ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 181 ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็จะสนองให้เจ้า

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เดิมทีเกาะลอยเป็นพลังค่ายกลที่แปรสภาพมาจากแสงโชติช่วงที่สร้างขึ้นโดยหอคลื่นโหม ผนึกเข้ากับเมฆหมอกทั่วท้องฟ้าทะเลสาบปิดนภา

ภายใต้หมอกดำที่กระจัดกระจายหนาแน่น และพลังปราณชวนหวาดผวาที่ปกคลุมในขณะนี้ เกาะลอยจึงคล้ายกับถูกย้อมสีดำทับชั้นหนึ่งเช่นกัน

ภายในของเกาะลอยสีดำ คล้ายกับมีแสงสีแดงแปลกประหลาดส่องแสงวับวาบไม่หยุด

ด้วยการเคลื่อนไหวของแสงสีแดง เกาะลอยสั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นมา แสงสีแดงโลหิตมากมายเหล่านั้นแปรสภาพเป็นรอยแตกมากมาย ราวกับปากแผลลึก

เกาะลอยพลันแตกกระจาย เริ่มพังทลายลงทันที

ในเวลาเดียวกันกับที่เกาะลอยตรงกลางอากาศพังทลายลง เกาะปิดนภาที่อยู่เบื้องล่างก็เริ่มสั่นสะเทือนรุนแรงเช่นกัน

เกาะหนึ่งที่ใหญ่โตเช่นนี้ ค่อยๆ จมลงไปในทะเลสาบ กระทั่งถูกน้ำในทะเลสาบท่วมมิด

เขตศูนย์กลางทะเลสาบปิดนภา น้ำในทะเลสาบก่อตัวเป็นน้ำวนขนาดยักษ์ ตามการจมลงไปของเกาะปิดนภา ใจกลางมืดมิดทั้งผืนราวกับหลุมดำ

แรงดึงดูดอันน่ากลัวส่งออกมาจากภายในหลุมดำ กำลังจะลากทุกสิ่งโดยรอบเข้าไป

เกาะลอยตั้งอยู่เหนือหลุมดำพอดิบพอดี เมื่อเจอกับแรงดึงดูดมหาศาลเหล่านั้น เศษชิ้นส่วนของเกาะลอยที่พังทลายแตกออกมา และกลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอบนเกาะ จึงร่วงลงไปข้างล่างพร้อมกัน!

“แผนมีการเปลี่ยนแปลง!” กลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอมองหน้ากันแวบหนึ่ง ต่างอ่านความคิดของอีกฝ่ายออก

โชคดีที่เมื่อเมฆดำปกคลุมท้องฟ้าใหม่อีกครั้ง ทุกคนพลันมีลางสังหรณ์ในใจอยู่แล้ว

แม้ว่าเบื้องล่างเกาะปิดนภาจะทรุดลงไปแล้ว อีกทั้งก่อเกิดเป็นหลุมดำอันเหนือความคาดหมายของทุกคน ทว่ากลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอยังไม่ถึงขั้นรับมือไม่ทัน

ฝ่าเท้าเยี่ยนจ้าวเกอแตะไปบนเศษชิ้นส่วนเกาะลอยชิ้นหนึ่งเบาๆ เพื่อจะดีดกายขึ้น กระโดดไปถึงบนหลังพ่านพ่าน โดยมีอาหู่ตามไปข้างกายติดๆ

ครั้นหันศีรษะมองกลับไป ชายหนุ่มก็คลายใจ เพราะเห็นว่าสวีเฟยดึงซือคงจิงไว้แล้ว เท้าของเขาเหยียบอยู่บนเศษชิ้นส่วนของเกาะลอย หนีออกไปไกลอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ผู้สืบทอดคนอื่นๆ ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่หลายแห่ง เขาไร้พรมแดนที่มีจี้ฮั่นหรูเป็นผู้นำ หอคลื่นโหมที่มีเซี่ยโยวฉานและหร่วนผิง เมืองทะเลมรกตที่มีซ่งเฉาและเยี่ยฉงโจว ศิษย์ระดับขั้นเคียงนภาของแต่ละสำนักที่วรยุทธ์ค่อนข้างสูง ต่างก็ดูแลบรรดาศิษย์น้องชายหญิงร่วมสำนักที่ระดับวรยุทธ์ค่อนข้างต่ำ พากันอาศัยเศษชิ้นส่วนเกาะลอยหนีออกไปพร้อมกัน พยายามอย่างเต็มที่ให้หลุดพ้นจากพื้นที่ใจกลางหลุมดำเบื้องล่าง

เกาะลอยแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลุ่มคนร่วงลงมา เนื่องด้วยหลุมดำเป็นเหตุ ทำให้ความเร็วในการตกด้านล่างยิ่งรวดเร็วและรุนแรงมากขึ้น

คิดอยากจะหลบหนีให้ทันเวลา ก็ต้องสลัดแรงดูดจากหลุมดำให้พ้น ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในและปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกล้วนใจสู้ กระนั้นกำลังกายกลับไม่ไหว จำเป็นต้องให้ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาช่วยประคอง

ในบรรดาศิษย์ของทั้งหกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ มีเพียงตำหนักอัสนีสวรรค์เท่านั้นที่สถานการณ์ค่อนข้างย่ำแย่ เดิมทีเสียจื่ออี้ก็มีอาการบาดเจ็บในร่างกายอยู่แล้ว บัดนี้สภาพจิตใจก็ยิ่งหวั่นไหวไม่มั่นคง

บัดนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังเอาตัวไม่รอดอยู่บ้าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกลุ่มคนของเฉินหลินเลย

โชคดีที่ทางด้านสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์นั้น ถังหย่งฮ่าวระแวดระวังถึงปัญหานี้ได้ทันเวลา วรยุทธ์ของเขาเองก็เหนือชั้นยิ่ง จึงสามารถพาเสียจื่ออี้ เฉินหลิน และคนอื่นๆ ฝ่าวงล้อมออกไปพร้อมกันได้

บรรดาฝูงชนถลันออกไปด้านนอก เนื่องจากตอบโต้ได้ทันเวลา จึงไม่ได้จมดิ่งลงไปในหลุมดำ

ถึงอย่างนั้นก็ยังรับรู้ได้ถึงแรงดึงดูมหาศาลบริเวณเขตชายขอบหลุมดำทั้งสองฟากเช่นกัน บริเวณนั้นคล้ายกับหลุมทรายดูดหลุมหนึ่ง ต้องการลากผู้คนโดยรอบทั้งหมดเข้าไปภายใน

ด้วยผลของค่ายกลมหึมาที่ส่องแสงสีดำระยิบระยับ ทะเลสาบปิดนภาที่กาลก่อนยังคงมีทัศนียภาพที่น่าเบิกบานใจ และมีความลี้ลับมหัศจรรย์อย่างยิ่งยวด บัดนี้รูปลักษณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

น้ำในทะเลสาบสีดำที่อยู่ไกลออกไปโหมซัดสาดไล่หลังไม่หยุด ราวกับกำลังเดือดก็มิปาน

ส่วนเขตพื้นที่ที่เข้าใกล้หลุมดำศูนย์กลางทะเลสาบ น้ำภายในนั้นหายไป เหลือไว้เพียงแค่โคลนดำ ที่คล้ายกับเป็นชิ้นๆ ผืนหนึ่ง ทับถมทะเลสาบปิดนภาจนมิด

เยี่ยนจ้าวเกอกับพ่านพ่าน รวมถึงอาหู่เหยียบอยู่บนโคลนเลน พลันนั้นรู้สึกว่าโคลนเลนสีดำใต้ฝ่าเท้าคล้ายกับมีชีวิตเป็นของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น มันม้วนขึ้นมาบนเท้าของพวกเขา

พลังปราณน่ากลัวที่เขย่าขวัญผู้คนนั่น บัดนี้ยิ่งแกร่งกล้าขึ้น

ในขณะเดียวกับที่กลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอปลดปล่อยปราณจิตราออกมาภายนอก สกัดกั้นโคลนเลนเอาไว้ ก็รุดหน้าต่อไปทางรอบนอกทะเลสาบปิดนภา

ยิ่งออกห่างจากศูนย์กลางค่ายกลเท่าใด ผลกระทบในด้านลบเหล่านี้ก็ยิ่งลดน้อยเท่านั้น

อาหู่ก้าวเท้าไปข้างหน้า ตามติดอยู่เบื้องหลังเยี่ยนจ้าวเกอ พลางพูดด้วยความขัดเคือง “ไม่ใช่ว่าทั้งหมดอยู่ในกำมือหรือขอรับ?”

เยี่ยนจ้าวเกอหันศีรษะกลับแล้วมองไปที่หลุมดำที่ปรากฎขึ้นบริเวณทะเลสาบปิดนภา “ทางฝั่งตำหนักอัสนีสวรรค์นั้นแม้ว่าจะให้ข่าวสารมาบางส่วน และให้ทุกคนตรวจสอบแยกแยะไส้ศึกของภาคีแล้วก็ตาม แต่ นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าหนอนบ่อนไส้ของภาคีจะอยู่ในกำมือทั้งหมด”

“ตำหนักอัสนีสวรรค์ไม่ได้ปิดบังมิรายงานแต่อย่างใด แต่สิ่งที่พวกเขารู้ก็มีจำกัดเช่นเดียวกัน”

“ก่อนหน้านี้ ทั้งหมดแล้วแต่เป็นการจัดเตรียมตามข้อมูลในมือที่มีไปก่อน ซึ่งเป็นเพราะข้อมูลนั้นมีจำกัด ดังนั้นแผนการจึงดำเนินไปพร้อมกับพยายามปิดเป็นความลับอย่างเต็มที่ นั่นก็เพื่อเตรียมป้องกันสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน”

สีหน้าท่าทางเยี่ยนจ้าวเกอเคร่งขรึมจริงจังอย่างหาได้ยาก “แต่ผลลัพธ์กลับปรากฎความผิดพลาด นี่ก็หมายความว่า ภาคีหรือว่านพยมโลกเอง แทรกซึมเข้ามาในโลกแปดพิภพ รวมถึงสำนักภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งหก ลึกซึ้งกว่าที่ทุกคนจินตนาการไว้”

“ยอดฝีมือที่มายังที่แห่งนี้เพื่อดักซุ่มล้อมปราบ ต่างก็เป็นผู้ที่แต่ละดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหญ่พยายามคัดเลือก ทั้งให้ความไว้วางใจมากที่สุด”

พูดถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ถอนหายใจ “แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีผู้ที่สร้างปัญหาเช่นกัน ตอนนี้ข้าหวังเพียงแค่ว่า อย่าได้มีผู้ที่สร้างปัญหามากจนเกินไปนัก มิเช่นนั้นครั้งนี้ก็เป็นเนื้อเข้าปากเสือของจริงแล้ว”

อาหู่ใบหน้าขื่น “จะเป็นใครไปได้เล่า? สามารถปะปนอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหญ่ทั้งหกปะปน ทั้งยังไปได้ถึงตำแหน่งสูงเช่นนี้ เหตุใดต้องไปก่อความยุ่งยากกับภาคีด้วย?”

เยี่ยนจ้าวเกอไม่พูด สายตานิ่งงัน เผยสีหน้าครุ่นคิด “ดูว่าแผนสำรองจะใช้การได้หรือไม่ แต่ถ้าหากแผนสำรองก็รั่วไหล ถูกศัตรูพุ่งเป้าเช่นกัน เรื่องที่คิดไว้ในวันนี้ก็ยากจะจบสวยแล้ว”

ไกลออกไปในแต่ละทิศทาง ล้วนมีคลื่นพลังรุนแรงส่งออกมา เห็นได้ชัดว่ามียอดฝีมือจำนวนมากกระจายออกไปแต่ละที่ เปิดฉากโจมตีต่อสู้

ส่วนพลังปราณอันน่าหวาดผวาที่ปกคลุมทะเลสาบปิดนภา ยิ่งมายิ่งหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ

ค่ายกลแสงสีดำประหนึ่งกับเปิดประตูบานใหญ่บานหนึ่ง เชื่อมต่อโลกมนุษย์แห่งนี้กับนพยมโลก

โคลนดำที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของกลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอ บัดนี้เริ่มแปลกประหลาดบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ ตามผลกระทบอันเกิดจากค่ายกลอย่างต่อเนื่อง

เหล่าจอมยุทธ์ในทะเลสาบราวกับเศษเทียนไขกลางพายุ ถูกโคลยทับถมกลืนหาย แสงแห่งชีวิตทยอยดับหายไป

“คุณชายขอรับ!” สีหน้าของอาหู่เคร่งขรึมจริงจัง เยี่ยนจ้าวเกอพูดขึ้น “ไม่ต้องห่วงข้า เจ้าระวังความปลอดภัยของตัวเองก็พอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระมัดระวังรักษาจิตใจให้ดี อย่าได้ถูกไอมารฉวยโอกาสไป”

“แท้จริงแล้วระยะห่างในการเปิดประตูใหญ่นพยมโลกในขณะนี้ยังอีกยาวไกล เพียงแค่พลังปราณสายหนึ่งปรากฎออกมาจากช่องประตูก็เท่านั้นเอง พวกเรารวมพลังที่จุดศูนย์กลาง จะสามารถสงบจิตสงบใจลงได้”

ระหว่างที่พูด ทั้งสองก็จมหายลงไปในโคลน

เบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอมืดมิด แต่กลับไม่ได้มีความรู้สึกหายใจมิออกแต่อย่างใด นั่นดูเหมือนว่าเป็นไอมารของโคลนเลน ซึ่งเมื่อร่างกายอยู่ภายในนั้นอย่างแท้จริงแล้ว ก็เหมือนกับเอาตนเองเข้าไปอยู่ในหมอกหนาอย่างไรอย่างนั้น

พ่านพ่านตามติดอยู่ข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอ สาดส่องสายตาไปทั้งสี่ทิศด้วยความใคร่สงสัย

เยี่ยนจ้าวเกอพามันรุดหน้าไปอย่างช้าๆ สภาพการณ์เบื้องหน้าพลันเปลี่ยนไป แสงสายฟ้าสีม่วงสายหนึ่งปรากฏวาบ

ภายในสายฟ้า ปรากฎเงาร่างคนผู้หนึ่ง ซึ่งนั้นก็คือเสียจื่ออี้นี่เอง!

เพียงแต่เสียจื่ออี้ในขณะนี้ อาการบาดเจ็บทั่วกายฟื้นคืนสู่สภาพเดิมโดยสมบูรณ์ พลังปราณคล้ายกับเหนือกว่าครั้งก่อน ถึงอย่างนั้นร่างกลับบิดเบี้ยวและแปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ ด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มพิลึกออกมา

ชั่วขณะนั้น ร่างกายของเสียจื่ออี้พลันหายวาบไป ในตอนที่ปรากฎกายอีกครั้ง ประกายกระบี่สีม่วงสายหนึ่งที่ทั้งน่าหวาดผวาและรุนแรงชั่วร้าย ก็มาอยู่ตรงหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอเสียแล้ว!

“กลายเป็นมารแล้วหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้ารนหาที่ตาย เช่นนั้นข้าจะสนองเจ้าเอง”

………….