มหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่อย่างว่านฉางหรู กลับไปโค้งคำนับก้มหัวให้อย่างไม่ลังเล แล้วพูดอย่างหวั่นเกรงว่า “ขอบคุณคุณหลี่ที่ใจกว้างครับ!”

ด้านล่างเวที ทุกคนก็ทั้งตกใจทั้งแปลกใจ

“คนนี้เป็นใครกันแน่? ว่านฉางหรูถึงได้ถ่อมตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาขนาดนี้!”

“คุณหลี่งั้นหรือ? ผมอยู่ที่ฮ่านหยางไม่เคยได้ยินชื่อคนนี้มาก่อน นอกจากจะเป็น…….”

ทุกคนก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง ที่สามารถทำให้ว่านฉางหรูถ่อมตัวได้ขนาดนี้ และยอมสวามิภักดิ์ให้กับคนแซ่หลี่คนนี้ นอกจากตระกูลมหาอำนาจอย่างตระหูลหลี่แห่งยานจิงแล้ว ก็คงจะไม่มีใครที่ไหนในหัวเซี่ยแล้ว!

ถ้าเป็นตระกูลหลี่จริงๆ ก็ไม่ต้องพูดถึงว่าคุณท่านจินเข้าที่เป็นตระกูลใหญ่สุดในฮ่านหยาง ก็ต้องน้อมรับคำสั่ง!

ตระกูลมหาอำนาจทั้งหกนั้น เป็นตระกูลที่มีผลต่อนโยบายของหัวเซี่ยทั้งหมด ในหัวเซี่ยไม่มีใครกล้าขัดขวาง!

ถ้าหากว่าตระกูลหลี่จะลงมือกับเหม่ยหวา กรุ๊ป ต่อให้เฉินโม่หาคนมาช่วยมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ นอกเสียจากเขาจะได้การปกป้องตระกูลมหาอำนาจทั้งห้า

พอเห็นคนด้านบนเวที สีหน้าของหลี่ซู่เฟินก็ขาวซีดราวกับกระดาษ

“เป็นแบบนี้จริงๆ ด้วย พ่อ ลงมือรุนแรงไม่เบาเลยนะ เร็วมากด้วย!” หลี่ซู่เฟินปวดใจราวกับมีดแทง

ถึงแม้เฉินโม่จะไม่รู้จักชายวัยกลางคนที่ยืนเคร่งขรึมบนเวที แต่ไม่นานก็เดาตัวตนของคนคนนั้นได้

“ดูเหมือนว่าประวัติศาสตร์มันจะเปลี่ยนไปจากการเกิดใหม่ของเรา วิกฤติของเหม่ยหวาในชาติก่อนนั้น ไม่มีตระกูลหลี่ยื่นมือมาเกี่ยวข้องเลยด้วยซ้ำ วิกฤติครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลี่วางแผนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด!”

เฉินโม่ก็โมโหในใจเล็กน้อย มีใจคิดจะบุกไปฆ่าที่ตระกูลหลี่เลยด้วยซ้ำ แต่ไม่นานเขาก็อดกลั้นไว้ ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหลี่ ถ้าไปแตะต้อง คงจะนำมาซึ่งการตามล่าของทางการ

ถ้าวันใกวันหนึ่งเฉินโม่สามารถต้านทานอาวุธนิวเคลียร์ได้ การกระทำในตอนนั้น คงจะไม่ต้องมากลัวหัวกลัวท้ายเหมือนตอนนี้

พวกของฉู่เหวินสง ก็มีสีหน้าหนักใจกันขึ้นมา ตระกูลหลี่ไม่เป็นตระกูลมหาอำนาจเหมือนกับตระกูลว่าน ต่อให้เฉินโม่จะเก่ง แต่ก็ต้านทานไม่ได้

ถ้าเฉินโม่หาเรื่องให้ตระกูลหลี่โมโหจริงล่ะก็ เขาสู้ปรมาจารย์ได้ แต่เขาจะสู้กับทั้งกองทัพได้อย่างนั้นหรือ? พอถึงตอนนั้นเครื่องบินทิ้งระเบิดลงมา ต่อให้เฉินโม่เป็นปรมาจารย์บู๊ ก็ต้องตายแน่นอน

คุณท่านจินก็มีสีหน้าขรึมไป มองคนแซ่หลี่ไปบนเวที แล้วก็แอบหวั่นๆ

ชายวัยกลางคนแซ่หลี่บนเวทีไม่เห็นใครอยู่ในสายตา กวาดมองทุกคนอย่างเย็นชา สีหน้าที่ดูถูกเหยียดหยามได้เผยออกมาหมด มองพวกคนมีชื่อเสียงของฮ่านหยางทางด้านล่างเวทีเป็นเหมือนอากาศธาตุ

สุดท้าย สายตาของเขาก็มาหยุดลงที่หลี่ซู่เฟิน

“หลี่ฉงซานได้รับคำสั่งจากผู้นำตระกูล ให้มากำจัดเหม่ยหวาของเธอ!ใครที่เป็นพวกเดียวกันกับเหม่ยหวา ล้วนเป็นศัตรูกับตระกูลหลี่แห่งยานจิงด้วยทั้งหมด”

หลี่ฉงซานมีเสียงเยือกเย็น แฝงไปด้วยความเป็นผู้ดีเหนือใคร กวาดมองทุกคนอีกครั้ง

ทุกคนในงานก็เงียบ!

ไม่มีใครกล้าหายใจแรง มันเงียบจนเข็มร่วงลงพื้นยังได้ยิน!

พวกคนที่ยังไม่เคยได้เห็นฤทธานุภาพของเฉินโม่ ก็เข้ามาสนับสนุนเฉินโม่ตามเจ้าสัวใหญ่ๆ เท่านั้น และได้มีความคิดจะถอยออกมาแล้ว แม้แต่พวกของฉู่เหวินสงกับเจี่ยจิ้งอานก็อดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้เหมือนกัน ค่อยๆ ก้มหน้าตนเองลงไป ไม่กล้าสบตากับหลี่ฉงซาน

แม้แต่คุณท่านจิน ก็เงียบไม่พูดจา สายตาก็บ่งบอกว่าทำอะไรไม่ได้

หลี่ซู่เฟินก็หลับตาลงอย่างเอือมระอา ตระกูลหลี่นั้นน่ากลัวแค่ไหน ในฐานะที่เป้นคนตระกูลหลี่อย่างเธอล้วนรู้ดีกว่าคนอื่นๆ เป็นที่สุด ในเมื่อตระกูลหลี่ลงมือเองแล้ว อย่างนั้นเธอก็ไม่มีทางจะต่อต้านได้แล้ว!

แล้วทำไมจะต้องให้คนที่มาช่วยเหลือเธอมาติดร่างแหไปด้วยเล่า?