บทที่ 338 แม่ของเสี้ยวหยามีอันตรายถึงชีวิต

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงเป็นคนที่ยากจะเข้าใจและทำให้ผู้อื่นมองไม่ออก แต่มีส่วนหนึ่งที่สามารถมั่นใจได้ นั่นก็คือ เป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะบรรลุจุดประสงค์ของตัวเขาเอง เขาสามารถเสียสละสิ่งใดก็ได้ สามารถฆ่าลูกน้องที่ติดตามตนมาสิบกว่าปีได้ตามใจโดยที่ไม่ขมวดคิ้วเลย

ไม่ว่าใครก็ไม่เข้าใจชัดเจนว่าคุณชายใหญ่คิดอย่างไร มีแผนอะไร กระทั่งโม๋สู่ที่เป็นคนฉลาดขนาดนี้ก็คาดเดาไม่ได้ เหตุใดคุณชายใหญ่จึงต้องการส่งคนของตนออกไปลอบโจมตีเย่เทียนเฉิน ทั้งๆ ที่รู้ว่าอาจจะพ่ายแพ้ ทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้คนของตนสูญเสียเท่านั้น เหตุใดคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงถึงได้ทำเช่นนี้? หรือว่าเขาไม่สนใจความเป็นความตายของลูกน้องของตนเลย เพียงต้องการอาศัยพวกเขาในการฝึกฝนเย่เทียนเฉิน ทำให้อีกฝ่ายเติบโตอย่างรวดเร็ว ถ้าเช่นนั้นเขาถึงจะน่าสนใจพอที่จะลงมือ?

หากเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงคนนี้ก็ไม่สามารถใช้คำว่าเข้าใจยากมาบรรยายแล้ว แต่เป็นวิปลาส จิตใจของคนคนนี้วิปลาสเป็นอย่างมาก

จนถึงตอนนี้คุณชายใหญ่รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของเย่เทียนเฉินแล้วจริงๆ ในใจก็รู้สึกแปลกใจมาก คิดไม่ถึงว่าความสามารถของเย่เทียนเฉินจะเติบโตก้าวหน้ามาถึงขั้นนี้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่นี้ได้ อยู่นอกเหนือจินตนาการและการคาดเดาของเขาไปแล้ว แต่อย่างไรก็ ตามนี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวอะไร เขายังสามารถส่งหมอกโลหิตที่มีกระบี่อวี๋ฉางในมือออกไปลงมือได้ นี่อธิบายได้ว่าคุณชายใหญ่ยังมีความคิดที่จะเล่นเป็นครั้งสุดท้าย

ถ้าหากหมอกโลหิตฆ่าเย่เทียนเฉินได้ เช่นนั้นก็แสดงว่าเย่เทียนเฉินยังไม่ควรค่าที่จะให้เขาลงมือ ถ้าหากหมอกโลหิตถูกเย่เทียนเฉินฆ่า เช่นนั้นเขาก็ยิ่งมีความสนใจที่จะฆ่าเย่เทียนเฉิน ส่วนเรื่องความเป็นความตายของหมอกโลหิต เขาย่อมไม่คิดแน่นอน นี่คือส่วนที่วิปลาสของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง

เมื่อเย่เทียนเฉินกลับมาถึงคฤหาสน์ที่ตัวเองอาศัยอยู่ พบว่าในคฤหาสน์ไม่มีแม้แต่คนเดียว หลังจากที่เขาชาร์ตแบตโทรศัพท์แล้วก็นอนลงบนโซฟาในห้องโถงใหญ่อาการบาดเจ็บในร่างกายเกือบหายดีแล้ว ถ้าต้องการรักษาให้หายดีคงจะใช้เวลาประมาณครึ่งเดือน

ติ้งงๆๆๆ!

หลังจากที่โทรศัพท์ได้รับแบตก็เปิดเครื่องโดยอัตโนมัติ เมื่อเปิดเครื่องมาก็มีข้อความส่งมาต่อเนื่อง เย่เทียนเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ในนั้นมีข้อความที่หลัวเยี่ยนส่งมาให้เขา และมีข้อความที่ฉีหรูเสวี่ย ซูเฟยเฟย อีกทั้งยังมีเสี้ยวหยาที่ส่งมาให้ เย่เทียนเฉินเปิดอ่านทั้งหมดตามลำดับ โดยเฉพาะข้อความของเสี้ยวหยา เย่เทียนเฉินอ่านอย่างละเอียดเป็นพิเศษ

ข้อความที่หนึ่ง : เทียนเฉิน หลายวันนี้นายไม่ได้มาเรียนยุ่งเหรอรักษาตัวด้วยนะ!

ข้อความที่สอง : ถ้าว่างก็โทรหาฉันหน่อย มีเรื่องจะคุยกับนาย…

เมื่อพบกับความใส่ใจของเสี้ยวหยา เย่เทียนเฉินก็รู้สึกดีใจมาก ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร เสี้ยวหยาก็เหมือนผู้หญิงที่เขารักอย่างลึกซึ้งในดาวสิ้นโลกมาก ยิ่งไปกว่านั้นนิสัยก็อ่อนโยน ในส่วนนี้ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เขาอีกครั้งใช่หรือไม่ และต้องการให้เขาดูแลหวงแหน?

เย่เทียนเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปหาเสี้ยวหยา ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด กระทั่งโทรศัพท์ดังจนถึงเสียงสุดท้ายแล้วก็ยังไม่มีการตอบรับ เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะกังวลใจขึ้นมา ตั้งแต่ที่ตนออกไปจากเมืองหลวงเพื่อมุ่งหน้าไปทำลายตระกูลเซวียนเยวี๋ยนที่มณฑลชวน จนถึงการเดินทางไปที่ป่าหมอกดำเพื่อช่วยเหลือหานเจี๋ยในครั้งนี้ เป็นเวลาเกือบครึ่งเดือนแล้ว เวลาครึ่งเดือนนี้โทรศัพท์เขาอยู่ในสภาพปิดเครื่องมาโดยตลอด ไม่ได้ติดต่อกับใคร

อาการป่วยของแม่ของเสี้ยวหยาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? ถึงแม้จะมียาหลงสุ่ยที่ไม่สมบูรณ์ของจางอีเต๋อ แต่กระทั่งจางอีเต๋อก็พูดว่า หากหายาหลงสุ่ยที่สมบูรณ์ไม่ได้ แม่ของเสี้ยวหยาก็เรียกได้ว่ากินยาที่ไม่สมบูรณ์ลงไป อาจจะอยู่ได้ไม่นาน สามารถตายไปได้ทุกเมื่อ เนื่องจากยาที่ไม่สมบูรณ์นี้ ถูกเก็บเอาไว้เกือบสิบปีแล้ว ประสิทธิภาพของยาจางหายไปมาก ไม่มีประสิทธิภาพอะไรมากมาย ไม่สามารถทำให้คนใกล้ตายคนหนึ่งมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ และยิ่งไม่สามารถยืดอายุออกไปอีกยี่สิบปีเหมือนที่จางอีเต๋อทำให้ท่านผู้นำยุคเปิดประเทศแบบนั้นได้ หากต้องการตามหาหญ้าหลงสุ่ยเพื่อมาหลอมยาหลงสุ่ยใหม่ ถ้าอย่างนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย หลิงชี่ในโลกปัจจุบันนี้แห้งเหือดไปแล้ว เส้นทางบ่มเพาะก็เปลี่ยนไปมาก หญ้าหลงสุ่ยไม่มีนานแล้ว

หญ้าหลงสุ่ยนี้ ไม่ว่าจะเป็นโลกนี้หรือในดาวสิ้นโลกก็เป็นของล้ำค่า สมุนไพรมหัศจรรย์นี้เล่าลือกันว่า ค่อยๆ ก่อกำเนิดจากกระบวนการกที่มังกรวิวัฒนาการครั้งแล้วครั้งเล่า พลังที่แฝงอยู่ยิ่งใหญ่มาก จึงกลายมาเป็นสมุนไพร เมื่อหลอมออกมาเป็นยาหลงสุ่ยก็จะมีประสิทธิภาพทำให้คนตายฟื้นคืนกลับมาได้

มังกรนั้นเดิมทีก็เป็นสัตว์เทพที่เล่าขานกันอยู่ในตำนาน ยุคโบราณของประเทศจีนก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับตำนานเล่าขานของมังกรมากมาย นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว การหลิกน้ำพลิกมหาสมุทรหรือถล่มภูเขาทลายพสุธานั้นเป็นเรื่องที่ปกติมาก เสียงคำรามของมังกรครั้งเดียวสามารถทลายไปเก้าชั้นฟ้า ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย เช่นนั้นบนโลกใบนี้มีมังกรอยู่หรือไม่?

ในตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลก เย่เทียนเฉินก็เคยค้นหาเรื่องนี้มาก่อน เนื่องจากตำนานเล่าขานของมังกรของดาวสิ้นโลกเหมือนกับตำนานของโลกใบนี้ เป็นความลึกลับเช่นนั้นเหมือนกัน เรียกได้ว่าทั่วทั้งจักรวาลอันกว้างใหญ่มีตำนานเล่าขานของมังกรเช่นเดียวกันทั้งหมด นั่นก็คือเป็นตัวตนที่ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนจะมีลักษณะแบบไหน มีพลังทำลายฟ้าดินอย่างไร ก็ยังไม่มีใครรู้ ความลับในจักรวาลมีมากมายนัก และเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่สามารถรับรู้ได้ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าในจักรวาลนี้ไม่มีการดำรงอยู่ของเซียน ไม่มีการดำรงอยู่ของคนเป็นอมตะมีชีวิตยืนยาวไม่แก่ไม่เฒ่า? การถูกปิดกั้นทางความคิดทำให้คนธรรมดามากมายทำได้เพียงใช้ชีวิตเกิดแก่เจ็บตายไปชั่วชีวิต

ในตอนที่เย่เทียนเฉินค้นหาความลึกลับของมังกรตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลก มีการค้นพบหนึ่งที่ทำให้ผู้คนต้องตื่นตะลึง นั่นก็คือ ในตำราเล่มหนึ่งมีบันทึกไว้ว่า เดิมทีมังกรก็คือตัวตนที่มีชีวิตเป็นอมตะ มีความสามารถในการดูดซับแก่นแท้ของฟ้าดิน และเรียกได้ว่าสามารถใช้พลังของจักรวาลทั้งหมดได้ จะน่าหวาดกลัวขนาดไหนกัน ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากมังกรสู้กับผู้แข็งแกร่งในระดับจักรพรรดิ จะแพ้หรือชนะก็ไม่อาจรู้ได้ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ส่วนสำคัญที่สุด ที่สำคัญที่สุดก็คือ ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิทุกคนล้วนเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล ยิ่งไปกว่านั้นภายใต้ท้องฟ้านี้มีจะมีจักรพรรดิเพียงหนึ่งเดียว ดังนั้นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิอาจจะมีแค่คนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถดำรงอยู่ได้หลายคนในช่วงเวลาเดียวกัน มังกรอาจจะต่อสู้กับผู้แข่งแกร่งระดับจักรพรรดิ ทำให้ผู้คนรู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ กระทั่งไม่อาจจินตนาการถึงความแข็งแกร่งได้

เขาโทรหาเสี้ยวหยาสามครั้งติดต่อกันแต่ก็ไม่มีคนรับสาย เย่เทียนเฉินยิ่งรู้สึกกังวลใจขึ้นมาเรื่อยๆ เดินออกไปนอกคฤหาสน์ ขับมอเตอร์ไซค์ของตนมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลแห่งเมืองหลวง ไม่ได้ไปเยี่ยมมาครึ่งเดือนแล้ว ในใจรู้สึกกังวลอยู่บ้างจริงๆ

ในตอนที่เย่เทียนเฉินมาถึงโรงพยาบาลแห่งเมืองหลวงจนกระทั่งไปถึงห้องผู้ป่วยพิเศษก็พบว่า ห้องผู้ป่วยไม่มีเสี้ยวหยาและแม่ของเธออยู่เลย ในใจของเย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะหนักอึ้ง หรือว่าอาการของแม่ของเสี้ยวหยาจะเปลี่ยนแปลงกระทันหัน?

“พี่สาวพยาบาลครับ ผมขอถามหน่อย คนในห้องผู้ป่วยพิเศษล่ะครับ?” เย่เทียนเฉินรีบเดินไปถามพยาบาลที่เคาน์เตอร์

“อ้อ เมื่อคืนอาการของผู้ป่วยในห้องผู้ป่วยพิเศษทรุดตัวลงอย่างกระทันหัน ตอนนี้คงจะทำการช่วยเหลืออยู่ในห้องผ่าตัดค่ะ!” พี่สาวที่เคาน์เตอร์พยาบาลตรวจสอบในคอมพิวเตอร์ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น

เย่เทียนเฉินไม่พูดพร่ำทำเพลง ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 15 ทันที ที่นั่นคือสถานที่สำคัญซึ่งเป็นห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลแห่งเมืองหลวง โดยปกติในการผ่าตัดไม่สามารถให้คนทั่วไปเข้าไปที่นี่ได้ ทว่าด้วยการแสดงออกของเย่เทียนเฉินครั้งที่แล้วในโรงพยาบาลแห่งเมืองหลวง ตลอดจนท่าทางของผู้อำนวยการหลินแห่งโรงพยาบาลแห่งเมืองหลวงที่ค่อนข้างเชื่อฟังเป็นพิเศษ ทุกสิ่งทุกอย่างของเสี้ยวหยาและแม่ในโรงพยาบาลนี้ ไม่ต้องคิดเงิน ยิ่งไปกว่านั้นยังให้การดูแลที่ดีที่สุดอีกด้วย ครั้งนี้อาการป่วยทรุดลงอย่างกระทันหัน ผู้อำนวยการหลินเรียกรวมผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดในทันที รีบทำการช่วยเหลือแม่ของเสี้ยวหยา ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ อย่างน้อยก็พยายามเต็มที่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการตำหนิของเย่เทียนเฉิน พวกเขาไม่สามารถล่วงเกินคนที่โดดเด่นของเมืองหลวงคนนี้ได้

“หยาเอ๋อร์!” เย่เทียนเฉินเห็นเสี้ยวหยานั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดคนเดียวบนเก้าอี้อันเย็นยะเยือก ในใจก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เดิมทีนี่เป็นผู้หญิงที่มีใจบริสุทธิ์ เหตุใดสวรรค์จึงทำให้เธอต้องยากลำบากแบบนี้ อิจฉาเช่นนั้นหรือ?

“เทียนเฉิน!”

ในวินาทีที่เสี้ยวหยาเห็นเย่เทียนเฉินก็ควบคุมความโศกเศร้าที่ตนไร้ประโยชน์ไม่ได้อีกต่อไป โถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเย่เทียนเฉินในพริบตา ร้องไห้ออกมาครั้งใหญ่ ในตอนที่แม่ป่วยหนักเธอไม่รู้ว่าจะพึ่งพาใคร พ่อก็ทำงานห่างจากเมืองหลวงไปไกล นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะมอบเงินให้เสี้ยวหยามากมาย แต่มีใครบ้างที่คิดจะรับน้ำใจจากคนอื่นไปชั่วชีวิต? อีกอย่าง พวกเขาจะตอบแทนให้เย่เทียนเฉินอย่างไรได้? ต้องการให้เสี้ยวหยามอบกายให้เหรอ? เกรงว่าเย่เทียนเฉินอาจจะไม่ต้องการ

พ่อแม่ของเสี้ยวหยาเป็นคนที่มีจิตใจดี คิดเพื่อผู้อื่นชั่วชีวิต สามารถสั่งสอนผู้หญิงเหมือนเสี้ยวหยาออกมาได้ พวกเขาซาบซึ้งใจที่เย่เทียนเฉินช่วยเหลือพวกเขา แต่ยังคงต้องการพึ่งพาตัวเอง ดังนั้นพ่อของเสี้ยวหยาจึงไปทำงานที่อื่นในตอนที่อาการป่วยของแม่ของเสี้ยวหยาคงตัวแล้วเพื่อหาเงินให้มากขึ้นเสียหน่อย ไหนเลยจะรู้ว่าอาการป่วยของแม่ของเสี้ยวหยาจะทรุดหนักกระทันหัน เสี้ยวหยารู้ความเป็นอย่างดี เธอจึงรับความขมขื่นนี้เพียงลำพัง ไม่ได้บอกพ่อในทันที เธอรู้ว่าพ่อทำงานอยู่ด้านนอกลำบากเป็นอย่างมาก ไม่สามารถกลับมาในทันทีได้ ถ้าโทรไปก็จะทำให้พ่อเป็นกังวลมากขึ้นเท่านั้น

เพียงแต่จะอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ในตอนที่เจอกับเรื่องที่แม่ของเธอใกล้จะสิ้นใจ ความเจ็บปวดในตอนนั้น ความกดดันนั้น อีกทั้งจิตใจที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรนั้น เป็นสิ่งที่คนปกติยากจะรับไหวจริงๆ เย่เทียนเฉินกลายเป็นเสาค้ำยันจิตใจของเสี้ยวหยาเพียงหนึ่งเดียว

“ไม่เป็นไร แม่ของเธอจะต้องไม่เป็นไร อย่าร้องเลย มีฉันอยู่!” เย่เทียนเฉินตบไหล่ของเสี้ยวหยาเบาๆ แล้วพูดปลอบใจ

ไม่พูดไม่ได้ว่าเสี้ยวหยาเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งคนหนึ่งหลัง จากสงบใจของตัวเองได้แล้วก็ฝืนยิ้มพูดกับเย่เทียนเฉินว่า “เทียนเฉิน ขอบคุณนายมากจริงๆ !”

“เด็กโง่ อย่ามาพูดคำพวกนี้กับฉันอีก ต่อไปฉันไม่อยากได้ยินคำว่าขอบคุณนี้อีกแล้วนะ!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

ในตอนนี้เอง ประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออก หมอที่สวมชุดขาวเดินออกมาจากด้านใน ในตอนที่ถอดผ้าปิดปากลงก็พบว่านั่นคือผู้อำนวยการหลิน ผู้อำนวยการหลินเห็นเย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ รีบพูดว่า “คุณชายเย่ คุณมาแล้วเหรอ?”

“อาการของคนป่วยเป็นยังไงบ้างครับ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากถาม

ผู้อำนวยการหลินมองเย่เทียนเฉินแล้วจึงมองไปที่เสี้ยวหยา ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากพูดอะไรไปชั่วขณะ เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ไม่ดี แม้มียาหลงสุ่ยที่ไม่สมบูรณ์ของจางอีเต๋อก็ยังทำให้อาการป่วยของแม่ของเสี้ยวหยาทรุดลงได้ นี่เป็นเพราะอาการป่วยของแม่ของเสี้ยวหยาไปถึงขั้นที่ไม่สามารถย้อนกลับได้แล้วจริงๆ มิฉะนั้นด้วยประสิทธิภาพของยา ไม่ว่าประสิทธิภาพจะสูญเสียไปมากขนาดไหนก็ยังช่วยให้เธอมีชีวิตอยู่ได้อีกปีสองปี

“พูดตามตรงเถอะครับ สิ่งที่ควรเผชิญก็ต้องเผชิญ!” เย่เทียนเฉินโมงไปยังเสี้ยวหยา พยักหน้าแล้วพูดขึ้น

เสี้ยวหยาชะงักไป จากนั้นจึงกัดฟันของตัวเองแน่น มองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างชื่นชมแล้วพยักหน้า ในตอนนี้เธอเชื่อผู้ชายคนนี้มาก

“เอาเถอะ อาการของผู้ป่วยไม่ดีนัก อาจจะอยู่ไม่พ้นคืนนี้ เซลล์มะเร็งแพร่ไปทั้งตัวแล้ว…แม้แต่เทพเซียนก็ช่วยไม่ได้!” ผู้อำนวยการหลินพูดอย่างทอดถอนใจแล้วส่ายหน้า