เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1045 บังเอิญเกินไปหรือไม่

แปลโดย iPAT

 

โดยปกติแล้วมันเป็นเรื่องยากที่สัตว์อสูรเดียวดายจะเดินทางข้ามกำแพงภูมิภาค

 

ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย สัตว์อสูรบรรพกาล หรือสัตว์อสูรแรกกำเนิด พวกมันมีแก่นพลังงานของแต่ละภูมิภาคอยู่ในร่างกายไม่ต่างจากผู้อมตะ ดังนั้นพวกมันจึงจะอาศัยอยู่ในอาณาเขตของตนเท่านั้น

 

หากเปรียบเทียบ สัตว์อสูรทั่วไปเช่นราชันร้อยอสูร ราชันพันอสูร หรือราชันหมื่นอสูร พวกมันสามารถเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคได้ง่ายกว่า

 

อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้มีต้นกำเนิดมาจากสวรรค์สีขาว กำแพงภูมิภาคไม่มีความสัมพันธ์กับพวกมันและไม่ปฏิเสธพวกมัน

 

บางทีอาจเป็นเพราะสวรรค์ทั้งเก้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคใด

 

เรื่องนี้เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ทุกคนรู้ดี

 

ก่อนหน้านี้วังสวรรค์สามารถเดินทางไปยังภาคใต้ได้อย่างรวดเร็วเพราะพวกเขาใช้หอคอยดวงตาสวรรค์เดินทางผ่านสรรค์สีขาว

 

เช่นเดียวกับประตูแห่งดวงดาวของฟางหยวนที่ใช้สวรรค์สีดำเป็นสะพานเชื่อมต่อระว่างภูมิภาคทั้งห้า

 

ทั้งสองกรณีมีความคล้ายคลึงกับสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้ที่ใช้คุณสมบัติพิเศษของสวรรค์เพื่อก้าวข้ามกำแพงภูมิภาค

 

ฟางหยวนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วผ่านกำแพงภูมิภาคแต่ฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลยังไล่ล่าเขามาอย่างกระชั้นชิด

 

พวกมันจ้องมองฟางหยวนด้วยสายตาดื้อรั้นและไม่ต้องการพักผ่อนจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย

 

ในช่วงเวลาเช่นนี้ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะนึกถึงวิญญาณท่องแดนอมตะอีกครั้ง

 

หากเขาได้รับวิญญาณท่องแดนอมตะ เขาจะสามารถจัดการปัญหานี้

 

แม้สัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลจะไล่ล่าเขา แต่เขาก็ยังสามารถใช้วิญญาณท่องแดนอมตะสร้างระยะห่างออกไป

 

สำหรับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ แม้เขาจะสามารถสร้างระยะห่าง แต่เขายังต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล

 

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือฟางหยวนไม่รู้ว่าสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้จะไล่ล่าเขาไปถึงเมื่อใด บางทีแม้ฟางหยวนจะใช้ความมั่งคั่งทั้งหมด มันก็อาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

 

‘จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอาจไม่สามารถโกหกแต่เขาไม่ได้โง่ เขาวางแผนต่อต้านข้ามาตลอด’

 

‘ก่อนหน้านี้เขาวางแผนต่อต้านข้าโดยการให้ข้ายืมวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดเพื่อกำจัดฉีช่าย’

 

‘หากข้าหมดความอดทนและพยายามกำจัดสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้โดยไม่คิดให้รอบคอบ ข้าอาจถูกกรรโชกทรัพย์อีกครั้ง หลังจากทั้งหมดภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญาดึงดูดใจมากเกินไป’

 

ด้านหน้าฟางหยวนกำแพงภูมิภาคเปลี่ยนเป็นสีฟ้า

 

นี่หมายความว่าฟางหยวนกำลังจะเข้าสู่กำแพงพลังงานของทะเลตะวันออก

 

ฟางหยวนบินเข้าไปในกำแพงพลังงานสีฟ้าโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง

 

หลังจากชั่วครู่ฟางหยวนพบว่าสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลยังไล่ตามเขามา

 

นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกถึงความยากลำบาก

 

ตอนนี้เขาใช้แต้มผลงานของนิกายหลางหยาไปหมดแล้ว ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มติดหนี้หินวิญญาณอมตะของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

 

‘หากไม่ใช่เพราะสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้ ข้าจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? หือ เกิดสิ่งใดขึ้น?’

 

ดวงตาของฟางหยวนเบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหัน

 

เขาค้นพบการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

 

กลิ่นอายของผู้อมตะภาคใต้จากร่างของเขาค่อยๆหายไปและถูกแทนที่ด้วยกลิ่นอายของผู้อมตะภาคตะวันออก

 

หากฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย เขาจะไม่รู้สึกแปลกใจ

 

ประเด็นก็คือเขาไม่ได้ใช้งานท่าไม้ตายนี้

 

‘เป็นไปได้หรือไม่ว่าร่างใหม่ของข้าไม่เพียงสามารถเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคแต่มันยังสามารถเปลี่ยนกลิ่นอายของข้าให้เข้ากับภูมิภาคนั้นๆอีกด้วย’

 

ฟางหยวนคาดเดา

 

เพียงเมื่อเขาบินออกจากกำแพงภูมิภาค กลิ่นอายของผู้อมตะภาคใต้ก็สลายไปขณะที่เขากลายเป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออกไปอย่างสมบูรณ์

 

ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจและมีความสุขกับความจริงข้อนี้

 

‘วิญญาณทารกอมตะช่างยิ่งใหญ่และลึกลับนัก ข้าไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคยแต่ร่างกายของข้ากลับสามารถปรับตัวเข้ากับภูมิภาคใหม่ได้ด้วยตัวมันเอง นี่หมายความว่าข้าจะไม่ดึงดูดความเกลียดชังจากผู้อมตะของภูมิภาคนี้’

 

‘แต่มันจะดีกว่าหากข้าจะใช้ใบหน้าที่คุ้นเคย’

 

ฟางหยวนมองฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลที่ตามมาด้านหลังและถอนหายใจก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคยและเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนให้แตกต่างออกไป

 

เดิมทีเขาต้องการเดินทางผ่านทะเลตะวันออกอย่างเงียบๆและกลับไปยังภาคเหนือ

 

แต่ด้วยการไล่ล่าของฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล เขาต้องปัดเป่าความคิดนี้ทิ้งไปโดยธรรมชาติ

 

ความวุ่นวายดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ฟางหยวนต้องการแต่เขาไม่สามารถทำสิ่งใด

 

‘สถานที่แห่งนี้ไม่ไกลจากทะเลไหลเชี่ยว บางทีข้าอาจไปที่นั่นและใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมเพื่อแยกตัวออกจากสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้?’ ฟางหยวนคิด

 

ประสบการณ์ห้าร้อยปีของเขาทำให้เขาเข้าใจสภาพแวดล้อมต่างๆของทั้งห้าภูมิภาคเป็นอย่างดี

 

หลังจากไตร่ตรองสักพัก ฟางหยวนตัดสินใจยกเลิกความคิดนี้

 

ทะเลไหลเชี่ยวเหมือนเขาวงกต หากประมาท เขาอาจติดอยู่ภายใน

 

จากข่าวลือ ทะเลไหลเชี่ยวเกิดจากการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะที่ทรงพลัง มันเป็นสนามรบนองเลือดของผู้อมตะหลายคน

 

ผู้อมตะจากทุกภูมิภาคมักเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อแสวงหาโชคลาภและมรดกที่ถูกทิ้งไว้

 

น่าเสียดายที่ฟางหยวนไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดพบโชคลาภครั้งใหญ่โดยบังเอิญจากสถานที่แห่งนี้ ในทางตรงข้ามเขามักได้ยินว่ามีผู้อมตะหลายคนหายตัวไปในทะเลไหลเชี่ยว ผู้อมตะบางคนหายสาปสูญไปเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปีก่อนที่พวกเขาจะสามารถปลดปล่อยตนเองและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

 

กล่าวได้ว่าทะเลไหลเชี่ยวเป็นสถานที่อันตราย สภาพแวดล้อมพิเศษของมันมักทำให้ผู้อมตะติดอยู่ที่นั่นและไม่สามารถปลดปล่อยตนเอง

 

ดังนั้นฟางหยวนจึงเลือกเคลื่อนไหวเป็นเส้นตรงข้ามผ่านอากาศ

 

เขาไม่ได้เดินทางไปยังทะเลไหลเชี่ยวแต่บินไปยังกำแพงพลังงานของภาคเหนือโดยตรง

 

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติถูกกระตุ้นใช้งานเป็นครั้งคราวทำให้ระยะทางระหว่างเขากับฝูงสัตว์อสูรค่อยๆห่างกันออกไป

 

เขาสอบถามจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเกี่ยวกับสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลแต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่มีข้อมูลของพวกมันมากนัก

 

ฟางหวนยังเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองเพื่อหาซื้อข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันแต่เขายังไม่ได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์

 

ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติหลบหนีอย่างไม่หยุดยั้ง

 

เมื่อเขาสามารถทิ้งสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลเอาไว้ข้างหลัง เขาจึงหยุดใช้วิญญาณดาบทะลวงมิติและเปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายเพื่อบินต่อไป

 

ความเร็วของเขาลดลงโดยธรรมชาติ

 

‘ข้าจ่ายด้วยราคามหาศาล มันคงดีหากข้าสามารถปลดปล่อยตนเองจากพวกมัน’ ฟางหยวนรู้สึกกังวลอยู่ภายใน

 

สัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลไม่ได้อยู่ในวิสัยทัศน์ไม่ได้หมายความว่าพวกมันไปแล้ว

 

ขณะที่ฟางหยวนมองไปข้างหลังด้วยความกังวล แสงสีแดงเลือดสายหนึ่งกลับพุ่งมาจากทิศตะวันออกฉียงใต้อย่างกะทันหัน

 

แสงสีแดงที่ทะยานข้ามขอบฟ้าลดความเร็วลงทัทีเมื่อตระหนักถึงการคงอยู่ของฟางหยวน

 

‘ผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งเลือด ดูเหมือนจะเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้น!’ ฟางหยวนขมวดคิ้วเมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายที่ใกล้เข้ามา

 

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนาใด ฟางหยวนก็ไม่ต้องการสร้างปัญหาเพิ่ม

 

เขามีปัญหามากพออยู่แล้ว

 

เขายังไม่รู้ว่าสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลตามมาหรือไม่และยังมีภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึงในอีกสองเดือนข้างหน้า

 

ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนทิศและออกจากเส้นทางของแสงสีเลือดที่ใกล้เข้ามาทันที

 

ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดตระหนักถึงเจตนาของฟางหยวน เขาเร่งตะโกน “เดี๋ยว! ข้าพบโชคลาภครั้งใหญ่โดยบังเอิญที่ทะเลไหลเชี่ยว ตราบเท่าที่ท่านสามารถช่วยข้าจัดการปัญหานี้ ข้ายินดีใช้วิญญาณอมตะคำสาบานเลือดสร้างข้อตกลงเพื่อแบ่งปันโชคลาภในครั้งนี้!”

 

‘ทะเลไหลเชี่ยว? พบโชคลาภครั้งใหญ่โดยบังเอิญ? นี่เรื่องจริงงั้นหรือ?’ ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจมาก

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่กลุ่มผู้อมตะจำนวนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่เส้นขอบฟ้า ชัดเจนว่าพวกเขากำลังไล่ล่าปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดผู้นี้

 

ดูเหมือนพวกเขาจะได้ยินสิ่งที่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดตะโกนบอกฟางหยวน

 

ดังนั้นคำสบถต่างๆจึงปะทุออกมา

 

“ปีศาจโลหิตที่สร้างหายนะให้แก่ทุกคนบนโลกใบนี้ต้องถูกประหาร!”

 

“ผู้ใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับปีศาจตนนี้จะถูกสังหารอย่างไร้ปรานีเช่นกัน!”

 

“หยุดปีศาจตนนี้แล้วตระกูลถังของข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน!”

 

“นั่นไม่จำเป็น ข้าหลิวชิงหยูได้โจมตีปีศาจตนนี้ด้วยท่าไม้ตายอมตะของข้าไปแล้ว เขาไม่สามารถหลบหนีจากพวกเรา คนที่อยู่ข้างหน้า หากรู้ว่าสิ่งใดดีต่อตนเองก็หลบออกไป!”

 

ฟางหยวนก่นเสียงเย็น

 

เขาไม่ใช่คนขี้ขลาดแต่ตอนนี้เขาต้องรีบกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเพื่อหาวิธีรับมือภัยพิบัติ

 

ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจบินหลบออกไป

 

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดรู้สึกกังวลมาก เขามาถึงขีดจำกัดของตนเองแล้ว ฟางหยวนเป็นความหวังเดียวของเขา

 

เมื่อเห็นฟางหยวนล่าถอย เขารีบเปลี่ยนทิศทางและบินตามฟางหยวนไปอย่างรวดเร็ว

 

“หากท่านสามารถช่วยข้า ข้ายินดีมอบโชคลาภครั้งนี้ให้ท่านทั้งหมด!” เขากรีดร้อง

 

ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นและล่าถอยออกโดยไม่ลังเล

 

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ หนึ่งในผู้อมตะของทะเลตะวันออกจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ถูกต้อง! เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าตัดสินใจถูกแล้ว!”

 

บางคนตะโกน “ให้พวกเรายืมมือแล้วพวกเราจะตอบแทนเจ้าหลังจากนี้”

 

คิ้วของฟางหยวนค่อยๆขมวดอย่างช้าๆ

 

เขาเพียงต้องการกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอย่างเงียบๆ เหตุใดจึงเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นทีละเรื่อง ตัวเขาเองไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องยุ่งยากเหล่านี แต่คนเหล่านี้กลับไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ นี่เป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหรือไม่?

 

“นี่คือข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโชคลาภที่ข้าค้นพบ หากเจ้าได้รับมัน การบ่มเพาะของเจ้าจะก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้าจะกลายเป็นมังกรที่ผงาดขึ้นสู่ท้องฟ้า!” ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับฟางหยวนเพื่อล่อลวงเขา

 

ฟางหยวนคำราม “ไปซะ!”

 

ด้วยคลื่นจากฝ่ามือ วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลถูกทำลายกลางอากาศ

 

ในเวลาเดียวกันเขาก็ทะยานร่างขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดไม่มีความคิดที่จะต่อสู้กับฟางหยวน เมื่อสถานการณ์กลายเป็นสิ้นหวัง เขาตัดสินใจยิงลำแสงสายหนึ่งไปที่ฟางหยวน

 

“ข้าส่งมอบข้อมูลสำคัญให้กับคนผู้นี้ไปแล้ว หากพวกเจ้าต้องการมัน แม้พวกเจ้าจะสังหารข้าก็ไม่มีประโยชน์!” ปีศาจอมตะตะโกนก่อนจะบินไปในทิศทางตรงข้าม

 

ลำแสงประหลาดเคลื่อนที่เข้าใกล้ฟางหยวนด้วยความเร็วสูง

 

ฟางหยวนไม่ต้องการสร้างปัญหา เขาตะโกนเสียงดัง “ข้ามีธุระสำคัญที่ต้องจัดการ อย่ายั่วยุข้า!”

 

หลังกล่าวจบคำ เขากระตุ้นใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ดดาบทะลวงมิติและดาบบินพร้อมกัน

 

ดาบทะลวงมิติเพิ่มความเร็วขณะที่ดาบบินพุ่งเข้าทำลายลำแสงประหลาด

 

“อา…วิญญาณอมตะระดับเจ็ดสองดวง!”

 

“เขาคือผู้ใด?”

 

พลังอำนาจที่ปะทุขึ้นอย่างกะทันหันของฟางหยวนทำให้กลุ่มผู้อมตะตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์