ตอนที่193 อยู่ด้วยกันก่อนสิ

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่193 อยู่ด้วยกันก่อนสิ

ด้วยบุคลิกนิสัยของหวานเจียง สำหรับครั้งนี้เธอเต็มใจที่จะนอนบนเตียงจริงๆ ซึ่งเนื้อในแล้ว เธอกำลังให้โอกาสจ้าวเฉียนเช่นกัน ถ้าเธอไม่แม้แต่สนใจเขาสักนิด มีหรือจะยอมนอนบนเตียงในห้องสองต่อสองกับผู้ชาย?

ในความเป็นจริง จ้าวเฉียนรู้วิธีนวดที่ไหน? นวดยังไงให้สบายยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกดจุดกดเส้น ที่พูดไปแบบนั้นเพราะเขาเบื่อเฉยๆ และอยากหาอะไรทำแก้เซง หวานเจียงก็นอนนิ่งไม่รู้เรื่องรู้รราวอะไร จ้าวเฉียนลอบปาดเหงื่อเล็กน้อยและลองสุ่มกดจุดบริเวณขาไปสองสามที

“นี่เริ่มแล้วนะ เบาไปแรงไปก็บอก สั่งมาได้เลย”

จ้าวเฉียนเอ่ยขึ้น

หวานเจียงกรนเสียงอืมเบาๆ และไม่หลบตาไม่พูดอะไรอีกเลย

จ้าวเฉียนเริ่มกดจุดและบีบน่องขาเนียนสวยของเธอ

ไม่เพียงหวานเจียงจะรู้สึกดีเท่านั้น แต่สีหน้าของเธอยังดูผ่อนคลายอย่างมากอีกด้วย

จ้าวเฉียนแค่ใช้โอกาสนี้หาอะไรทำแก้เบื่อเท่านั้น แต่ก็ไม่คิดจะฉวยโอกาสเธอเช่นกัน ทันทีที่เห็นสีหน้าการแสดงออกของหวานเจีงดูคล้ายว่าจะผ่อนคลาย จ้าวเฉียนก็ถอนหายใจเล็กน้อยด้วยความโล่งอก

หลังจากบีบนวดไปสักพัก จ้าวเฉียนก็เอ่ยถามขึ้นว่า

“นี่แรงไปไหม?”

ใครจะรู้ว่า หวานเจียงยิ้มตอบอย่างพึงพอใจยิ่ง เธอตอบไปตามจริงว่า

“ก็ไม่เลว นี่นายไปเรียนกับหมอนวดโบราณโยตรงเลยใช่ไหม? นายกดจุดได้แม่นมาก แถมน้ำหนักมือยังดีด้วย”

จ้าวเฉียนถึงกับพูดไม่ออก

“…”

เธอจริงจังเกินไปไหม? เพราะยิ่งเป็นแบบนี้ทำให้จ้าวเฉียนยิ่งอยากแกล้งเธอเข้าไปใหญ่ สงสัยต้องตีด้วยค้อนถึงจะรู้สึกตัว

จ้าวเฉียนค่อยๆเพิ่งแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หวานเจียงเองก็เริ่มขมวดคิ้วแน่นขึ้นแล้วเช่นกัน แต่เธอก็ยังไม่ขัดขืนใดๆ ไม่นานมือของเขาก็ไล่ขึ้นมาถึงบริเวณขาอ่อน และแล้วก็ขยับขึ้นอีกและขึ้นอีก จนลามมาใกล้จุดลับของผู้หญิง

หวานเจียงลืมตาโพลงเร่งคว้ามือจ้าวเฉียนโดยไว เธอส่ายหัวเล็กน้อยท่าทีดูเขินอาย

ว่ากันตามตรง จ้าวเฉียนไม่คิดที่จะทำอะไรแบบนั้นกลับเธอจริงๆ แต่จิตสำนึกของเขารู้สึกอยากแกล้งเธอเหลือเกิน เธอที่ยิ่งแสดงปฏิกิริยาแบบนี้ เป็นสใครจะอดใจไหว?

จ้าวเฉียนประกบมือกับหวานเจียง เอ่ยน้ำเสียงออดอ้อนขึ้นว่า

“เสี่ยวเจียง ผมคิดว่าเรื่องบนรถในคืนนั้นมันดีจริงๆนะ พวกเรา…ลองกันอีกครั้งดีไหม?”

หวานเจียงสวนตอบกลับไปทันที ใบหน้าของเธอกลับกลายเป็นดูเย่อหยิ่งและเย็นยะเยือกแบบกาลอดีตอีกครั้ง

“อย่ามายุ่งกับฉัน! ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ!”

จ้าวเฉียนจับมือหวานเจียงประกบแน่น เหลือบสายตาแลเหลียวไปทางประตูพร้อมกล่าวว่า

“ไม่ต้องกังวลนะ ตรงนี้เป็นชั้นผู้ป่วยที่แพงที่สุด คนแทบไม่มี แถมประตูก็ล็อคอยู่ แค่เธอ…อย่าครางดังก็พอ!”

“นายมัน….ไอ้สารเลว! ฉันจะกดออดเรียกพยาบาล!”

หวานเจียงปริปากบ่นสาปส่งไม่หยุดหย่อน พร้อมยื่นมือไปคว้าจับแท่งกดเรียกพยาบาลฉุกเฉิน ทว่ากลับถูกจ้าวเฉียนแย่งออกมาได้ทัน ภายใต้สถานการณ์จนตรอก เธอจึงทำได้เพียงคว้าผ้าห่มมาคลุมโปลงหันศีรษะหนีทันที

จ้าวเฉียนยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ เขาเอื้อมมือไปกอดหวานเจียงที่คลุมโปลงราวกับดักแด้ สองมือเลื่อยไหลยิ่งกว่าปลาหมึก ลวงไปปลดกระดุมเสื้อของเธออย่างรวดเร็ว

หนึ่งเม็ด…สองเม็ด…สามเม็ด…. จ้าวเฉียนบรรจงปลดอย่างใจเย็น แต่เมื่อกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม พลันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก ชั่วจังหวะที่เผลอ หวานเจียงรวบรวมกำลังทั้งหมเผลักร่างจ้าวเฉียนออกไปและวิ่งเข้าห้องน้ำในทันที

“ไอ้บ้าจ้าวเฉียน! นายกล้าฉวยโอกาสฉันได้ยังไง!”

หวานเจียงยกมือปัดป้องใบหน้าอันแสนร้อนผ่าว ขณะเอ่ยปากบ่นไม่หยุดหย่อน

จ้าวเฉียนเดินไปเปิดประตูโดยไวเจือสีหน้าหงุดหงิด พยาบาลสาวรออยู่หน้าห้องพร้อมเครื่องมือวัดไข้ เธอกล่าวขึ้นว่า

“ขอโทษที่รบกวนนะคะ ตอนนี้ถึงเวลาวัดไข้แล้วค่ะ”

จ้าวเฉียนอารมณ์เสียไม่น้อย แต่อย่างไรคุณพยาบาลก็ทำตามหน้าที่ของเธอตามปกติ จะบ่นก็ไม่ได้เช่นกัน

เขาคลี่ยิ้มบางเอ่ยตอบไปว่า

“เข้ามาได้ถูกเวลามากเลยครับ แล้วคุณพยาบาลอยากวัดไข้ส่วนไหนในร่างกายผมดี? รักแร้ ปาก หรือ….”

พยาบาลสาวคนนั้นป้องปากหัวเราะคิกคัก แต่ทันใดนั้นเองเธอก็เดินเข้ามาพร้อมล็อกประตูห้องทันที เธอถอดแว่นออกตรงกระซิบข้างหูจ้าวเฉียน พร้อมเสียงกระเส่าสุดเร้าร้อนว่า

“ตรงไหนดีค่ะ?”

จ้าวเฉียนแค่อยากยิงมุกแกล้งคุณพยาบาลไปเฉยๆ แต่ใครจะไปคิดว่า เธอกลับเอาจริงแถมยังเป็นฝ่ายรุกเองขนาดนี้ หวานเจียงเธอก็ยังแอบอยู่ในห้องน้ำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ มีหวังวุ่นวายยกใหญ่แน่นอน

“เอ่ออ…ผมคิดว่าอย่าทำแบบนี้จะดีกว่านะครับ เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องฉาวขึ้นมา คุณจะเป็นฝ่ายเสียหายเองนะครับ!”

พยาบาลสาวกลับไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย เธอค่อยๆย่างเท้าสืบสาวเข้าประใกล้เรื่อยๆ แต่จ้าวเฉียนเองก็พยายามถอยห่างอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เรียกได้ว่าถอยจนตัวชนเตียงแล้วในตอนนี้

แต่สิ่งไม่คาดฝันก็พลันเกิดขึ้นในทันใด! พยาบาลสาวคนนั้นผลักจ้าวเฉียนขึ้นเตียงอย่างแรง!

จ้าวเฉียนรู้สึกสับสนไม่น้อย เขารีบเอ่ยถามด้วยความหวั่นเกรงว่า

“เอ่ออ…คุณพยาบาล…นี่คุณกำลังทำอะไรอยู่ครับเนี่ย? ถ้า…ถ้า…คนอื่นมาเห็นเข้าคงไม่ดีนะครับ! เสื่อมเสียงชื่อเสียงของคุณเปล่าๆจริงไหม? จริงเนอะ?”

พยาบาลสาวคลี่ยิ้มดูทรงเสน่ห์เกินหักห้าม เธอตอบเสียงหวานไปว่า

“ฉันไม่เคยเห็นใครทั้งหล่อทั้งดูแบบคุณมาก่อนเลย ที่จริง…ฉันแอบชอบคุณตั้งแต่แรกเห็นแล้วล่ะ ไม่ต้องกลัวไปนะเด็กดี พี่สาวคนนี้แค่หวัดไข้นะจ๊ะ เอาล่ะ…ถอดกางเกงออกมาสิ…”

หวานเจียงยืนกำหมัดแอบฟังอยู่ในห้องน้ำ พลางสถบด่าสาปส่งกับตัวเองว่า

“นังจิ้งจอกนี่! ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ! ฉัน…ฉันจะออกไปลากมันกลับหลุมเอง!”

แต่ทันทีที่เธอกำลังคว้าลูกบิดประตูออกไป เจียงหวานพลันชะงักอีกครั้ง

“แต่…นี่มันเกี่ยวอะไรกับฉัน? ทำไมฉันต้องโกรธด้วย? บางทีไอ้หมอนั่นอาจจะชอบก็ได้…ทำไมฉันต้องไปห้าม?”

ท่าทางการแสดงออกของหวานเจียงดูหงุดหงิดอย่างมาก เธอหันหลังกลับไปนั่งชันเข่าก้มหน้าก้มตาราวกับไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว

ตอนนี้จ้าวเฉียนถูกพยาบาลสาวกดร่างแนบกับเตียงโดยสมบูรณ์ เขารีบกล่าวเตือนสติพยาบาลสาวทันทีว่า

“คุณพยาบาลอย่าสร้างปัญหาแบบนี้เลยครับ ผมแค่หยอกเล่นเฉยๆ หยอกเล่นเฉยๆครับ!”

พยาบาลสาวหาได้สนใจไม่ เรียวนิ้วสวยลูบไล่บนแผ่นอกของจ้าวเฉียนและค่อยๆปลดกระดุมออกมาทีละเม็ด สีหน้าของเธอในตอนนี้ช่างเย้ายั่วอารมณ์เสียเหลือเกิน

“รู้ตัวว่าผิด…ก็ต้องถูกลงโทษ! เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะลงโทษเธอเอง… หุหุ…แปปเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้วน๊า…”

ทันทีที่พูดจบ พยายามก็โดดขึ้นค่อมร่างของจ้าวเฉียนไม่ให้ขยับไปไหน เรียวมือยาวทั้งสองข้างค่อยๆลูบไล้ไล่ลงจากแผ่นอกถึงสะดือ และยังคงเคลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ…

“พี่สาวมีเวลาแค่ห้านาทีนะคะ แต่ไม่ต้องห่วง…เธอเสร็จทันเวลาแน่นอน!”

พยายามหัวเราะคิกคัก พลางล้วงเข้าไปใต้กางเกงจ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนถึงคราวจนตรอก ขณะจะตะโกนเรียกหวานเจียง เธอก็พุ่งออกมาจากห้องน้ำทันที

พยาบาลสาวคนนั้นคาดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนแอบอยู่ในห้องน้ำ เธอรีบลุกขึ้นจากเตรียง จัดแจงเสื้อผ้ากลับเป็นระเบียบ พลางสบถขึ้นดังเหอะ และรีบวิ่งหนีออกไปพร้อมบางอย่างภายในมือ

หวานเจียงเดือดจัดยกกระเป๋าสะพายฟาดใส่จ้าวเฉียนเต็มแรง

จ้าวเฉียนที่โดนฟาดเข้าไปบริเวณที่เป็นแผลถึงกับร้องดังลั่น แต่เธอยังกระหน่พทุบไม่หยุดมือ

“ตาบ้า ตาบ้า ตาบ้า….!!”

จ้าวเฉียนรีบคว้าร่างของหวานเจียงมาโอบกอดไว้แน่น เอ่ยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า

“หยุดได้แล้ว! ทำไม? เธอหึงฉันรึไง? พวกเราก็แค่เป็นแฟนกันหลอกๆเท่านั้น ทำไมเธอต้องจริงจังขนาดนี้!”

“แล้วยังไง? จำเดิมพันของเราไม่ได้รึไง? ถ้าอีกห้าปีฉันแพ้ขึ้นมา ฉันก็ต้องแต่งงานกับนายถูกไหม? แล้วฉันจะยอมให้สามีในอนาคตของตัวเองผ่านมือผู้หญิงอื่นได้ยังไง?!”

หวานเจียงเอ่ยตอบพร้อมสีหน้าเอาจริงเอาจัง

จ้าวเฉียนปล่อยเธอออกจากอ้อมกอดทันที และกล่าวกับเธอว่า

“ในเมื่อเธอต้องการแบบนั้นแต่แรก เรามาเปลี่ยนเดิมพันกันหน่อยไหมล่ะ? ไม่ว่าฉันแพ้หรือชนะ พวกเราก็มาแต่งงานกันเถอะ คิดว่าไง?”

หวานเจียงคว้าหมอนบนเตียงโยนใส่หน้าจ้าวเฉียนทันที พร้อมกระหน่ำตีแขนจ้าวเฉียนต่อว่า

“หน้าด้าน! นายหาแต่ประโยชน์เข้าตัวชัดๆ! ฉันจะกลับแล้ว! ให้นังพยาบาลสวาทนั่นดูแลเองก็แล้วกัน!”

หวานเจียงคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายและหมุนตัวเตรียมจากไปทันที แต่จ้าวเฉียนกลับคว้าสายสะพายไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเธอไปไหน

“นี่นายทำบ้าอะไร? ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นฉันจะตะโกนขอความช่วยเหลือ!”

“ตะโกนเลย! ฉันชอบอะไรๆที่มันตื่นเต้นพอดี!”

จ้าวเฉียนอดยิ้มเล็กน้อย และดึงร่างหวานเจียงจนเซล้มกลับมาหาตัวเอง

“นี่นาย! ไอ้หื่น! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”

หวานเจียงพยายามดิ้นจากอ้อมกอดของเขา

“จะกลับเวลานี้น่ะเหรอ? นี่มันดึกมากแล้วนะ ฉันว่าเธอขึ้นมานอนบนเตียงเถอะ ส่วนฉันนั่งเก้าอี้ฟุบนอนข้างเตียงเอา ตอนนี้ฉันขี้เกียจแกล้งเธอแล้ว ฉันอยากนอน”

หวานเจียงจ้องจ้าวเฉียนเขม็ง ดูลังเลอยู่นาน แต่ในที่สุดเธอก็วางกระเป๋าสะพายลง ตอนนี้ภายในใจของเธอดูยุ่งเหยิงไปเสียหมด

‘นี่…ดูท่าฉันจะชอบหมอนี่จริงๆแล้วแหะ จะทำยังไงดีเนี่ย? ถ้าเราจริงจังกับไอ้หมอนี่ พวกเราจะไปกันรอดไหม? ยิ่งหมอนี่ทั้งขี้เล่น ไม่เคยเอาจริงเอาจังสักครั้ง แถมยังชอบแกล้งอีก นี่ฉันจะควรทำยังไงดี?’

หวานเจียงคิดกับตัวเองอยู่นาน แถมยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าหงุดหงิด เธอผลักจ้าวเฉียนออกจากเตียงแล้วขึ้นนอนทันที ดึงผ้าห่มคลุมหัวแล้วก็ผล็อยหลับไปทั้งแบบนั้น