ตอนที่ 20 สำนักธารโลหิต

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 20

สำนักธารโลหิต

 

ตุบ! หยางเกาโยนร่างของชายหนุ่มที่ยังหมดสติอยู่ลงบนเตียงราวกับไม่ใส่ใจ แต่เพียงหลังมันสัมผัสเตียงมันก็ลุกขึ้นมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“โอ้ ศิษย์พี่ขอบคุณที่พาข้ามาส่ง”ชายหนุ่มว่าพลางบิดไปมาราวกับที่มันสลบไปเป็นเรื่องเล่นๆ

“เจ้าฟื้นแล้วก็ดี มาช่วยข้าทดสอบคนเข้าสำนักหน่อย”หยางเกาว่าพลางนั่งลงบนเตียงจนเตียงไม้ส่งเสียงเอี๊ยดออกมา กลายเป็นว่าห้องทดสอบของสำนักธารโลหิตกลายเป็นห้องพยาบาลไปเสียแล้ว

“ไม่ใช่ว่าทุกคนพากันไปสมัครที่สำนักยอดเมฆางั้นเหรอ”ชายหนุ่มว่าพลางมองมาทางไป๋จูเหวินอย่างประหลาดใจ หลายวันที่ผ่านมาคนที่นานๆจะเข้ามาสมัครเป็นศิษย์สำนักธารโลหิตยิ่งห่างหายไป กลายเป็นว่าในหลายวันมานี้แทบไม่มีใครมาสมัครเลยเสียด้วยซ้ำ

“เรื่องนั่นช่างมันเถอะ ไหนๆก็มีคนมาแล้วช่วยข้าทดสอบหน่อย”หยางเกาว่าพลางแสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา นานมากแล้วที่มันไม่ได้ทำหน้าที่คุมการทดสอบ มันไม่ทราบว่าต้องเริ่มจากจุดไหนก่อนดี

“ถ้าอย่างนั้นก็ทดสอบความกล้าก่อนเลยก็แล้วกัน”ชายหนุ่มว่าพลางเดินออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว ทำให้หยางเกาเดินตามออกไปพร้อมบอกให้ไป๋จูเหวินและต้าชิงต้าเฉินตามออกมา

“เจ้าเห็นน้ำในสระธารโลหิตหรือไม่”ชายหนุ่มว่าพลางชี้ไปที่แม่น้ำที่อยู่ข้างเรือนของสำนัก ตรงจุดนี้เป็นสระน้ำทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีทางเข้าและออกเป็นลำธารน้อยใหญ่มากมาย และแน่นอนว่าน้ำในสระเป็นสีแดงเข้มราวกับเลือดจริงๆ

“ข้าจะให้พวกเจ้าดื่มมัน”ชายหนุ่มยิ้มกว้างพลางมองหน้าผู้สมัครใหม่อย่างอารมดี สำหรับคนที่ไม่รู้ความต่างคิดว่าน้ำในแม่น้ำปนเปื้อนโลหิตจริงๆ ทำให้ผู้คนส่วนมากที่ได้ยินการทดสอบครั้งนี้ต่างหน้าซีดกันหมดไม่เว้นแม้แต่พวกศิษย์พี่ที่เคยทดสอบเช่นนี้มาแล้ว ตอนนั้นพวกมันก็ทำหน้าเหยเกเมื่อถูกสั่งให้ดื่มน้ำในสระโลหิตเช่นกัน

“งั้นก็ไม่ยาก”ต้าชิงว่าพลางเดินไปที่ริมน้ำ ก่อนจะตักน้ำด้วยมือของตนขึ้นมาดื่มอย่างง่ายดาย สร้างความประหลาดใจให้หยางเกาและชายหนุ่มผู้ทำการทดสอบอย่างมาก แน่นอนว่าต้าเฉินและไป๋จูเหวินเองก็เดินมาดื่มน้ำกันอย่างรวดเร็วนั่นเพราะพวกมันรู้อยู่แล้วว่าน้ำในแม่น้ำเกิดจากกลีบดอกไม้ของต้นเหมยประทับชาด นั่นหมายความว่าน้ำสีแดงสดในบ่อไม่ต่างอะไรจากน้ำโรยด้วยกลีบดอกไม้เลย

“โอ้…..พวกเจ้ามีความกล้าไม่เลว พี่หยางเกาท่านทดสอบต่อเถอะ”ชายหนุ่มว่าพลางโยนงานให้หยางเกาต่อ มันไม่คิดว่าทั้งสามจะดื่มน้ำง่ายๆเช่นนี้ หรือพวกมันมีความต้องการจะเข้าสำนักอย่างแรงกล้าจริงๆ

“…ข้าก็ไม่รู้จะทดสอบอะไร เอาเป็นว่าพวกเจ้าผ่านก็แล้วกัน”หยางเกาว่าพลางยักไหล่ราวกับไม่ใส่ใจ ช่วงนี้ศิษย์ใหม่น้อยขึ้นทุกทีจะเรื่องมากก็คงไม่ได้

“ช้าก่อน หยางเกา มันไม่ง่ายเกินไปงันเหรอ”อยู่ๆชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ แต่จะให้ผ่านง่ายๆเช่นนี้ก็ออกจะง่ายเกินไป นี่มันพึ่งให้ทั้งสามดื่มน้ำเท่านั้นเอง หากเจ้าหนุ่มคนกลางไม่มีความสามารถด้านการฝึกฝนพลังวิญญาณไม่เท่ากับพวกมันรับคนธรรมดาเข้าสำนักงั้นหรือ

“ศิษย์พี่ใหญ่”หยางเกายิ้มเจื่อนๆพลางถอยให้ศิษย์พี่ใหญ่ของมันเดินเข้ามา

“พวกเจ้าคือคนที่จะเข้าสำนักงั้นหรือ”ศิษย์พี่ใหญ่ถามพลางมองพวกต้าชิงต้าเฉิงด้วยท่าทีข่มขู่ ตัวมันมีพลังระดับ ก่อกำเนิด ขั้นที่ 10 เรียกได้ว่าเกือบจะก้าวเข้าเป็นขั้น ผลึกวิญญาณอยู่รอมร่อ ด้วยพลังของมันตอนนี้ไม่ว่าจะต้าชิงต้าเฉินเข้ารุมทำร้ายก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แน่นอนว่าไป๋จูเหวินที่ไม่มีพลังวิญญาณก็เช่นกัน

“ขอรับ”ต้าชิงตอบด้วยความนอบน้อม ชายตรงหน้ามันแม้มองด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร แต่พลังของอีกฝ่ายก็มากกว่าพวกมันหลายเท่า

“ดี รู้หรือไม่ว่าสำนักธารโลหิตไม่นิยมฝึกฝนแต่เพียงพลังวิญญาณ”ศิษย์พี่ใหญ่ว่า พลางนำผ้าออกมามัดบนหมัดของตนเอง ราวกับนักมวยกำลังจะขึ้นสังเวียน

“ทราบขอรับ”ต้าเฉินตอบพลางมองท่าทีของชายตรงหน้า มันจะพันหมัดของมันทำไม หรือจะใช้การต่อยเป็นการทดสอบกัน??

“พวกเจ้าอยู่ขั้น 3 ของระดับก่อกำเนิด ข้าจะใช้หมัดของข้าต่อยใส่ด้วยพลังขั้น 3 เช่นกัน หากเจ้ารับได้ 1 หมัดโดยไม่สลบก็ถือว่าผ่าน”กลายเป็นว่าคำประชดในใจของต้าเฉินกลับเป็นจริงเสียอย่างนั้น แต่เรื่องพลังกายพวกมันที่ทำหน้าที่ผู้คุ้มกันโรงเตี๊ยมชมจันทร์ค่อนข้างมั่นใจทีเดียว

“รับมือ”ศิษย์พี่ใหญ่ว่าพลางกำหมัดแน่น มันง้างหมัดไปด้านหลังแล้วต่อยใส่ต้าเฉินเป็นคนแรก

ผั๊ว!! หมัดของศิษย์พี่ใหญ่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงใส่แขนที่ตั้งรับเอาไว้แล้วของต้าเฉินทำเอาต้าเฉินถอยไปข้างหลังจนล้มไปกับพื้นสร้างความแตกตื่นให้ต้าเฉินเป็นอย่างมาก

“ต่อไป”พี่ใหญ่ว่าพลางต่อยใส่ต้าชิงอีกคน ผลออกมาไม่ต่างกันนัก หมัดของศิษย์พี่ใหญ่สร้างเสียงดังอย่างหนักหน่วง ก่อนจะส่งร่างของต้าชิงให้ถอยไปหลายก้าวเพียงแต่ต้าชิงไม่ล้มลงไปนั่งกับพื้นเท่านั้น

“ไม่เลว พวกเจ้าไม่ใช่ผู้อ่อนแอ”ศิษย์พี่ใหญ่ว่าพลางหันไปมองไป๋จูเหวินเป็นรายต่อไป

“ทีนี้ก็ตาเจ้า”ศิษย์พี่ใหญ่เดินเข้าไปหาไป๋จูเหวิน

“ข้าจะไม่ใช้พลังวิญญาณ ตั้งใจรับมือ”ไม่ปล่อยให้ไป๋จูเหวินทำใจนาน พี่ใหญ่ของสำนักธารโลหิตต่อยพรวดใส่ไป๋จูเหวินโดยที่เขายังไม่ทันได้ตั้งท่าป้องกันด้วยซ้ำ วินาทีนั้นดวงตาของไป๋จูเหวินกลายเป็นสีแดงก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งรับหมัดของศิษย์พี่ใหญ่เอาไว้

หมับ! หมัดของศิษย์พี่ใหญ่ถูกหยุดเอาไว้ก่อนจะถึงตัวเสียอีก แต่กำลังของไป๋จูเหวินกลับมากกว่าทำให้หมัดของศิษย์พี่ใหญ่ไม่สามารถทำให้ไป๋จูเหวินถอยได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว ทำให้ศิษย์พี่ใหญ่เกิดความประหลาดใจขึ้นมา ภายนอกไป๋จูเหวินเหมือนคุณชายท่าทางอ่อนแอ มันคิดว่าไป๋จูเหวินจะเป็นเพียงคุณชายที่ใช้องครักษ์ทั้งสองนำทางมาขอเข้าสำนักเสียอีก

วูบ! ศิษย์พี่ใหญ่เห็นหมัดของตนเองไร้ผล มันก็เพิ่มพลังขึ้นมาอีกเพื่อจะดันไป๋จูเหวินออก จนพลังกลายเป็นระดับ 1 แล้ว แต่หมัดก็ไม่สามารถทำอะไรไป๋จูเหวินได้สร้างความแตกตื่นใจให้ศิษย์พี่ใหญ่เข้าไปอีก มันเป็นมนุษย์ธรรมดา เหตุใดร่างกายของมันถึงแข็งแกร่งเช่นนี้ เพียงกำลังกายเพียวๆยังสามารถรับมือผู้ฝึกพลังวิญญาณขั้นที่ 1 ได้

“อีกหมัด”ศิษย์พี่ใหญ่บังเกิดความสนใจอย่างมาก มันเพิ่มระดับเป็นระดับ 2 ก่อนจะต่อยเข้าไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ไป๋จูเหวินกลับหลบหมัดของเขาเสียอย่างนั้น

“ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่ใช่ว่าทดสอบเพียงหมัดเดียวหรอกหรือ”คำถามของไป๋จูเหวินทำให้ศิษย์พี่ใหญ่กลับมายืนท่าเดิมอีกครั้ง

“….ดีเจ้าสอบผ่านแล้ว”ศิษย์พี่ใหญ่ว่าพลางลดพลังวิญญาณของตนลง แม้มันจะอยากรู้ว่าไป๋จูเหวินจะรับมือได้ถึงขั้นไหน แต่มันกำลังจะเข้าสำนักเวลาทดสอบมีอีกมากมาย คราวนี้มันจะยอมปล่อยไปก่อน

“ข้าจะไปบอกท่านอาจารย์ให้ว่าพวกเจ้าทั้งสามได้รับการยอมรับจากข้าแล้ว ข้าชื่อ เฟิงชิว เป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งหอตะวันออก”เฟิงชิวว่าพลางคลายท่าทีข่มขู่ลง

“โอ้ ข้าเป็นศิษย์คนที่ 7 ของหอตะวันออกนาม จินเหลียน”ชายที่โดนอุ้มมาว่าพลางเดินมาอยู่ข้างเดียวกับเฟิงชิว

“อย่างที่บอก ข้าคือหยางเกา เป็นศิษย์คนที่ 3 แห่งหอตะวันออก” ได้ยินทั้งสามแนะนำตัวไป๋จูเหวินและสองพี่น้องต้าชิงและต้าเฉินก็แนะนำตัวเองเช่นกัน

“ศิษย์พี่ หอตะวันออกคืออะไรงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองทั้งสามคนอย่างสนใจ

“เจ้าเห็นสระโลหิตข้างหน้าไหม”เฟิงชิวถามพลางชี้ไปที่แม่น้ำที่พวกไป๋จูเหวินพึ่งดื่มน้ำมาเมื่อครู่

“เห็นขอรับ”ไป่จูเหวินว่าพลางมองไปทางบ่อน้ำ

“ที่ๆเราอยู่คือประตูทางเข้า ตั้งอยู่ทิศใต้ของสระธารโลหิตเป็นที่รวมตัวของเหล่าศิษย์สำนักธารโลหิต”เฟิงชิวว่าพลางเลื่อนนิ้วไปทางมุมหนึ่งของภูเขา

“ทางทิศตะวันออกของสระจะมีหอพักของพวกเรา เรียกกันว่าหอตะวันออก ส่วนทางตะวันตกเป็นหอตะวันตก ทางเหนือเป็นหอตำราและเรือนเจ้าสำนัก โดยแต่ละหอจะมีอาจารย์ของสำนักธารโลหิตคอยดูแล”พูดจบไป๋จูเหวินก็มีสีหน้าเข้าใจทันที นั่นแบ่งได้ง่ายดายนัก

“แล้วพวกเราต้องอยู่หอไหนละ”ต้าชิงถามขณะมองไปยังสระธารโลหิตที่กว้างใหญ่ไม่น้อย

“พวกเราทำการทดสอบพวกเจ้า พวกเจ้าก็ต้องเป็นคนของหอตะวันออกนะสิ”หยางเกาหัวเราะพลางตีอกตนเอง การแบ่งหอของสำนักธารโลหิตง่ายดายมาก วันที่ผู้สมัครเข้ามาทดสอบ คนของหอได้พบเจอก็ทำการทดสอบ หากถูกใจก็รับเข้าหอตนเองได้เลยไม่จำเป็นต้องเลือกหอกันอีกที สำนักธารโลหิตนั้นมีกฎง่ายดายเช่นนี้นี่เอง