บทที่ 249 ไม่ใช่คนธรรมดา

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 249 ไม่ใช่คนธรรมดา
ชุมชนแห่งความสุขเป็นสถานที่ที่กงลี่นัดพบซูซูก่อนถูกลักพาตัว

“ตอนนี้เธอน่าจะไม่อยู่ที่นี่มั้ง”

“โจรเรียกค่าไถ่ต้องเอาตัวเธอไปซ่อนในที่ที่เป็นความลับอย่างแน่นอน”ซูซูพูดเสียงเศร้าโศก

ฉินเทียนนึกคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: “ไปดูก่อนเถอะ ไม่แน่อาจจะเจอเบาะแสบางอย่างก็ได้”

มาถึงชุมชนแห่งความสุข

ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง ตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ค่อนข้างห่างไกลความเจริญ

บ่ายสี่โมง ผู้คนบริเวณรอบ ๆ น้อยมาก ๆ ผู้ที่เดินทางเข้าออกประตูหมู่บ้านเหมือนเป็นคนงานในโรงงานที่ทำงานกะดึก

เดินวนอยู่รอบหนึ่ง แต่ก็ไม่พบอะไรเลย

เมื่อเห็นว่าซูซูดูไม่ค่อยสบายใจ ฉินเทียนจึงพูดปลอบใจ: “ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ยังไงก็ใกล้จะถึงสามชั่วโมงที่นัดหมายไว้แล้ว”

“เราอดทนรอต่ออีกพักหนึ่งเถอะ”

“คุณกระหายน้ำไหมครับ เดี๋ยวผมไปซื้อเครื่องดื่มให้คุณ”

ซูซูพยักหน้าโดยไม่คิดอะไรมากแล้วพูด: “ตรงนั้นมีร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดวอเลชหนึ่งร้าน ไปซื้อโค้กให้ฉันหนึ่งแก้วแล้วกัน”

ฉินเทียนรีบพยักหน้าแล้วตอบกลับ: “ได้เลยครับ”

“คุณรออยู่ตรงนี้นะครับ ผมจะรีบกลับมา”

“ช้าก่อน!”ทันทีที่เขาผลักประตู ก็ได้ยินซูซูตะโกนอย่างตะลึง

“เป็นอะไรน่ะ?”เมื่อเห็นว่าสีหน้าของซูซูเปลี่ยนไปอย่างมาก ฉินเทียนจึงตกใจจนสะดุ้ง

“รีบไปดูเร็ว!”

“เหมือนฉันจะมองเห็นเสี่ยวเฉียงแล้ว!”หลังจากพูดจบ ซูซูก็กระโดดลงจากรถอย่างเร่งรีบ วิ่งตรงไปยังร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดวอเลชที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“เสี่ยวเฉียงคือใครครับ?”ฉินเทียนที่ตามอยู่ด้านหลังถามอย่างเร่งรีบ

“ลูกชายของกงลี่”ซูซูตอบกลับหนึ่งคำ ก่อนจะผลักประตูแล้ววิ่งเข้าไปในร้าน

“เสี่ยวเฉียง หนูอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

“แม่หนูล่ะคะ?”ภายในร้านว่างเปล่ามาก มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา และมีเซทแฮมเบอร์เกอร์วางอยู่ตรงหน้า

“น้าซู น้ามาได้ยังไงครับ?”

“น้ามาตามหาแม่เหรอครับ?”เมื่อเสี่ยวเฉียงมองเห็นซูซู เขาก็ดูดีใจเป็นพิเศษ สังเกตเห็นได้เลยว่าเขาสนิทสนมกับซูซูมาก ๆ

ดูเป็นเด็กผู้ชายที่รู้จักคิดและน่ารักมาก ๆ

ซูซูถอนหายใจแล้วตอบกลับว่า: “ใช่แล้ว น้ามาหาแม่หนูน่ะ”

“เสี่ยวเฉียง รีบบอกน้ามาว่าแม่หนูไปไหนแล้ว?”

เมื่อเสี่ยวเฉียงมองเห็นฉินเทียนที่อยู่ข้าง ๆ จึงถามอย่างระแวดระวัง: “เขาคือใครครับ?”

ฉินเทียนตอบกลับ: “เป็นสามีของน้าซูของหนูครับ”

“เจ้าหนู พาพวกเราไปหาแม่หนูหน่อยนะ เดี๋ยวน้าเขยจะซื้อปืนของเล่นให้หนู”

“จริงเหรอครับ?”แววตาของเสี่ยวเฉียงเป็นประกายขึ้นมา

ซูซูถลึงตาใส่ฉินเทียนทีหนึ่งแล้วพูด: “อย่าเย้าแหย่เด็ก!”

“เสี่ยวเฉียง​ รีบบอกน้ามาว่าแม่หนูไปไหนแล้ว”

เสี่ยวเฉียงก้มหน้าลง ทำปากจู๋แล้วตอบกลับว่า: “ตอนแรกแม่จะพาผมไปเยี่ยมคุณปู่และคุณย่าอยู่ครับ”

“ต่อมาแม่ก็ได้รับสายสายหนึ่ง แล้วแม่ก็จากไปคนเดียวเลยครับ”

“แม่บอกให้ผมรอแม่อยู่ที่นี่ แม่บอกว่าเดี๋ยวแม่ก็กลับมาแล้ว”

“แต่ว่าตอนนี้ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ทำไมแม่ยังไม่กลับมาอีกครับ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าแม่ไปไหนแล้ว”

ซูซูถามอย่างเจ็บใจว่า: “แม่หนูจากไปนานขนาดนี้แล้ว หนูนั่งรออยู่ที่นี่คนเดียวมาโดยตลอดเลยเหรอ?”

เสี่ยวเฉียงพยักหน้า: “ผมชินแล้วครับ เมื่อก่อนถ้าแม่ออกไปทำงาน ผมก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว”

“แม่บอกว่าถ้าแม่ไม่กลับมา ห้ามหนีออกไปเที่ยวเล่น”

เด็กในครอบครัวยากจนจะสุกงอมและดูแลเรื่องภายในบ้านได้ก่อนเด็กทั่วไปจริง ๆ

“น่ารักมาก!”ดวงตาของซูซูแดงก่ำขึ้นมา กอดเสี่ยวเฉียงเอาไว้ในอ้อมอก จากนั้นเธอก็หันไปมองฉินเทียนอย่าพูดอย่างกังวลใจ : “ตอนนี้คุณจะทำยังไงดี?”

ฉินเทียนนึกคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ: “เสี่ยวเฉียง บ้านคุณปู่และคุณย่าหนูอยู่ละแวกนี้หรือเปล่าครับ?”

“หนูจำได้หรือเปล่าว่าอยู่ตึกหมายเลขอะไร คอนโดที่เท่าไหร่ บ้านเลขที่เท่าไหร่?”

เสี่ยวเฉียงส่ายหน้า: “ผมจำบ้านเลขที่ไม่ได้ครับ”

“ผมจำได้แค่ว่าหน้าบ้านคุณปู่และคุณย่า มีดอกทานตะวันหนึ่งกระถาง”

“ผมไม่เคยมาเยี่ยมคุณปู่กับคุณย่านานมาก ๆ แล้วครับ เลยไม่รู้ว่าดอกทานตะวันนั่นเป็นยังไงบ้างแล้ว”

“น้าเขยซู น้าช่วยพาผมไปหาคุณปู่กับคุณย่าหน่อยได้ไหมครับ?”

หลังจากพูดจบ เขาก็รู้สึกไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ จึงก้มหน้าลงอีกครั้งแล้วพูด: “ไม่ได้ ผมต้องรอแม่กลับมา”

“แม่บอกว่าถ้าเกิดแม่ยังไม่กลับมา ผมจะวิ่งไปไหนมั่วซั่วไม่ได้ ไม่งั้นถ้าแม่ไม่เจอผม เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง”

ฉินเทียนลูบศีรษะเสี่ยวเฉียงพลางพูด: “หนูกับน้าซูรออยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวน้าเขยไปดูให้ โอเคไหมครับ?”

เสี่ยวเฉียงพยักหน้า

ซูซูมองฉินเทียนด้วยสายตาที่เป็นห่วงรอบหนึ่ง แล้วพูดกดเสียงต่ำ: “คุณเองก็ระวังตัวด้วยนะคะ”

“อย่างไรเสียเราก็ไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ของที่นี่ด้วย”

“รีบไปรีบกลับนะคะ”

ฉินเทียนยิ้มยิงฟันพลางพูด: “ขอบคุณสำหรับความห่วงใยครับคุณนาย”

ซูซูทำเสียงถุ้ยด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

ฉินเทียนออกจากร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดวอเลช มุ่งหน้าตรงไปยังชุมชนแห่งความสุขที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้ตัวหมู่บ้านจะไม่ใหญ่นัก แต่ก็มีตึกเจ็ดแปดตึกอยู่ ทุก ๆ ตึกล้วนมีหลายชั้นมาก และมีจำนวนห้องที่เยอะจนนับไม่ถ้วน

ถ้าเกิดตามหาทีละห้องละก็ เป็นวิธีที่ไม่ไหวแน่นอน

ฉินเทียนมองเห็นซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็ก ๆ ตั้งอยู่ข้าง ๆ เขาจึงไปบุหรี่จงหัวหนึ่งซอง แล้วก็คุยกับลุงหน้าป้อมยาม

“ลุงครับ ผมเป็นคนขายไม้ดอกและพืชจำพวกหญ้าน่ะครับ ก่อนหน้านี้มีคนแก่คนหนึ่งในหมู่บ้านเราบอกว่าเขาก็ชอบดอกทานตะวันเหมือนกัน”

“บอกผมว่าถ้าเกิดมีของละก็ ให้เก็บไว้ให้เขาหนึ่งกระถาง แต่ตอนนี้ผมหาช่องทางการติดต่อไม่เจอแล้ว”

“ลุงรู้หรือเปล่าครับว่าเขาพักอยู่บนตึกหมายเลขอะไร?”

คุณลุงชำเลืองมองฉินเทียนรอบหนึ่ง หัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วตอบกลับว่า: “นี่มันฤดูกาลอะไรแล้ว ยังจะปลูกดอกทานตะวันอีก พ่อหนุ่มอย่าหลอกลวงคนแก่เลย”

ฉินเทียนหัวเราะแล้วพูดว่า: “ถึงแม้จะไม่มีดอกทานตะวันแล้ว แต่ว่ามีอย่างอื่นอยู่นะครับ”

“ลุงก็รู้อยู่ว่าเดี๋ยวนี้ธุรกิจทำไม่ง่ายเลย การจะสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าคนหนึ่งก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ใช่ไหมล่ะครับ?”

“อีกอย่างผมก็ดูออกเหมือนกันว่า คุณลุงคนนั้นเป็นคนชอบดอกไม้จริง ๆ ”

คุณลุงดูดบุหรี่หนึ่งเฮือก จู่ ๆ เขาก็ขมวดคิ้วลงแล้วถามว่า: “เอ็งไปซื้อจงหัวนี่ที่ไหนน่ะ?”

ฉินเทียนชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบกลับว่า: “ซุปเปอร์มาร์เก็ตข้าง ๆ ไงครับ มีปัญหาเหรอครับ?”

คุณลุงขยี้บุหรี่ที่เพิ่งสูบได้สองเฮือกดับ ก่อนจะหันหน้าแล้วพูดว่า: “เหล่าหลิว ไสหัวออกมา!”

เขาหยิบจงหัวซองนั้นขึ้นมาแล้วโยนไป ก่อนจะพูด: “ไปเปลี่ยนฝูหรงหวังให้กูสองซอง แล้วก็หงถาซานอีกหนึ่งซอง”

“คนนี้คือหลานชายกู เอาบุหรี่ของจริง เข้าใจไหม?”

เหล่าหลิวก็คือเถ้าแก่ที่เพิ่งขายบุหรี่ให้ฉินเทียนในซุปเปอร์มาร์เก็ตเมื่อกี้นี้นี่เอง เขาหัวเราะพลางสบถด่าคำหนึ่ง ก่อนจะทำตามความหมายของลุงหน้าป้อมยาม เปลี่ยนจากจงหัวหนึ่งซองเป็น ฝูหรงหวังสองซอง แล้วก็หงถาซานอีกหนึ่งซอง

คุณลุงเก็บฝูหรงหวังเข้าไปในลิ้นชัก คาบหงถาซานไว้ในปากหนึ่งมวน แล้วยื่นให้ฉินเทียนอีกหนึ่งมวน

ฉินเทียนตอบสนองกลับมาได้ ก่อนจะรีบพูดว่า: “อันที่จริงผมไม่สูบบุหรี่ครับ คุณลุงตามสบายเลยครับ”

“คุณลุงครับ จงหัวเมื่อกี้นี้เป็นของปลอมเหรอครับ?”

คุณลุงพยักหน้าแล้วพูดว่า: “จงหัวเป็นของปลอม เอ็งก็ปลอมเหมือนกัน”

“ฉันยังไม่เคยเห็นคนขายดอกไม้คนไหน ซื้อจงหัวให้ตาแก่หน้าป้อมยามเลยนะ”

“พูดมาเถอะ เป็นพวกมาทวงหนี้ใช่ไหม”เขาจุดบุหรี่พลางพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน

ฉินเทียนหัวเราะแล้วพูด: “ทำไมคุณลุงถึงพูดแบบนี้ล่ะครับ? คนขายดอกไม้สูบจงหัวไม่ได้เหรอครับ?”

คุณลุงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด: “ทำไมน่ะเหรอ? ”

“พ่อหนุ่ม อย่ารู้สึกไม่พอใจเลย ทันทีที่เอ็งเข้ามาฉันก็รู้แล้วว่าเอ็งไม่ใช่คนธรรมดา”

“คนที่ชอบดอกทานตะวันที่เอ็งหมายถึงน่ะ ทั่วทั้งหมู่บ้านก็มีแค่เหล่าเจิ้งบนตึกหมายเลขห้าเท่านั้นแหละ”

“เขาไม่ปฏิบัติตามระเบียบวินัย และมักจะชอบวางต้นทานตะวันที่สูงโปร่งไว้กลางระเบียงทางเดินอยู่เสมอ ส่วนกลางหัวเสียกับเรื่องนี้ไปไม่น้อยเลย”

หัวใจของฉินเทียนสั่นคลอน ก่อนจะถามว่า: “คุณหมายถึงตึกหมายเลขห้าเหรอครับ? ชั้นที่เท่าไหร่ครับ?”

คุณลุงพ่นควันบุหรี่ออกมาแล้วตอบกลับ: “ผัวเมียเหล่าเจิ้งย้ายไปสถานสงเคราะห์คนชราตั้งนานแล้ว”

“ตอนนี้บ้านของเขาถูกลูกชายที่ไม่เอาไหนนั่นของเขายึดครอง”

“ไอ้ชิบหายนั่นเป็นผีพนัน ได้ยินมาว่าเป็นหนี้อยู่ไม่น้อยเลย”

“เอ็งยังจะบอกว่าเอ็งไม่ใช่คนที่มามันทวงหนี้มันอีกหรือ?”

ฉินเทียนรีบตะโกนไปทางเถ้าแก่ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ตั้งอยู่ไม่ไกล: “เอาฝูหรงหวังให้ลุงผมอีก 1 คอตตอนครับ เอาของจริงนะครับ”

“ผมจะจ่ายเงินให้เดี๋ยวนี้เลย”

คุณลุงก็ไม่ลีลาเหมือนกัน รีบตอบกลับว่า: “ชั้นแปด!”

“ขอบคุณมากครับ!”ฉินเทียนหันหน้าเดินจากไปทันที