EP.382 กำแพงเหล็ก
เทือกเขาฉินทางตอนใต้ปกคลุมไปด้วยภูเขาและป่าไม้ มีถนนหลายสายตัดผ่านเหนือจรดใต้และล้อมรอบด้วยยอดเขาสูงตระหง่าน ซึ่งมีหมู่บ้านที่สวยงาม บ่อน้ำกว้าง และความเจริญรุ่งเรืองทุกหนแห่ง เมืองเหล่านี้ราวกับอยู่ในแดนสวรรค์ มันคือเมืองหลวงของจักรวรรดิอี้เหอ…เมืองไป๋หลิง
ภายในโถงหลัก โต๊ะยาวเต็มไปด้วยการประดิษฐ์อักษรและภาพวาด ฉินอี้โบกสะบัดพู่กันขณะที่เหงื่อไหลย้อยเหนือคิ้ว
สาวใช้ด้านข้างกำลังถือผ้าเช็ดหน้ามาซับ แต่เขากล่าวอย่างเย็นชา “ข้ากำลังเขียน อย่าเข้ามา!”
“ราชาผู้พิชิต…ข้าผิดไปแล้ว ขออภัยเจ้าค่ะ”
“ถอยไป”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ต่างหวาดกลัวและถอยออกจากโถงหลัก
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้บัญชาการทหารคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาพร้อมประสานหมัดกล่าว “ท่านราชาผู้พิชิต หลงเซียนหลินขอรับ”
“หลงเซียนหลินหรือ เข้ามาสิ”
“ขอรับ”
หลงเซียนหลินจับด้ามดาบขณะที่เดินเข้ามาด้านข้างฉินอี้ “การประดิษฐ์อักษรของท่านดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นงานเขียนที่ดีมาก”
ฉินอี้เงยหน้ามองและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม้จะเขียนได้ดี แต่จะมีประโยชน์อันใด…ใช้ปกครองแผ่นดินได้หรือ? การประดิษฐ์อักษรของฉินจิ้นนับว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้า ท้ายที่สุดก็สูญเสียแผ่นดินไปกว่าครึ่ง”
“ท่านราชาผู้พิชิตกล่าวถูกต้อง”
“สถานการณ์ในเทือกเขาฉินเป็นอย่างไร?” ฉินอี้เอ่ยถาม
หลงเซียนหลินกล่าว “ค่ายทางเหนือของเทือกเขาฉินถูกเผ่าปีศาจรุกรานและสูญเสียทหารไปกว่าสามหมื่นนาย เราจึงส่งกำลังเกือบทั้งหมดไปยังเทือกเขาเพื่อต่อต้าน ข้าเชื่อว่าจะทำให้พวกมันไม่สามารถข้ามผ่านเทือกเขาได้สักระยะหนึ่ง”
“อย่าดูถูกพวกปีศาจ” ฉินอี้วางพู่กันลงในแก้วและล้างอย่างเบามือขณะที่ครุ่นคิด “กองทัพหนึ่งแสนนายของเซินเว่ยโหวในเมืองตงฉวงถูกทำลายทั้งหมด กล่าวกันว่าอสูรเกราะเพียงตัวเดียวสามารถจัดการทหารกว่าสิบคน เจ้าเคยเห็นเผ่าปีศาจในเทือกเขาฉินแล้วหรือไม่?”
“เห็นจากระยะไกลเท่านั้น” หลงเซียนหลินขมวดคิ้ว “แต่มนุษย์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมันเลย ข้าเห็นด้วยตาว่าอสูรเกราะทะลวงทหารของจักรวรรดิอี้เหอและผ่าโล่ออกเป็นสองส่วน พวกมันมีเกราะแข็งหุ้มร่างกายปกป้องคมดาบ เว้นแต่จะสามารถแทงเข้าตาหรือปากของมัน มิเช่นนั้นจะไม่มีทางฆ่ามันได้เลย”
“มีข่าวจากมณฑลทงเทียนหรือจากฉางหมิงป๋อบ้างไหม?”
“ไม่ขอรับ” หลงเซียนหลินตอบ “มีข่าวลือว่าปีศาจออกจากหุบเขาลึกในมณฑลทงเทียนและเข่นฆ่าผู้คนตลอดทาง โชคร้ายที่ฉางหมิงป๋อประจำการอยู่ที่นั่น”
“เฮ้อ…”
ฉินอี้ถอนหายใจและมีสีหน้าบูดบึ้ง “คราแรกข้าคิดว่าจะพึ่งพาพลังของเซียนในการรวมแผ่นดิน แต่ไม่คาดคิดว่าถังหลานและซูมู่หยุนจะใช้เมืองหลันเยี่ยนที่กำลังล่มสลายโจมตีเราอย่างหนักหน่วง อีกทั้งสองมณฑลใหญ่ที่กว่าจะยึดครองมาได้กลับตกไปอยู่ในมือเผ่าอสูรที่เพิ่งโผล่ออกมา”
หลงเซียนหลินเอ่ยเสียงเบา “ราชาผู้พิชิต…ปีศาจกำลังเคลื่อนทัพมาอย่างดุเดือดและทรงพลังมาก เราคิดว่าศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือจักรวรรดิฉิน แต่กลับเป็นเผ่าปีศาจ”
“เจ้าคิดว่าเราควรรวมพลังกับจักรวรรดิฉินอย่างนั้นรึ?” ฉินอี้หันมองหลงเซียนหลิน
หลงเซียนหลินรีบก้มหัวและประสานหมัด “ไม่บังอาจขอรับ”
“ความคืบหน้าการสร้างกำแพงเหล็กถึงไหนแล้ว?”
“เกือบครึ่งแล้วขอรับ แต่ยังไม่เพียงพอที่จะต้านพวกปีศาจได้ หากมีเวลาอีกสามเดือน ข้าเชื่อว่ากำแพงเหล็กจะสร้างเสร็จอย่างสมบูรณ์ เพียงแค่…”
“เพียงแค่อะไร?”
“เพียงแค่ทางเหนือของกำแพงเหล็กมีเมืองเล็กและใหญ่รวมกันเก้าสิบเจ็ดแห่ง หากเราถอนกำลังทหารไปยังทิศใต้ของกำแพง ข้าเกรงว่าเมืองเหล่านั้นจะตกอยู่ในกำมือของเผ่าปีศาจ พวกเขาล้วนเป็นคนของจักรวรรดิอี้เหอ”
“อย่าทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่” ฉินอี้มองหลงเซียนหลิน “ผู้บัญชาการหลง อย่าลืมว่าท่านเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการของจักรวรรดิอี้เหอ และเป็นผู้เดียวที่ข้าพึ่งพาได้ในการต่อต้านเผ่าปีศาจ เช่นนั้นอย่าทำให้ข้าผิดหวัง เราสามารถเสียบางเมืองในเทือกเขาฉินได้ แต่เมื่อใดที่กำแพงเหล็กพังลง ข้าเกรงว่ามณฑลหลิงหนานจะตกอยู่ในกำมือของปีศาจทันที”
“ข้าจะทำเต็มที่ขอรับ”
“อืม ไปเถิด”
“ขอรับ”
ฉินอี้มองแผ่นหลังหลงเซียนหลินที่กลับออกไปด้วยสายตาแปลกประหลาด ก่อนที่จะยิ้มและพึมพำ “พระเชษฐา เสียดายจริงๆ หากท่านยังมีชีวิตอยู่ ธิดาตัวน้อยคงไม่ต้องต่อต้านเผ่าปีศาจอย่างโดดเดี่ยว นางคงตื่นตระหนกและไม่มีกำลังจะจัดการกับการรุกรานครั้งใหญ่นี้”
…
ณ เมืองหลันเยี่ยน มีข้าราชบริพารมากมายในตำหนักเจ๋อเทียน ฉินอินยืนอยู่บนบัลลังก์มองทุกคนด้วยท่าทางสง่างาม นางยื่นพระบรมราชโองการสีทองในมือและกล่าวว่า “เข้ามา และอ่านพระบรมราชโองการนี้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ซูมู่หยุนเดินไปด้านหน้าและรับด้วยมือสั่นเทา เขาคลี่ม้วนหนังสือออกและกล่าวเสียงดัง “การรุกรานของปีศาจใกล้เข้ามาแล้ว จักรวรรดิอยู่ยงหลายพันปี ฉินอินแต่งตั้งกองทัพทั้งสามในนามของจักรพรรดินี รวมทั้งเจ็ดกองทหารที่แม่น้ำต้าวเจียงสายย่อยทางตะวันออกของเมืองห้าหุบเขาเพื่อต่อต้านเผ่าปีศาจ กองทหารห้าหมื่นนายแรกมีเฟิงจี้สิงรับผิดชอบ กองทหารห้าหมื่นนายที่สองรับผิดชอบโดยซูอวี่ กองทหารห้าหมื่นนายที่สามรับผิดชอบโดยเซี่ยงอวี้ กองทหารห้าหมื่นนายที่สี่รับผิดชอบโดยหลินมู่อวี่ กองทหารห้าหมื่นนายที่ห้ารับผิดชอบโดยซูหลง กองทหารห้าหมื่นนายที่หกรับผิดชอบโดยจิงไห่โหวเหยาหยวน กองทหารห้าหมื่นนายที่เจ็ดรับผิดชอบโดยหลิงไป่โหวถังลู่ร่วมกับหลิงซี่โหวถังเทียน ชางชู่ซือหลิงแห่งกระทรวงกลาโหมรับผิดชอบเรื่องเสบียงและการจัดหาอาวุธ ผู้นำสมาพันธ์โอสถฉู่เหยารับผิดชอบด้านการจัดหาโอสถ ท้ายที่สุดองค์จักรพรรดินีจะเสด็จพระราชดำเนินไปยังเมืองห้าหุบเขาเพื่อตรวจสอบการดำเนินการด้วยพระองค์เอง”
เหล่าข้าราชบริพารหมอบศีรษะลงพื้น
เว่ยโฉวด้านข้างหลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “ในที่สุดก็สามารถเคลื่อนทัพภายใต้คำสั่งท่านผู้นำอีกครั้ง”
ฉินเหยียนยิ้ม “ท่านเว่ยโฉวยังเรียกเช่นนั้นอีก ตอนนี้พี่ใหญ่เป็นผู้บัญชาการกองทัพมังกรผงาดแล้ว”
“ข้าจะค่อยๆ เปลี่ยนขอรับ”
หลินมู่อวี่หันมองทั้งสอง “พวกเจ้าเงียบเสียงเถิด”
“ขอรับท่านผู้บัญชาการ”
“กองกำลังยังไม่มาหรือ?”
“มาถึงเมื่อเช้าแล้วขอรับ ท่านเว่ยโฉวและข้าได้นับจำนวนแล้ว มีทั้งสิ้นสองหมื่นนายถ้วน พี่เสี่ยวซีไม่ผิดคำพูดแม้แต่น้อย” ฉินเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลินมู่อวี่พยักหน้าอย่างพอใจ “เว่ยโฉว ฝ่าบาททรงเลือกทหารหนึ่งหมื่นสามพันนายจากเมืองหยาดสายัณห์เพื่อสร้างกองทหารห้าหมื่นให้เรา จงนับรวมพวกเขาไปด้วย”
“ทุกคนอยู่ที่นี่แล้วขอรับ” เว่ยโฉวหัวเราะ “อย่าเป็นกังวลเรื่องการควบคุม แม้พวกเขาจะเป็นทหารเกณฑ์ใหม่ แต่ได้รับการฝึกฝนมาสามเดือนแล้ว หากปราศจากความกลัว พวกเขาก็สามารถสังหารศัตรูได้”
“ดี” หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “ตำแหน่งกองทหารที่สี่ของเราอยู่ถัดจากกองทหารที่หนึ่งของพี่เฟิง ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่อันตรายที่สุด ดังนั้นทุกคนต้องระวังตัวเสมอ”
“ขอรับ”
หลังจากจบการอ่านพระบรมราชโองการ ทุกคนต่างแยกย้ายไปเตรียมตัว หลินมู่อวี่ เว่ยโฉว ฉินเหยียน และเฟิงสี่ออกจากตำหนักเจ๋อเทียนพร้อมหารือเรื่องการจัดหาศาสตราวุธ
“มีลูกธนูทั้งหมดเท่าไหร่?”
“สองแสนดอกขอรับ” ฉินเหยียนตอบ “กระทรวงกลาโหมจัดสรรลูกธนูสองแสนดอกให้แต่ละกองทหาร”
“ยังไม่พอ”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “เรายังมีลูกธนูสำรองในกองทัพมังกรผงาดหรือไม่?”
“ขอรับ” เว่ยโฉวกล่าว “มีลูกธนูกว่าหนึ่งแสนดอกบนภูเขาหลงหยาน อีกทั้งมีศรเศวตรมณีกว่าแปดหมื่นดอก ท่านหลินมู่อวี่ ศรเศวตรมณีสามารถทะลวงเกราะของเผ่าปีศาจได้หรือไม่?”
“ได้ แต่แปดหมื่นดอกไม่เพียงพอ”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “เจ้าไปดูแลสิ่งที่กองทัพที่สี่ต้องใช้ทั้งหมด ส่วนข้าจะหาวิธีจัดการเรื่องลูกธนู”
“ขอรับ”
…
นายพลทั้งสามขี่ม้าไปยังค่ายทหารที่ตั้งอยู่นอกเมืองหลันเยี่ยน ขณะที่หลินมู่อวี่ลูบแผงคอสีขาวของท่าเฉว่และตรงไปยังร้านค้าจื่อยิน
บนถนนทงเทียน ร้านค้าหลักค่อยๆ ฟื้นคืนความมั่งคั่งพร้อมมีผู้คนสัญจรไปมาอย่างต่อเนื่อง ควันลอยเหนือร้านตีเหล็กขณะที่มีเสียงดังก้อง ยามมีสงคราม ร้านตีเหล็กจะเป็นที่ต้องการมากที่สุด ทหารแห่งจักรวรรดิต้องการอาวุธที่ประโยชน์ยิ่งกว่า ขณะที่ทหารพรานและทหารรับจ้างบางคนต้องการอาวุธโจมตีทุกระยะ และทั้งหมดจำเป็นต้องทำในร้านตีเหล็ก
หลินมู่อวี่ขี่ม้าอย่างเชื่องช้าเข้าไปและเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าป้ายร้านตีเหล็กรอบบริเวณร้านค้าจื่อยินถูกแทนที่ด้วยชื่อ ‘ร้านศาสตราวุธจื่อยิน’ ดูเหมือนว่าจินเสี่ยวถังจะมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง พวกเขาเริ่มต้นจากสามล้านเหรียญทองในการผนวกอุตสาหกรรมต่างๆ เข้าด้วยกัน เมื่อร้านค้าสามารถสร้างห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมได้อย่างสมบูรณ์ ก็จะเทียบเท่ากับการเป็นร้านค้าของจักรวรรดิ
หลินมู่อวี่ต้องการสิ่งนี้ในการสนับสนุนกองทหารที่สี่ของเขาในด้านอาวุธ ม้าศึก เสบียง และอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่สามารถพึ่งพาจากกระทรวงกลาโหมได้ อีกทั้งซือหลิงเป็นคนของถังหลาน หากเขาไม่สามารถส่งเสบียงและอาวุธได้ตรงเวลา หลินมู่อวี่คงจำเป็นต้องพึ่งพาตนเอง
เมื่อสมาชิกของวิหารศักดิ์สิทธิ์เห็นหลินมู่อวี่ เขารีบเข้ามาทักทายและทำความเคารพ “ท่านผู้นำวิหารมาแล้วหรือขอรับ?”
“อืม” หลินมู่อวี่ส่งม้าให้ชายหนุ่มและกล่าวว่า “พาข้าไปหาเสี่ยวถัง”
“ขอรับ”
ทั้งสองเดินผ่านร้านขายโอสถ ร้านศิลาวิญญาณ ร้านศาสตราวุธ และอีกมากมายของร้านค้าจื่อยิน เมื่อมาถึงโถงด้านหลังก็ได้ยินเสียงจินเสี่ยวถังจากไกลๆ “ท่านหลัว โล่ของท่านไม่เพียงแค่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังสวมใส่สบายอีกด้วย คนของเราได้ทดสอบโล่และแทบไม่ถูกโจมตีเลย หากท่านต้องการเข้าร่วมกับร้านค้าจื่อยิน นั่นไม่มีปัญหา แต่เราต้องได้กำไรหนึ่งส่วนสาม หากท่านตกลง โปรดลงนามตรงนี้ แต่หากไม่คงต้องไปที่ร้านค้าอื่นเจ้าค่ะ แต่ด้วยความเป็นสหายของเรา ข้าจึงต้องการเตือนไว้ก่อนว่า ร้านค้าล่ามังกรจะต้องการกำไรของท่านครึ่งหนึ่ง อีกทั้งลูกสาวของท่านงดงามยิ่งนัก บางที…”
เถ้าแก่น่าหลัวสั่นสะท้าน “ข้าตกลงแม่นางเสี่ยวถัง”
“เอาล่ะ รีบตามข้ามาเถิด อย่าให้เสียเวลาเปล่า เวลาของข้าเป็นเงินเป็นทอง ไหนจะต้องชำระบัญชีและสร้างความสัมพันธ์ แล้วยังต้องไปนัดพบกับผู้คน…”
เถ้าแก่หลัว “…”
………………………………….
ตอนต่อไป →