ตอนที่ 59 รู้อะไรไหม เธอเป็นคนเดียวที่ฉันแกล้ง

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

อุ๊บ…  

 

 

เหอจยาอวี๋และฉือหยวนเฟิงยกมือขึ้นปิดปากพลางหัวเราะในใจ ซึ่งเพียงแค่นั้นก็เรียกเสียงกรีดร้องดังกึกก้องได้อีกครั้ง  

 

 

“ทำไม ใครบางคนถึงได้ขี้โมโหนักนะ” เซิ่งอี่เจ๋อพูด น้ำเสียงท้ายประโยคของเขาสูงขึ้นเล็กน้อย “ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันเห็นจะต้องยกเลิกสัญญา”  

 

 

อันซย่าซย่าหยุดกึก 

 

 

เธอหันหลังกลับและจ้องมองเซิ่งอี่เจ๋อ 

 

 

ถ้าหากว่าเธอสามารถยิงรังสีแห่งความตายด้วยดวงตาได้แล้วละก็ เซิ่งอี่เจ๋อคงจะถูกฆ่าเป็นล้านๆ ครั้งไปแล้ว— บวกกับหั่นเป็นพันๆ ชิ้นด้วย! 

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม… อึดใจต่อมา ทุกอย่างก็กลับตาลปัตรไปหมด 

 

 

อันซย่าซย่าวางถาดอาหารลงบนโต๊ะตรงหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อด้วยท่าทีอ่อนน้อม จากนั้นก็เอ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้มซึ่งบรรจงปั้นแต่ง “ทานมื้อเที่ยงให้อร่อยนะคะ มีอะไรให้รับใช้อีกไหมคะ” 

 

 

ซูเสี่ยวมั่วตกตะลึงกับท่าทียอมแต่โดยดีของเธอ ก่อนจะร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “ซย่าซย่าเป็นบ้าไปแล้วเหรอ” 

 

 

ถึงแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มทว่าภายในของอันซย่าซย่านั้นคุกรุ่น 

 

 

ไอ้ปีศาจร้าย! 

 

 

วันหนึ่งเถอะ! สักวันหนึ่งเธอจะทำให้เขาต้องชดใช้ให้ได้! ฮึ! 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อลองละเมียดชิมอาหารจากนั้นก็ออกคำสั่งเพิ่มอีก “ฉันหิวน้ำ” 

 

 

อันซย่าซย่ากลับมาอย่างว่องไวภายในสองนาทีพร้อมกับน้ำขวดหนึ่ง 

 

 

และหลังจากกินไปได้สองสามคำ เซิ่งอี่เจ๋อก็เงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า “ในนี้ร้อนจัง” 

 

 

อันซย่าซย่ารีบโบกมือไปมาแทนพัดลม กัดฟันกรอดระหว่างที่กระวีกระวาดโบกลมให้เขา “ดีขึ้นไหม” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อกะพริบตา “อื้ม แต่สีหน้าของเธอที่ฉันเห็นเนี่ย…มันใช่ความไม่เต็มใจหรือเปล่านะ รู้ไหม เรามายกเลิกสัญญากันได้เสมอนะ ถ้าเธอไม่อยากทำ” 

 

 

อันซย่าซย่ายิ้มอย่างประจบเอาใจ “ไม่ๆๆ ฉันทำทุกอย่างด้วยหัวใจและวิญญาณเลย บอสอี่เจ๋อคะ กรุณาทานอีกสิคะ!” 

 

 

กินให้อ้วนตายไปเลย! จะได้เป็นไอดอลผู้ “หล่อลากดิน” ไปเลย  

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อเหมือนจะอ่านความคิดเธอออก มุมปากข้างหนึ่งยกขึ้นเป็นรอยยิ้มรู้ทัน เขาถา “กำลังแอบแช่งชักหักกระดูกฉันอยู่ละสิ” 

 

 

อันซย่าซย่านิ่งเหมือนถูกสาป ตายแล้ว! เขาเดาออกได้ยังไงกัน! 

 

 

“กำลังคิดงั้นจริงๆ สินะ…” เซิ่งอี่เจ๋อเบ้ปาก “ช่างเถอะ ฉันไม่ถือสาแล้วกัน แต่หนังเรื่อง ‘ตำนานเทพตกสวรรค์’ จะเริ่มถ่ายทำสิ้นเดือนตุลาคมนี้ และโอปป้าหรงเช่อของเธอก็จะไปเหมือนกัน ในทางทฤษฎีแล้ว ฉันสามารถพาผู้ช่วยติดตัวไปด้วยได้เวลาไปกองถ่าย…” 

 

 

ยังไม่ทันจะได้พูดจบ อันซย่าซย่าก็นั่งคุกเข่าเอามือเกาะหน้าตักเขา “” อ๊าย! บอสอี่เจ๋อคะ พาฉันไปด้วยสิ นะ! ฉันจะทำตามที่สั่งทุกอย่างเลย!” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อตกใจกับการเคลื่อนไหวอย่างไม่ทันตั้งตัวของเธอ เส้นเลือดดำข้างขมับเต้นตุบๆ เขาพยายามใช้แรงดันมือของเธอที่ดึงกางเกงเขาไว้แน่น พลางสถบเตียงแผ่วเบา “ปล่อย กางเกง ฉัน…” ขากางเกงของเขาแทบจะขาดเลยทีเดียว! แค่ข่าวธรรมดาต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเชียว ยัยนี่ทะเล่อทะล่าจริงๆ! 

 

 

อันซย่าซย่าไม่ยอมปล่อยขากางเกงเขาไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พลางแหงนหน้ามองเขาด้วยแววตาของเจ้าตูบตัวน้อย “ให้ฉันไปด้วยไหม” 

 

 

“อืม… ฉันไม่ชอบคนโง่ เธอจะไปกับฉันได้ก็ต่อเมื่อเธอสอบได้คะแนนอยู่ในห้าร้อยคนแรกในการสอบที่จะถึงนี้ ไม่อย่างนั้น…” เซิ่งอี่เจ๋อจงใจละประโยคสุดท้ายไว้ให้คิดต่อ 

 

 

เขาได้เช็กดูลำดับคะแนนของอันซย่าซย่าตอนที่สอบเข้ามาที่โรงเรียน และเธอก็รั้งอยู่อันดับที่เก้าร้อยกว่า ถึงเธอจะไม่จำเป็นต้องได้ A ทุกตัวก็เถอะ แต่ด้วยความพยายามอุตสาหะ เธอก็มีโอกาสที่จะไต่ขึ้นมาอยู่ระดับกลางๆ ได้ 

 

 

อันซย่าซย่าพยักหน้าหงึกๆ “ฉันจะทำให้ดีที่สุด! ฉันสัญญา ฉันจะสอบให้ติดห้าร้อยคนแรกให้ได้!” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อหยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาด้วยสองนิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจ “แต่เธอคงยุ่งอยู่กับไอดอลและเล่นเกม ไหนจะความรักที่กำลังจะเบ่งบานอีก… เฮ้อ จะสอบติดห้าร้อยคนแรกได้ยังไงกันนะ” 

 

 

อันซย่าซย่าฉวยจดหมายมาจากมือเขาก่อนโยนมันทิ้งไป จากนั้นก็ประกาศกร้าว “ฉันไม่ต้องการแฟนหรอก! ฉันจะตั้งใจเรียน!” 

 

 

“อื้ม เด็กดี งั้นก็ไปรอฉันที่ห้องเรียนนะ ไว้จะติวให้ทีหลัง” น้ำเสียงนั้นช่างเตือนให้นึกถึงภาพของเจ้าหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่กำลังหลอกล่อหนูน้อยหมวกแดงให้เข้าไปในห้องนอนอย่างไรอย่างนั้นเลย 

 

 

เด็กสาวพยักหน้ารับก่อนจะเร่งทานมื้อเที่ยงให้หมด จากนั้นก็เรีบเดินกลับไปที่ห้องเรียนโดยลากเอาซูเสี่ยวมั่วตามไปด้วย 

 

 

เหอจยาอวี๋ส่ายหน้าพลางพูดอย่างยอมใจ “นายนี่ไม่ไหวเลย… แกล้งซย่าซย่าผู้ไร้เดียงสาของพวกเราตลอดเลยนะ” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อหัวเราะหึหึ 

 

 

“รู้อะไรไหม ยัยนั่นน่ะเป็นคนเดียวที่ฉันแกล้ง”