ตอนที่ 1488 เก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่ (13) / ตอนที่ 1489 วันชี้ชะตาของพรรคเสวียนชิง (1)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1488 เก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่ (13)

 

 

“โลหิตมังกรรึ มันเอาไว้ทำอะไร”

 

 

“ปกติแล้วโลหิตมังกรมีผลอย่างเดียวคือเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย แต่ว่านี่ไม่ใช่โลหิตมังกรธรรมดา นี่เป็นโลหิตของมังกรฌานในตำนาน”

 

 

มังกรฌาน?

 

 

เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของพวกเขา เสี่ยวซู่ก็อธิบายต่อ “มังกรฌานไม่ได้ฟักออกมาจากไข่แต่เกิดจากการรวมตัวกันของพลังฌาน การกินเนื้อของมันทำให้คนธรรมดากลายเป็นผู้ฝึกฌานขั้นนภาทันที ส่วนโลหิตของมันยิ่งล้ำค่ากว่ามาก เพราะสามารถทำให้ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์เลื่อนระดับทันที อีกอย่างมันเองก็มีผลทำให้เพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายด้วยเหมือนกัน”

 

 

“เสี่ยวซู่ เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร” อวิ๋นลั่วเฟิงมองเสี่ยวซู่แล้วถาม

 

 

เสี่ยวซู่เผยรอยยิ้มเจิดจ้า “ความทรงจำที่สืบทอดมาของข้าบอกมา แต่ว่าความหนาแน่นของโลหิตมังกรในขวดนี้หนาแน่นมากเกินไป ถ้าดื่มเข้าไปตรงๆ ท่านจะตัวระเบิดตายทันที ดังนั้นท่านต้องทำให้เจือจางก่อนแล้วค่อยดูดซับมัน”

 

 

ดวงตาของเสี่ยวโม่เป็นประกาย ก่อนหน้านี้เขาแค่แหย่ปี้เซียวนิดหน่อย ผู้หญิงคนนี้ก็เอาสมบัติออกมา นางใช้ชีวิตมาเป็นเวลานานจนนับไม่ได้แล้ว ดังนั้นนางจะไม่มีสมบัติอะไรติดตัวได้อย่างไร ไม่แน่ถ้าเขาแหย่นางอีก นางอาจจะเอาสมบัติออกมาอีกก็เป็นได้

 

 

ถึงแม้ว่าหญ้าอสรพิษหยกจะทำให้ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์เลื่อนระดับเหมือนกัน แต่ก็ต้องรอมันพัฒนาไปเป็นหญ้าอสรพิษวิญญาณก่อน!

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นหญ้าอสรพิษหยกก็ช่วยแค่ให้เลื่อนระดับแต่ไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกาย ซึ่งต่างจากโลหิตของมังกรฌานที่ไม่ใช่แค่ช่วยให้เลื่อนระดับ แต่ยังเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายด้วย โดยค่อยๆ ขัดเกลาจนทนเหมือนเหล็กกล้า

 

 

“ปี้เซียว” เสี่ยวโม่มองปี้เซียวแล้วยิ้มกว้างขณะที่หรี่ดวงตาที่มีประกายชั่วร้าย “ถ้านายหญิงเลื่อนระดับ เจ้าก็จะได้ประโยชน์มากมาย ถ้าเจ้ามีสมบัติอะไรอีกก็เอาออกมาให้นายหญิง”

 

 

ปี้เซียวมองเสี่ยวโม่อย่างระมัดระวัง ไม่รู้ทำไมนางถึงรู้สึกว่ารอยยิ้มของเด็กหนุ่มดู…เจ้าเล่ห์เหลือเกิน

 

 

“ไม่มีอย่างอื่นแล้ว” ปี้เซียวส่ายหน้า “ข้าขโมยมาแค่อย่างเดียว ไม่มีอย่างอื่นแล้วจริงๆ”

 

 

เสี่ยวโม่รู้สึกผิดหวัง

 

 

ดูเหมือนว่าปี้เซียวจะยากจนจริงๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานางขโมยของจากเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ออกมาแค่ชิ้นเดียว น่าเสียดายจริงๆ …

 

 

“ตอนนี้ข้าจะดูดซับโลหิตมังกรฌาน พวกเจ้าทุกคนถอยไป” อวิ๋นลั่วเฟิงพลิกมือแล้วหยิบขวดออกมาก่อนจะเทโลหิตมังกรลงไปแล้วใช้น้ำจากน้ำพุเพื่อเจือจาง

 

 

หลังจากที่ของเหลวทั้งสองผสมกันดีแล้ว โลหิตมังกรฌานสีเขียวก็จางลงแล้วก็ไม่ได้เป็นสีเขียวบริสุทธิ์เปล่งประกายอีก

 

 

หลังจากนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็เทโลหิตเข้าปากแล้วใช้พลังฌานโอบล้อมก่อนจะส่งมันไปที่จุดตันเถียน

 

 

ไม่นานนางก็นั่งขัดสมาธิแล้วเริ่มดูดซับพลังภายในโลหิตมังกร

 

 

เพราะว่าโลหิตมังกรทรงพลังมากเกินไป นางจึงไม่กล้าดูดซับพลังทันทีที่ดื่มโลหิตเข้าไป ดังนั้นนางจึงต้องค่อยๆ ดูดซับทีละหยดแล้วให้ร่างกายนางมีความทนทานต่อพลังที่เกรี้ยวกราดนี้

 

 

นางนั่งอยู่อย่างนั้นถึงครึ่งเดือน ค่อยๆ ซึมซับพลังช้าๆ จนกระทั่งพายุทรงพลังที่นางสร้างขึ้นเคลื่อนที่ไปทั่วห้อง แล้วจากนั้นก็มีเสียงดังปังนางก็เข้าสู่ขั้นใหม่ แต่ว่ามันยังไม่จบ…

 

 

หลังจากผ่านด่านเลื่อนระดับ อวิ๋นลั่วเฟิงก็รู้สึกถึงพลังแข็งแกร่งว่ายไปตามเส้นกลางลำตัวทำให้นางกระตุกทั้งตัว

 

 

“ท่านแม่ โลหิตมังกรกำลังช่วยท่านสร้างร่างกายใหม่” เสี่ยวซู่มองอวิ๋นลั่วเฟิง “ดังนั้นท่านต้องอดทนนะ!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1489 วันชี้ชะตาของพรรคเสวียนชิง (1)

 

 

“เฮือก!” ถึงแม้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะมีความอดทนสูง แต่ภายใต้ความเจ็บปวดนี้ นางก็ยังอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเอาอากาศเย็นๆ เข้าปอด นางกัดฟันแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่ว่าการจัดกระดูกใหม่จะเจ็บปวดมากแค่ไหน นางก็ต้องอดทน! ตราบใดที่นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ นางไม่มีทางยอมแพ้แม้ว่าขาข้างหนึ่งจะต้องก้าวเข้าไปสู่นรกก็ตามที

 

 

กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ!

 

 

ทุกคนได้ยินเสียงกระดูกที่แตกละเอียดจากร่างของนางชัดเจน แต่ว่านอกจากที่สูดหายใจเอาอากาศเย็นๆ เข้าปอดไปตอนแรก นางก็ไม่สามารถส่งเสียงอะไรได้อีก นางทำได้แค่อดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้เท่านั้น

 

 

ดวงตาสีมรกตของปี้เซียวปรากฏความตะลึงเพราะนางไม่เคยคิดว่ามนุษย์ผู้นี้จะสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดมหาศาลนี้ได้จริงๆ แม้แต่ยอดฝีมือของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็เทียบกับนางไม่ได้ ตอนนี้เองที่มุมมองของปี้เซียวที่มีต่ออวิ๋นลั่วเฟิงเปลี่ยนไป

 

 

ทุกนาที ทุกวินาทีที่ผ่านไป เสี่ยวโม่คอยมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างกังวล เขาอยากจะช่วยนางแต่นั่นก็ไม่มีประโยชน์อะไร เขารู้ว่านี้เป็นอุปสรรคที่นายหญิงต้องก้าวข้ามด้วยตัวเอง ถ้าเขาบังคับให้พลังฌานในมิติคัมภีร์เซียนช่วยเยียวยาความเจ็บปวดของนาง มันจะส่งผลตรงกันข้ามแทน

 

 

ปีนั้นตอนที่อวิ๋นเซียวเอาเลือดออกจากหัวใจ เขามีพลังฌานจากมิติคัมภีร์เซียนช่วยบรรเทาความเจ็บปวด แต่ความเจ็บที่ตอนนี้อวิ๋นลั่วเฟิงได้รับไม่ได้น้อยไปกว่าการดึงเลือดออกจากหัวใจคนเลยแม้แต่น้อย

 

 

การเปลี่ยนกระดูกและผิวหนังต้องทำลายกระดูกของนางทั้งหมดก่อนจะประสานพวกมันใหม่ เช่นนั้นแล้วนึกออกหรือไม่ว่ามันจะเจ็บปวดขนาดไหน อวิ๋นลั่วเฟิงทำได้แค่กัดปากแล้วอดทนเท่านั้น แผ่นหลังของหญิงสาวชุ่มไปด้วยเหงื่อขณะที่ใบหน้างดงามของนางซีดเผือด ร่างกายของนางสั่นน้อยๆ แต่นางก็ยังไม่ส่งเสียงร้องออกมา

 

 

“นายหญิง ถ้าเจ็บปวดมาก ท่านก็ควรร้องออกมาจะดีกว่า” เสี่ยวโม่รู้สึกปวดใจเมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงบังคับตัวเองให้ทนความเจ็บปวด สตรีผู้นี้เป็นคนที่มีใจเด็ดเดี่ยว ตอนนี้นางก็เหมือนตอนที่อยู่หวาเซี่ย ทั้งเข้มแข็งและไม่ยอมแพ้

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงก้มหน้า ถ้านางอดทนกับความเจ็บปวดนี้ไม่ได้แล้วนางจะกล้าพูดถึงการขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดของแผ่นดินนี้ได้หรือ นางจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับอวิ๋นเซียวได้อย่างไร

 

 

ปี้เซียวไม่สามารถทนมองต่อไปได้ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง นางก็พูดขึ้น “เจ้าใช้โลหิตมังกรช่วยจนเลื่อนระดับได้แล้ว ต่อให้เจ้ายอมแพ้ตอนนี้ เจ้าก็ไม่เสียอะไร ข้ามีวิธีช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้ทันที ตอนนั้นคนของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์เองก็ทนรับความเจ็บปวดไม่ได้แล้วใช้วิธีนี้ทันทีหลังจากเลื่อนระดับแล้ว แต่ว่ากระบวนการเปลี่ยนร่างกายก็จะล้มเหลว”

 

 

“ข้าไม่เป็นไร” นางกัดฟันแล้วรวมพลังทั้งหมดเพื่อพูดคำนี้ หลังจากนั้นนางก็ไม่สามารถเสียพลังงานไปกับการพูดได้อีก

 

 

นางต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น!

 

 

ทางเดียวที่จะแข็งแกร่งขึ้นก็คือการได้รับโชคโดยบังเอิญ!

 

 

ด้วยโอกาสแบบนี้นางไม่มีทางยอมแพ้!

 

 

เมื่อเห็นท่าทางมุ่งมั่นของนาง ปี้เซียวก็สับสน นางไม่เข้าใจว่าทำไมอวิ๋นลั่วเฟิงถึงไม่ยอมแพ้ แค่ใช้โลหิตมังกรฌานเลื่อนระดับก็ยังไม่พอหรือ

 

 

เสี่ยวโม่เห็นสีหน้าสับสนของปี้เซียวก็ส่งสายตาให้นาง “ถ้านายหญิงอยากเลื่อนระดับเฉยๆ นางก็ไม่ต้องใช้โลหิตมังกรฌานหรอก แค่รอให้หญ้าอสรพิษวิญญาณพัฒนาขึ้นมา นางก็สามารถเลื่อนเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ได้แล้ว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ได้จากโลหิตมังกรฌานคือการปรับแต่งร่างกายนางให้แข็งแกร่งขึ้นต่างหาก”