บทที่ 310 ความเสียหายต่อวินาที

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 310 ความเสียหายต่อวินาที
บทที่ 310 ความเสียหายต่อวินาที

ถ้อยคำแห่งเงานั้นตอนนี้สามารถอยู่ได้นานถึง 30 วินาทีแล้ว มันทำให้มังกรแม็กม่าตนนี้ต้องสูญเสียพลังชีวิตไปกว่า 10,000 หน่วยเลยด้วยการใช้สกิลเพียงครั้งเดียว! ปริมาณพลังชีวิตที่หายไปนั้นมีค่าเท่ากับ 10% ของพลังชีวิตทั้งหมด ยังไงเสียด้วยความที่เป็นสกิลที่ใช้เวลาคูลดาวน์ถึง 5 นาที ความเสียหายที่สร้างได้มหาศาลเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว

“กรรรรร!”

การที่ตนเองต้องเสียพลังชีวิตไปเป็นจำนวนมากจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว มันก็ทำให้มังกรแม็กม่าโกรธขึ้นมาแล้ว มันยกหัวขนาดใหญ่ขึ้นมาจากทะเลสาบลาวา จากนั้นก็พ่นลำแสงสีแดงเพลิงออกมาจากปากพุ่งตรงใส่เซียวเฟิงราวกับเป็นเลเซอร์สีแดงที่สาดลงมาเพื่อกวาดล้างเขา

เซียวเฟิงเริ่มออกวิ่งใหม่อย่างรวดเร็วตามแท่นหินโดยไม่หันกลับไปมอง ขณะเดียวกันของเขาก็ไม่ได้หยุดนิ่งและร่ายหอกแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อขว้างใส่มังกรแม็กม่าด้วย

-1!

หอกแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งไปนั้นโดนเป้าหมายอย่างจัง พร้อมกับเริ่มปลดปล่อยเอฟเฟกต์หยุดการเคลื่อนที่ออกมา ทว่าไม่เพียงแต่ความเสียหายของมันจะน้อยนิดแล้ว เอฟเฟกต์หยุดการเคลื่อนที่ของมันก็ไม่ทำงานด้วย อาจจะเป็นไปได้ว่า เพราะมังกรแม็กม่าตนนี้ไม่ได้ขยับตัวไปไหนตั้งแต่ต้น มีเพียงแค่หัวของมันเท่านั้นที่ขยับไปมา

โชคยังดีที่ความเร็วของเซียวเฟิงนั้นสูงมาก ๆ ส่วนหัวของมังกรแม็กม่าเองก็มีขนาดใหญ่มาก ๆ ดังนั้นมันจึงสามารถหันไปหันมาได้อย่างช้า ๆ เท่านั้น และเพราะแบบนี้ลำแสงไฟของมันจึงไม่สามารถโดนตัวเซียวเฟิงได้แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เซียวเฟิงก็ไม่มีสิ่งอื่นให้ทำเลยนอกจากวิ่งหนีไปก่อน นั่นเพราะตัวเขานั้นไม่มีสกิลสำหรับโจมตีระยะไกลแต่อย่างใด เขาจึงจำเป็นต้องหลบการโจมตีไปเรื่อย ๆ ก่อน ขณะรอให้ถ้อยคำแห่งเงาคูลดาวน์ในอีก 5 นาที

แน่นอนว่าระหว่างรอเวลาคูลดาวน์ เขาก็ร่ายสกิลเล็ก ๆ อย่างการชำระล้างหรือบัฟอะไรพวกนี้ไปด้วย โดยหวังว่ามันจะช่วยกระตุ้นสกิลของ ‘การตื่นของความรอบรู้’ ให้ทำงานและสุ่มรีเซ็ตคูลดาวน์ของถ้อยคำแห่งเงาให้

แต่ถึงมันจะกระตุ้นการทำงานของสกิลได้ก็จริง แต่มันกลับไปรีเซ็ตคูลดาวน์ของสกิลอวยพรความกล้า หลังจากที่เขาร่ายสกิลอวยพรอาวุธไปแทน สิ่งที่เกิดนี้ทำเอาเซียวเฟิงพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว

การโจมตีปกติของมังกรแม็กม่าคือการพ่นลูกไฟไปโดยรอบ ถึงแม้ว่ามันจะมีผลในการระเบิดเป็นวงแคบ แต่มันก็ยังไม่สามารถทำอะไรเซียวเฟิงได้อยู่ดี จนเขาสามารถอยู่ได้ถึง 5 นาทีโดยที่ยังไม่เสียพลังชีวิตแม้แต่นิดเดียว ส่วนตัวมังกรแม็กม่าเองก็ไม่สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตได้เพราะผลของกรงเล็บมังกร

ถ้อยคำแห่งเงา!

-675!

-675!

-675!

….

ถ้อยคำแห่งเงาถูกร้ายใส่หัวมังกรแม็กม่าอีกครั้ง และมันก็ทำให้พลังชีวิตของบอสยักษ์ตนนี้ลดลงอย่างรวดเร็วอีก 10% โดยไม่สามารถหยุดได้

“กรรรร! กรร!”

มันกู่ร้องคำรามออกมาพร้อมกับสยายปีกขึ้นมาจากทะเลสาบลาวา ปีกขนาดใหญ่นั้นโบกสะบัดจนเกิดแรงสั่นสะเทือนแรงสูงบนผิวส่วนที่ยังเป็นลาวาอยู่

ทะเลสาบสีแดงที่เคยนิ่งสงบเพราะความหนาแน่นของลาวานั้น บัดนี้กำลังเกิดความแปรปรวนปรากฏให้เห็นเด่นชัด หลังจากที่มีเสียงของบางสิ่งบางอย่าง ‘ผุด’ ขึ้นมา มันก็เผยให้เห็นร่างของปีศาจไฟที่ทั่วทั้งตัวเป็นลาวาสีแดงส้มกระโดดออกมา เป้าหมายของมันถูกเลือกไว้เป็นเซียวเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย พลันเมื่อมันเจอเซียวเฟิงแล้ว พวกปีศาจลาวาทรงเหมือนก้อนน้ำเต้าเหล่านี้ต่างก็พากันวิ่งเข้าใส่อย่างไม่รอช้า

ปีศาจไฟลาวา

เลเวล : 25

ระดับ : สูง

ธาตุ : ธาตุไฟ

พลังชีวิต : 1,800 / 1,800 หน่วย

พลังโจมตีกายภาพ : 100 – 100 หน่วย

พลังเวท : 110 – 130 หน่วย

พลังป้องกันกายภาพ : 100 – 120 หน่วย

พลังป้องกันเวทมนตร์ : 110 – 140 หน่วย

สกิล : ระเบิดเผาไหม้, เผาไหม้, จุดไฟ, ระเบิดตัวเอง

มอนสเตอร์เหล่านี้เป็นมอนสเตอร์ระดับสูงจำนวนแปดตัว ในแง่ของพลังโจมตีนั้นถือว่าเหมาะสม แต่ในแง่ของสกิลนั้นค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว สกิลจุดไฟเป็นสกิลที่สร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง อันนี้ว่าน่ารังเกียจพอแล้ว พอมาเห็นว่ามีสกิลระเบิดตัวเองด้วยก็รู้สึกได้เลยว่านี่มันตัวที่รวมเอาความน่าร้ายกาจเข้าไว้ด้วยกันชัด ๆ มันไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักรสังหารที่วัน ๆ จ้องจะระเบิดปาร์ตี้ผู้เล่นทันทีที่สู้ไม่ได้เลย

“ไม่ต้องช่วย”

เซียวเฟิงหันไปตะโกนบอกหานเฟิงและคนอื่น ๆ ที่กำลังเตรียมจะช่วยเขาเสียก่อน จากนั้นเขาก็เป็นฝ่ายกระโจนเข้าไปสู้กับมอนสเตอร์ตัวเล็กพวกนั้นแทน

เพราะถึงพวกปีศาจตัวเล็กพวกนี้จะไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ แก่เซียวเฟิงได้ แต่กับคนอื่นนั้นถึงตายได้เลย ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องรีบกำจัดมันทิ้งก่อน

คมเขี้ยวมังกร!

ค้อนแห่งการพิพากษา!

-2860! คริติคอล!

-2870! คริติคอล!

-2882! คริติคอล!

-2868! คริติคอล!

ค้อนยักษ์สีทองปรากฏขึ้นพร้อมกับทุบลงมาที่พื้นอย่างรุนแรง มันทำให้ปีศาจไฟลาวาสี่ตัวตายลงในทันที

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เสียงระเบิดดังติด ๆ กันสี่ครั้ง รัศมีระเบิดของปีศาจไฟลาวาพวกนี้ค่อนข้างกว้าง ขนาดที่เซียวเฟิงยังไม่สามารถหนีได้ทันและพลอยได้รับความเสียหายไปด้วย แต่เพราะพลังป้องกันของเซียวเฟิงก็ไม่ได้น้อย ดังนั้นเขาจึงเสียพลังชีวิตไปเพียง 100 กว่า ๆ เท่านั้น ส่วนที่หายไปนั้นสามารถฟื้นกลับมาด้วยสกิลแสงศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่าย ๆ

ยังไงเสียเมื่อครู่นี้ก็เป็นการระเบิดจากปีศาจไฟลาวาสี่ตัวพร้อมกัน ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องพึ่งพลังป้องกันของตนและอุปกรณ์เท่านั้น แต่ถ้าหากเมื่อครู่นี้คนที่โดนไม่ใช่เขาแต่เป็นผู้เล่นคนอื่นล่ะก็ ได้มีคนกลายเป็นแสงกลับเมืองไปก่อนแน่

ยังเหลือปีศาจไฟลาวาอีก สี่ตัวที่กำลังไล่ตามและโจมตีเซียวเฟิงอยู่ และเพราะระเบิดครั้งเมื่อครู่นี้ มันทำให้เซียวเฟิงเผลอวิ่งมาอยู่ผิดตำแหน่ง เขาทำได้เพียงหลบลูกไฟจากมังกรแม็กม่าเท่านั้น แต่ไม่สามารถหลบบอลไฟจากปีศาจไฟลาวาได้

ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะการระเบิดเมื่อครู่นี้มันทำให้บรรยากาศรอบ ๆ เต็มไปด้วยแสงสีแดงระยิบระยับไปทั่วจนเซียวเฟิงมองทางไม่สะดวก หากไม่ใช่เพราะชุดเซ็ตมังกรปีศาจที่สวมอยู่นี้ เขาเองก็อาจจะกระเด็นตามแรงระเบิดไปด้วย

ถึงแม้ว่าความเสียหายจากบอลไฟที่ปีศาจไฟลาวาเหล่านี้โยนมาจะไม่ได้สูงอะไรนัก หากแต่มันคือสกิลจุดไฟ ที่ได้กล่าวไว้ว่าเป็นสกิลที่ค่อนข้างน่ารังเกียจ เนื่องจากสกิลนี้มันสามารถสร้างความเสียหายต่อเนื่องได้

ครั้งหนึ่งเซียวเฟิงเคยเจอกับสกิลนี้แล้วตอนที่เข้าไปยังรังของซาลาแมนเดอร์ ครั้งนี้เองก็เช่นกัน พลังชีวิตของเขาลดลงอย่างต่อเนื่อง ความเสียหายจากสกิลนี้จะค่อย ๆ สะสมไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้ายสุดก็จะระเบิดสร้างความเสียหายรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง และเพราะความเสียหายบั้นปลายที่รุนแรงมาก ๆ เซียวเฟิงจึงไม่รอช้าที่จะใช้การชำระล้างเพื่อล้างสถานะของมันเสียก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่

มังกรจองจำ!

หอกแสงศักดิ์สิทธิ์!

สองสกิลที่ใช้สำหรับควบคุมนี้ทำให้ปีศาจไฟลาวาตัวหนึ่งถูกหยุดไว้ก่อนที่จะเข้าระยะระเบิดตนเองได้ ไม่งั้นแล้วคราวนี้มันอาจจะทำให้เขาแสบตาจนไม่สามารถหลบการโจมตีของบอสก็เป็นได้ เซียวเฟิงรีบตรวจสอบจุดที่ตนยืนอยู่ จากนั้นที่ใต้เท้าของชายหนุ่มก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นมา

มังกรย่ำบาทา!

-350!

-361!

-722! คริติคอล!

-722! คริติคอล!

-359!

คลื่นสั่นสะเทือนทั้งสามครั้งกระจายออกไปรอบตัวเซียวเฟิง และมันก็กระแทกเข้าใส่ปีศาจไฟลาวาทั้งสี่ตัวพร้อม ๆ กัน หนึ่งในสี่ตนนั้นโชคร้ายเพราะมันดันโดนความเสียหายแบบคริติคอลไปถึงสามครั้งติด ส่งผลให้มันตายลงไปในทันที

ตู้ม!

เสียงการระเบิดตนเองของมอนสเตอร์ดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่เพราะปีศาจไฟลาวาตนนั้นถูกเซียวเฟิงหยุดการเคลื่อนที่ของมันไว้ก่อนหน้าแล้ว ดังนั้นระยะห่างของเขาและมันจึงมากพอที่จะทำให้เซียวเฟิงไม่รับผลของการระเบิดตนเองในครั้งนี้

ท้ายที่สุด มันก็เหลือปีศาจไฟลาวาเพียงสามตัวที่มีพลังชีวิตน้อยมาก ๆ เท่านั้น จากนั้นไม่นาน พวกมันทั้งสามตัวก็ถูกเซียวเฟิงไล่ฆ่าทีละตัว ๆ ภายในเวลาหนึ่งนาที สิ่งที่เกิดขึ้นนี้สามารถเรียกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า เร็วมาก!

“เอาเลย!”

หลังจากที่จัดการมอนสเตอร์ตัวเล็กเสร็จหมดแล้ว เซียวเฟิงก็หันกลับไปร่ายบัฟให้กับหานเฟิงและคนอื่น ๆ พลางหลบลูกไฟของมังกรแม็กม่าไปด้วย เขาลดพลังชีวิตของมันไปได้กว่า 20% แล้ว ดังนั้นมันน่าจะไม่เล็งเป้าหมายไปยังคนอื่นนอกเสียจากเขา เว้นแต่ว่าไนฟจะเข้าไปยั่วยุบอส

“นี่มันอะไรกันวะเนี่ย! พลังโจมตีของฉันมันเกือบ 1,000 เลยเหรอ!? เยี่ยมยอดไปเลย!”

หานเฟิงตะโกนออกมาเสียงดังทันทีเมื่อเห็นว่าค่าพลังโจมตีของเขามันเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว คนอื่น ๆ เองก็เช่นกัน แต่พวกเขาไปตกใจกับความสามารถในการฮีลของเซียวเฟิงกันเสียมากกว่า น่าเสียดายที่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ได้เพราะระยะการโจมตีไม่ถึง แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะถูกปรับไปเยอะแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นรอบ ๆ ตัวมังกรแม็กม่าก็ยังคงเป็นลาวาอยู่ ไม่คุ้มเสียแน่หากพวกเขาจะอยากบู๊แล้วกระโดดว่ายลาวาเข้าไปโจมตีใส่บอส

คำสาป!

หวาดกลัว!

ชาแมนออร์คร่ายดีบัฟใส่มังกรแม็กม่าอย่างต่อเนื่อง เขาประจำการอยู่ในทีมผู้เล่นระดับสูงที่ใช้สำหรับลงดันเจี้ยนอยู่แล้ว เพราะงั้นการที่เขาเลือกเผ่าพันธุ์ออร์คมาและเลือกที่จะเป็นชาแมนนี่ก็ถือเป็นแผนการที่วางไว้แล้วตั้งแต่ต้น เพื่อช่วยกิลด์เวลาลงดันเจี้ยนเช่นกัน สกิลประเภทคำสาปเหล่านี้ มันถูกเตรียมมาเพื่อสำหรับประจัญหน้ากับบอสโดยเฉพาะ เพราะมันสามารถลดเกราะของบอสได้เป็นอย่างดี เป็นผู้ที่ใช้คลาสซัพพอร์ตเพื่อช่วยเหลือปาร์ตี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเป็นสมาชิกที่ไม่สามารถขาดได้ในทุก ๆ ครั้งที่วอร์สปิริตฮอลล์วางแผนจะเปิดดันเจี้ยนกัน

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

หานเฟิงร่ายห่าฝนธนูออกมา สกิลนี้ถือเป็นสกิลที่รุนแรงระดับต้น ๆ ของคลาสนักธนูเลย พวกเขาจำเป็นต้องรีบเรียนรู้ตั้งแต่เปลี่ยนคลาสที่ 2 ได้ใหม่ ๆ กลุ่มศรมากมายนับไม่ถ้วนโถมลงมาจากบนเพดานถ้ำ พวกมันเข้าโจมตีทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในวิถีจนกว่าจะถึงเป้าหมาย และในครั้งนี้เป้าหมายของมันก็คือ มังกรแม็กม่าตัวใหญ่นั่นแหละ ศรทุกดอกเข้าปะทะกับส่วนหัวของมันอย่างแม่นยำ มอบผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมายได้อย่างมากเลย

-12!

-17!

-28! คริติคอล!

-15!

-11!

-26! คริติคอล!

ตัวเลขแสดงความเสียหายมากมายปรากฏขึ้นบนหัวของมังกรแม็กม่า สมแล้วจริง ๆ ที่เป็นสกิลสำหรับคลาสที่ 2 ของนักธนู หานเฟิงทำความเสียหายแก่พลังชีวิตบอสได้กว่า 500 หน่วยด้วยการใช้สกิลเพียงครั้งเดียว ถือเป็นความเสียหายที่ไม่ใช่น้อยเลย

“…ฝนดาวตก!”

กลุ่มของนักเวทแห่งวอร์สปิริตฮอลล์เองก็ไม่ยอมแพ้ หลังจากที่พวกเขาร่ายเวทกันอยู่ 30 วินาที นักเวทไฟทั้งสองคนก็กวาดคทาของพวกเขาพร้อม ๆ กัน ทันใดนั้นเอง สภาพแวดล้อมเหนือหัวทุกคนก็เปลี่ยนไป ภายในปล่องภูเขาไฟเช่นนี้ หากแหงนหน้ามองขึ้นไปก็จะพบกับท้องฟ้าด้านนอก ทว่าท้องฟ้าตอนนี้กลับกลายสภาพเหมือนฟ้าหลังวันสิ้นโลก อุกกาบาตมากมายดิ่งลงมาจากฟ้าราวกับห่าฝนสีแดง พวกมันโถมลงมาใส่ทะเลสาบลาวานี้จะแทบจะไม่มีที่ว่างในอากาศ

ฝนดาวตก เป็นสกิลที่เหล่านักเวทไฟจะสามารถเรียนได้หลังจากเปลี่ยนคลาสครั้งที่ 2 กันเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นสกิลโจมตีหมู่ที่ต้องใช้เวลาร่ายนาน ทั้งระยะสกิลและพลังโจมตีถือว่ามากคุ้มค่าแก่การรอ เรียกได้ว่าเป็นสกิลไม้ตายสำหรับปาร์ตี้เลยก็ได้ แถมนี่พวกเขายังได้บัฟจากเซียวเฟิงอีกทำให้พลังเวทของเหล่านักเวทไฟทะลุ 600 หน่วยเข้าไปแล้ว มันสูงจนแทบจะหาตัวจับยากสุด ๆ

-1!

พลาด!

-2! คริติคอล!

-1!

พลาด!

อยากไรก็ตาม เมื่อฝนดาวตกจำนวนมากเหล่านั้นตกลงมาสู่พื้นและระเบิดออก ความเสียหายที่ปรากฏขึ้นบนหัวของมังกรแม็กม่ากลับทำให้นักเวทไฟทั้งสองคนต้องตกตะลึง นั่นเพราะสกิลที่พวกเขาภูมิใจนักภูมิใจหนาที่ซึ่งต้องใช้เวลาในการร่ายนาน ๆ นั้นกลับไม่สามารถทำความเสียหายทะลุพลังป้องกันของบอสตนนี้ไปได้เลย!

ส่วนเซียวเฟิงนั้นรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะงั้นเขาจึงหวังพึ่งเพียงความเสียหายจากหานเฟิงเท่านั้น เขาไม่แม้แต่จะคาดหวังในตัวซางกวน อาโอเชินด้วยซ้ำไป นั่นก็เพราะ อันดับแรก ในแง่ของพลังโจมตี คลาสนักธนูนั้นมีหน้าที่หลัก ๆ คือทำความเสียหายอยู่แล้ว ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่เขาจะสามารถโจมตีได้รุนแรงกว่าคลาสนักดาบ อันดับที่สอง ซางกวน อาโอเชินสามารถโจมตีได้แค่ระยะใกล้เท่านั้น และในดันเจี้ยนนี้ ไม่มีพื้นที่ให้เขาสามารถเข้าไปโจมตีได้แต่อย่างใด

โชคยังดีที่ความเสียหายที่หานเฟิงทำได้ยังน่าพอใจอยู่ ถึงแม้มันจะไม่เท่ากับที่เซียวเฟิงทำได้ก็ตาม แต่ถึงอย่างไรเขาก็สามารถทำความเสียหายได้ต่อเนื่องกว่าเซียวเฟิง เพราะกว่าเซียวเฟิงจะสามารถโจมตีได้ก็ต่อเมื่อถ้อยคำแห่งเงาคูลดาวน์เสร็จแล้ว และกว่ามันจะเสร็จก็ใช้เวลานานถึง 5 นาทีในแต่ละรอบ ดังนั้นการโจมตีของทั้งเซียวเฟิงและหานเฟิงจึงกลายเป็นสิ่งที่ต้องทำคู่กันไปเรื่อย ๆ เพื่อคอยเติมความเสียหายตลอดเวลา

ไม่เพียงเท่านั้น ยาเพิ่มพลังเวททั้งหมดที่หานเฟิงดื่มนั้น ยังเป็นยาหายากที่ได้มาจากตำหนักขุมทรัพย์อีก ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้ของเหล่านี้มาจากเฉียนโตวโตวได้อย่างไร หากแต่ด้วยผลการฟื้นฟูพลังเวทที่เอ่อล้นของยาเหล่านี้ มันก็ทำให้หานเฟิงกลายเป็นป้อมปราการเคลื่อนที่ที่สามารถทำความเสียหายได้อย่างน่ากลัวขึ้นมาทันที

ผิดกันกับผู้เล่นคลาสโจมตีระยะไกลที่วอร์สปิริตฮอลล์เตรียมไว้สิบคนสำหรับถล่มมังกรแม็กม่าโดยเฉพาะ พวกเขาทำความเสียหายได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้จึงทำให้พวกเขาเข้าใจ ถึงความห่างระหว่างผู้เล่นระดับเทพกับตัวพวกเขาเอง

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ มันจึงกลายเป็นว่า การต่อสู้กับบอสคือการแสดงศักยภาพของคนสองคนไปแล้ว เซียวเฟิงจะเป็นคนคอยทำความเสียหายระยะใกล้ให้โดยการใช้ก้อนหินที่อยู่ใกล้ ๆ เป็นฐาน ในขณะที่หานเฟิงจะคอยจ่ายความเสียหายจากบนกำแพงหินด้านนอก ซึ่งด้วยวิธีนี้ จะทำให้บอสสนใจโจมตีแต่เพียงเซียวเฟิงอย่างเดียวเท่านั้น และด้วยสาเหตุประการนี้ มันทำให้หานเฟิงสามารถถอดสมองได้เลย เขาไม่จำเป็นต้องกดดันอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ต้องทำมีเพียงแค่คอยโจมตีและร่ายสกิลเฉย ๆ ต้นตอของความสบายใจนี้ ก็เพราะว่าเขามั่นใจว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ไม่มีทางที่จะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน